ตอนที่ 7 ผมจะแยกห้องนอนกับเด็กนั่น
“โห มึงนี่นะไอ้พีท ไม่เคยมองกูในแง่ดีเลย คนอย่างกูถ้าจะมีเมียนี่คือต้องเซ่อซ่าทำผู้หญิงท้องอย่างมึงหรอวะ”
ใช่ เขาไม่ต้องเซ่อซ่าทำผู้หญิงท้องแบบมัน ก็ได้เมียโดยประมาทอยู่ดี เพราะแค่เพียงไปช่วยชีวิตเธอมาจากไอ้พวกนั้น แม่ก็รีบจับเธอใส่พานประเคนให้เขาถึงที่เสียแล้ว
“ใครบอกกูเซ่อซ่าทำพั้นช์ท้อง กูตั้งใจจับพั้นช์ด้วยการทำให้ท้องต่างหาก คนไม่เคยรักใครอย่างมึง ไม่เข้าใจหรอก”
ตั้งใจทำให้ผู้หญิงที่เรารักท้อง เพื่อจับให้อยู่หมัด เธอจะได้ไม่กล้าทิ้งเราไปไหน คือวิธีที่พิรัชย์ใช้ในการมัดมือชกเมียเด็กในปกครองและมันก็ได้ผลดีเพราะชีวิตของมันตอนนี้มีความสุขมาก ซึ่งมันไร้สาระสิ้นดีในความคิดของเหนือเมฆ
เรื่องอะไรจจะต้องเอาชีวิตทั้งชีวิต ไปผูกติดอยู่กับแค่ผู้หญิงเพียงคนเดียวด้วย แค่เมียคนเดียวไม่พอ แถมลูกมาอีก
ไม่ไหว..เขาคิดภาพตัวเองเป็นพ่อคนไม่ออกเลยจริงๆ
“ตกลงมึงจะทำยังไงต่อไป ไอ้น่าน จะกลับไปคุยกับมะลิให้รู้เรื่อง หรือทำงอนน้อยใจเมียเหมือนผัวแก่ๆ แบบนี้ แต่กูบอกไว้ก่อนนะ งอนมาก เมียเด็กของมึงทิ้งมึงไปคบกับไอ้พระเอกนั่นแน่ คนอายุเท่ากัน มันคุยกันรู้เรื่องมากกว่าเรานะโว้ย”
เหนือเมฆขู่พี่ชายอีกครั้ง เพราะรู้สึกสงสารแกมสมเพชที่ต้องมาทนเห็นเพลย์บอยหนุ่มรูปหล่อฉายาคุณหมอ Hot Nerd ตกอยู่ในสภาพทุเรศๆ แบบนี้ไม่ได้จริงๆ
หนุ่มหล่อแสนเพอร์เฟคอย่างพวกเขา ต้องสง่างามดั่งราชสีห์นักล่า ผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารเท่านั้น
“มะลิกำลังอ่านหนังสือสอบ สั่งไม่ให้กูเข้าไปกวน จนกว่าจะสอบเสร็จ กูถึงจะไปนอนด้วยได้”
“โถ ไอ้น่าน ชีวิตมึงจบสิ้นแล้ว”
เหนือเมฆส่ายหน้า สุดท้ายพี่ชายของเขาก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบให้กับเด็กสาวที่ตัวเองรับมาอุปการะ ยังไงพี่สะใภ้ของเขาก็ต้องเป็นสาวน้อยมะลิคนนี้ไม่มีทางพลาดเป้าไปได้แน่นอน และแน่นอนว่า เขาเหลือแค่ทางเดียวให้ตัดสินใจแล้ว นั่นก็คือยอมแต่งงานกับเด็กพาฝันนั่น เพื่อเสียสละให้พี่ชายกับมะลิ ได้ครองรักกันอย่างมีความสุข
หลังจากที่พ่อของพาฝันถูกพากลับมารักษาตัวที่ประเทศไทย เธอก็ขอแยกตัวกลับไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมส่วนตัวของเธอ เพราะใกล้กับมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลแห่งนี้ เนื่องจากเธอต้องไปเรียนทุกวันและต้องมาเฝ้าพ่อของเธอทุกคืนด้วย
แน่นอนว่าคุณนายณิชาผู้แสนใจดียอมให้เธอไปอยู่ตามลำพัง แต่มีข้อแม้ว่าต้องยอมรับเงินช่วยเหลือที่โอนเข้าบัญชีเธอทันทีเป็นเงินหลายแสน และต้องยอมมีบอดี้การ์ดคอยติดตามดูแลเธอถึงสองคน
แม้ว่าเธอจะเกรงใจแต่ก็ต้องยอมทำตามใจผู้ใหญ่อย่างไม่อิดออด เพราะเอาเข้าจริงๆ เธอก็ยังแอบกลัวว่าไอ้มาเฟียนั่นมันจะตามมารังควานเธออีก
และจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเรื่องที่ปราณนต์อุปโลกน์ขึ้นมาในวันนั้น มันจะเกิดขึ้นจริงอีกไม่นานนี้
ไม่นานก็ถึงวันสอบวันสุดท้ายของพาฝันในชั้นปีที่สาม หลังจากที่เธอสอบเสร็จก็หอบเสื้อผ้ามานอนเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาลได้ทั้งวันทั้งคืนอย่างเต็มที่ ซึ่งวันต่อมาพ่อของเธอก็ลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่โดนพวกมันยำเละในวันนั้น ปราณนต์และณิชาจึงรีบมาเยี่ยมทันที
“พิชาญ นี่ฉันเองนะ ปราณต์ ฉันกับณิชามาเยี่ยม”
พิชาญที่เพิ่งฟื้นได้ไม่นาน ลืมตาขึ้นมามองเจ้านายเก่าทั้งสองแล้วน้ำตาไหล แค่ได้เห็นสองคนนี้มาเยี่ยม ก็สบายใจได้แล้วว่า ต่อให้เขาเป็นอะไรไป ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาก็จะต้องอยู่รอดปลอดภัยอย่างแน่นอน
สิ่งที่ห่วงที่สุดในชีวิตที่ทำให้เขาต้องฝืนสังขารหายใจอย่างรวยรินมาจนถึงวินาทีนี้ มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือลูกสาวผู้แสนอาภัพของเขา
คนป่วยพยายามยกมืออันสั่นเทาขึ้นมา ปราณนต์เห็นดังนั้น
จึงยื่นมือไปกุมมือใหญ่ของคนป่วยเอาไว้แน่น เขารู้ดีว่าสิ่งที่พิชาญต้องการจะสื่อแม้ยังพูดไม่ได้ในตอนนี้คือเรื่องอะไร
“ไม่ต้องห่วงพาฝัน ฉันกับณิชาจะดูแลพาฝันให้เหมือนลูก เรื่องไอ้เพชรก็ไม่ต้องกังวล มันไม่มีทางทำอะไรพาฝันได้ เพราะฉันกำลังจะให้พาฝันแต่งงานกับลูกชายของฉัน พาฝันจะมีคนคุ้มกันและคอยดูแลภายใต้นามสกุลอธิพัฒน์โภคิน ไม่มีใครทำอะไรพาฝันได้ทั้งนั้น”
คนป่วยยิ้มอย่างยากลำบาก น้ำตามากมายไหลออกมาจนเปียกหมอน พาฝันที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของเตียงที่บิดานอนอยู่อดสะเทือนใจไม่ได้ ถึงพ่อจะไม่ต้องอยู่ห้องไอซียูแล้ว แต่ร่างกายที่บอบช้ำและอวัยวะเสียหายจนไม่สามารถทำงานได้ในหลายส่วน ก็ทำให้พ่อของเธอยังไม่พ้นขีดอันตราย
หมอบอกทุกวันให้เธอทำใจ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถทำใจได้ว่าวันหนึ่งเธออาจจะสูญเสียพ่อไป ถึงแม้ว่าวันนี้พ่อจะฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่หมอก็ยังคงยืนยันคำเดิมอยู่ดี และที่พ่อยังคงฝืนหายใจอยู่จนตอนนี้ เธอรู้ว่านั่นเพราะว่ามีเธอเป็นสาเหตุ
“พ่อ พ่อขา พ่อไม่ต้องกังวลนะคะ ไม่ต้องห่วงฝัน คุณลุงคุณป้าดูแลฝันอย่างดี ฝันจะเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน และจะตอบแทนบุญคุณของคุณลุงคุณป้าอย่างที่พ่อสอน”
คนป่วยยิ้มให้ลูกสาว มองหน้าสุดยอดดวงใจของตัวเองผ่านม่านน้ำตา ก่อนจะมองเห็นใบหน้าสวยงามของลูกสาวตัวเองชัดเจนอีกครั้ง เมื่อน้ำตาที่ขังเอ่อคอหน่วยไหลลงไปแล้ว และวันนี้ เขาหมดห่วงแล้ว
ชีพจรของคนป่วยเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ ก่อนสัญญาณชีพจะขาดหายไปในที่สุด
“พ่อ พ่อ”
พาฝันกอดร่างไร้ลมหายใจของพ่อแน่น เขย่าเรียกพ่อแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นราวจะขาดใจ เป็นภาพที่น่าเวทนาของคนที่อยู่ในห้องนี้เป็นอย่างมาก
หลังจากงานศพของพิชาญเสร็จสิ้นลงไป พาฝันก็ขอจัดการเรื่องห้องพักและเรื่องเรียนภาคฤดูร้อนของตัวเองอีกนิดหน่อย โดยที่สัญญาว่าถ้าเปิดเทอมแล้ว จะเข้าไปอยู่ในบ้านอธิพัฒน์โภคินเพราะหลังจากนี้เธอต้องอยู่ในความดูแลของปราณนต์และณิชา จนกว่าจะเรียนจบ หรือจนกว่าจะปลอดภัยจากไอ้มาเฟียหื่นกระหายนั่น
ในที่สุดก็ถึงวันที่เหนือเมฆจะต้องให้คำตอบกับผู้เป็นพ่อและแม่ เรื่องที่จะยอมแต่งงานกับพาฝันหรือไม่ เขาเหลือบมองหน้าพี่ชายฝาแฝดอีกนิด ก็ตัดสินใจพูดออกไป
“ผมตัดสินใจแล้ว ว่าผมจะยอมแต่งงานกับพาฝัน แต่แต่งแค่ในนามนะครับ ผมจะแยกห้องนอนกับเด็กนั่น จะไม่ยุ่งเกี่ยวหรือทำอะไรเธอทั้งนั้น เดี๋ยวผมจะบอกเงื่อนไขและระยะเวลาที่เด็กนั่นต้องอยู่ในความดูแลของผมกับเด็กนั่นเอง พ่อแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลลูกสาวของพ่อกับแม่ให้ดีครับ แต่เรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะขอพ่อกับแม่เอาไว้คือ ในเมื่อผมแต่งงานกันแค่ในนาม ไม่ได้แตะต้องเด็กนั่นให้เสียหาย ผมขอใช้ชีวิตแบบเดิม แต่สัญญาว่าจะระวังตัวเองให้มากกว่านี้และจะพยายามไม่ให้เป็นข่าวเสียหายออกมาเด็ดขาด พ่อกับแม่โอเคไหมครับ”
ที่จริงณิชาเองก็ไม่ได้อยากให้ลูกชายยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงเหล่านั้นอีกแล้ว ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากให้ลูกชายของเธอกับพาฝัน ชอบกันขึ้นมาจริงๆ จนทำให้การแต่งงานจอมปลอมครั้งนี้กลายเป็นเรื่องจริงไปได้ เพราะเธอเองก็ชอบพาฝันมาก
แต่ในเมื่อพาฝันยังเด็กและคงไม่ใช่สเปคของลูกชาย ดังนั้นการแต่งงานในนามก็คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน และเธอไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายเรื่องชีวิตส่วนตัวของลูกให้มากกว่านี้
เพราะเท่าที่เขาเสียสละตัวเองยอมแต่งงานจดทะเบียนสมรสและดูแลปกป้องผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่ได้รัก แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว จึงยินยอมให้ลูกชายใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป
“จ๊ะลูก แม่จะไม่ห้ามเหนือ แต่ขอให้เหนือดูแลตัวเองให้ดีและอย่าให้มีข่าวเสียหายออกมา เพราะนั่นมันจะทำให้เสื่อมเสียไปถึงทุกคน ที่จริงงานแต่งงานของเหนือกับน้อง แม่ไม่อยากจะจัดให้ใหญ่โตอะไร ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เกียรติพาฝันหรอกนะ ลูกก็รู้ว่าแม่รักน้องมาก แต่ในเมื่อมันเป็นการแต่งงานแค่ในนาม วันหนึ่งลูกกับน้องก็ต้องหย่ากัน แล้วแยกย้ายกันไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง การที่เรื่องการแต่งงานในครั้งนี้ มีคนรู้น้อยมากเท่าไหร่ น้องก็จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ง่ายเท่านั้น เพราะไม่ใช่ผู้ชายทุกคนจะใจกว้าง ยอมรับผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วอย่างง่ายๆ โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไร ที่ทำแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีกับน้องนั่นแหละ”