ตอนที่ 10 กำไข่
“ขอบคุณมากค่ะคุณเหนือเมฆ สวัสดีค่ะ”
เธอพนมมือไหว้อย่างสวยงามเหมือนเดิม ก่อนจะขยับตัวเตรียมลงจากรถที่มีบอดี้การ์ดลงมาเปิดประตูรอเธออยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจ้าของรถเอ่ยรั้งเธอเอาไว้
“เดี๋ยว เมื่อกี้แฟนเธอหรอ ที่โทรมา”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่แฟน”
“ไม่ใช่แฟนแล้วเป็นอะไร ผัวหรอ”
คนตัวบางตวัดสายตามองเขาด้วยความไม่ชอบใจ ถ้าหน้าตาไม่เหมือนกับหมอน่านฟ้าทุกกระเบียดนิ้วเพราะเป็นฝาแฝดกัน เธอจะไม่เชื่อเลยว่าเขาเป็นลูกชายของคุณลุงปราณนต์และคุณป้าณิชาผู้น่ารัก แถมยังเป็นน้องชายฝาแฝดของหมอน่านฟ้าที่ใจดีและสุภาพที่สุด
ก็ดูเขาสิ ทั้งดิบเถื่อน ไร้หัวใจ และปากเสียในคนคนเดียวกัน คนปากแบบนี้ก็มีสาวๆ รุมยื้อแย่งกันเยอะแยะขนาดนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
“ผัวก็ไม่ใช่ค่ะ เขาเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายของเพื่อนฉัน ไม่งงใช่ไหมคะ”
“อ้อ เพื่อนพี่ชายเพื่อน ทำไม มันจีบเธอหรอ ปกติมันต้องสลับคู่กันสิ เธอต้องได้กับพี่ชายเพื่อนเธอ ส่วนเพื่อนเธอก็ต้องได้กับเพื่อนของพี่ชาย แบบนี้มันถึงจะครบสูตร”
“ดูละครมากไปหรือเปล่าคะ หรือว่ามีแต่คู่ควงเป็นดารานางแบบ จนอินกับพล็อตละครน้ำเน่าไปซะแล้ว”
คนตัวโตกัดกรามกรอด หน็อย ยัยเด็กนี่ ปากกล้าซะเหลือเกิน ทีอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ทำเป็นหงิมๆ ติ๋มๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา พออยู่กับเขาสองคนเข้าหน่อยเถียงคำไม่ตกฟาก แถมยังกล้าตอกกลับเขาเสียจนหน้าเกือบหงาย มันน่าบีบคอสวยๆ นั่นให้หักเสียจริง
“จะเพราะอะไรก็เรื่องของฉัน ตอบคำถามของฉันมาก็พอ สรุปว่ามันจีบเธอใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ พี่ไอย์จีบฉันอยู่ คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ ไหนบอกว่าต่อให้เราแต่งงานกันแล้ว ฉันกับคุณก็ยังสามารถใช้ชีวิตอิสระได้เหมือนเดิมไง”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย แค่ถามไว้เป็นข้อมูล ว่าว่าที่เมียตัวเองกำลังคั่วกับใครอยู่บ้าง ถ้าหายออกไปจากบ้านหลายๆ คืนจะได้ไปตามตัวถูก”
“คงไม่ต้องลำบากคุณขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันมีความยับยั้งชั่งใจพอ แต่งงานกับคุณแล้วถึงแม้จะแค่ในนาม ฉันก็รับผิดชอบแบกนามสกุลของคุณเอาไว้ ไม่กล้าทำอะไรให้คุณลุงคุณป้าหรือคนในตระกูลอธิพัฒน์โภคิน ต้องเสียหายหรอกนะคะ”
“ดี คิดได้แบบนี้ก็ดี อย่าลืมว่าเธอแบกหน้าตาของคนในตระกูลของฉันอยู่ จะทำอะไรก็คิดให้มันดีๆ แล้วกัน อย่าให้มีเรื่องเสื่อมเสียมาถึงครอบครัวฉันได้”
“รับรองค่ะ คุณไม่ต้องกังวลนะคะคุณเหนือเมฆ ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมคะ งั้นฉันขอตัวก่อน”
“เดี๋ยว จะย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านเมื่อไหร่ อยู่คนเดียวแบบนี้ไม่กลัวหรือไง ก็บอกแล้วไงว่าไอ้เพชรมันยังไม่ยอมปล่อยเธอง่ายๆ ตอนกลางคืนที่ไม่ได้มีบอดี้การ์ดของฉันเฝ้าอยู่ไม่กลัวมันเข้ามาลากเธอออกไปอีกหรือไง”
คำขู่ของเขามีผลทำให้คนตัวบางมีท่าทีลังเล ใบหน้าสวยซีดลงด้วยความกังวล มันก็จริงอย่างที่เขาว่า ถึงแม้ในตอนกลางวันที่เธอจะเดินทางไปไหนมาไหนหรือแม้แต่ไปเรียน จะมีบอดี้บอดี้การ์ดของเขาคอยเฝ้าอยู่ตลอดเวลา
แต่ตอนกลางคืนเธอก็อยู่ห้องคนเดียว แม้ว่าคุณลุงคุณป้าจะให้บอดี้การ์ดสองคนนั้น มาอยู่ที่ห้องด้านข้างของเธอแล้ว แต่ถ้าในเวลายามวิกาล เกิดอะไรขึ้นมาก็ไม่มีใครออกมาช่วยเธอได้ทันแน่ๆ
“ก็ที่บ้านคุณมันไกลจากมหาวิทยาลัยนี่คะ ฉันคิดว่ามันจะไม่สะดวกในการเดินทางไปเรียน”
“แค่ตื่นเช้าขึ้นมาอีกนิด มันลำบากมากนักเลยหรือไง ถ้าเธอเป็นอะไรไปขึ้นมา ก็เดือดร้อนพวกฉันอีก เรื่องแค่นี้ทำไมคิดไม่ได้”
พาฝันก้มหน้างุดมองมือตัวเองด้วยความรู้สึกผิด มันก็จริงอย่างที่เขาพูด ถ้าเกิดไอ้มาเฟียนั่นมาตามจับตัวเธอไปได้ ทั้งเธอและครอบครัวเขาเดือดร้อนแน่ และคราวนี้เธอคงต้องตกไปเป็นนางบำเรอของมันจริงๆ แน่นอน
“ขอโทษค่ะ ฉันลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย แต่อยู่มาเป็นเดือน ก็ยังไม่มีอะไรนี่นา”
“ต้องรอให้มันมีอะไรก่อนหรือยังไง ถ้ามีรอบนี้เธออาจจะไม่โชคดีเหมือนคราวที่แล้ว ที่ฉันไปช่วยเธอไว้ได้ทันก็ได้ แล้วรู้ไหมถ้าไอ้เพชรมันได้ตัวเธอไป มันจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ”
คนตัวบางใบหน้าซีดเซียวยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เมื่อนึกภาพตามคำขู่ของเขา ถึงแม้ไอ้มาเฟียนั่นจะหล่อเหลาราวเทพบุตรไม่ต่างจากคนตรงหน้าคนนี้นัก แต่ผู้ชายกักขฬะนิสัยไม่ดีแบบนั้น ถ้าให้มันต้องมาทำอะไรกับร่างกายของเธอโดยที่เธอไม่ได้ยินยอม คงรู้สึกขยะแขยงจนแทบอาเจียน
“ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าจะต้องทำยังไง”
“คุณหมายถึงให้ฉันเก็บของไปอยู่ที่บ้านของคุณหรือคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ง่ายๆ แค่นี้ยังต้องให้แปลอีกหรือ ที่แม่ฉันไม่บังคับเธอในเรื่องนี้ก็เพราะว่าไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ เห็นเธอต้องเสียพ่อไปแล้ว ก็ไม่อยากจะบังคับฝืนใจอะไรเธอมากนัก แต่แม่ก็คงลืมคิดไป ว่าต่อให้เธออยู่ที่นี่มันก็มีอันตรายรอบด้านอยู่ดี เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะกลับไปสั่งให้แม่บ้านทำความสะอาดห้องของเธอเอาไว้รอ พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนก็รีบมาเก็บของ แล้วย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านฉันซะ อย่าทำตัวเรื่องมาก”
“ค่ะ รับทราบแล้วค่ะ ฉันก็ไม่ได้เรื่องมากอะไรเลย ที่ยังไม่อยากไปเพราะเกรงใจคุณลุงคุณป้าเท่านั้น”
“ยังมีอะไรต้องเกรงใจกันอีกหรือ พ่อแม่ฉันรักเธอออกจะตายไป อีกไม่กี่เดือนเธอก็ต้องเป็นสะใภ้ของท่านอย่างเต็มตัวแล้ว ต่อไปก็ไม่มีอะไรให้ต้องเกรงใจกันอีก แค่ทำตามที่ฉันสั่งแค่นั้นก็พอเข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ งั้นตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมคะ ฉันจะขอตัวขึ้นห้องรีบไปจัดเสื้อผ้าเตรียมเอาไว้”
“ไม่มีแล้ว”
จะรีบไปจัดเสื้อผ้าหรือจะรีบไปโทรหาไอ้ผู้ชายคนนั้นก็ไม่รู้ แต่ถึงจะเป็นอย่างหลังก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาที่จะต้องเอามาใส่ใจ ในเมื่อเรื่องส่วนตัวของใครก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคนนั้น ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกัน
ยิ่งเธอมีคนที่คุยด้วยและอาจจะพัฒนาความสัมพันธ์ถึงขั้นเป็นแฟนก็ยิ่งดีต่อเขา เพราะความใกล้ชิดอาจทำให้เด็กสาวคนหนึ่งผูกพันและตกหลุมรักเขาขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ แล้วถ้าถึงวันนั้นที่จะต้องมีการหย่าร้างกัน ทุกฝ่ายคงลำบากใจน่าดู
เมื่อเหนือเมฆกลับมาถึงบ้าน ก็สั่งให้แม่บ้านเตรียมตัวทำความสะอาดห้องที่ติดกับห้องของเขาเพื่อรองรับว่าที่สะใภ้คนแรกของพ่อกับแม่
ดูสิ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นน้อง ดันมีเรื่องให้ต้องแต่งงานก่อนคนเป็นพี่จนได้
ตอนเย็นวันรุ่งขึ้นเหนือเมฆสั่งให้คนของเขาไปช่วยเธอขนเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวเท่าที่จำเป็นมาที่บ้านของเขาส่วนหนึ่งก่อน คุณนายณิชาตื่นเต้นผุดลุกผุดนั่งรอฟังเสียงรถยนต์อยู่นานนับชั่วโมง จนคนเป็นสามีอดที่จะแซวไม่ได้
“ณิชาครับ พี่เวียนหัวไปหมดแล้วนะ นั่งลงเถอะ เดี๋ยวฝันก็มาถึงแล้ว อะไรกันครับเนี่ย ตื่นเต้นเป็นเด็กๆ ไปได้”
“ก็ณิชายังไม่เคยมีลูกสะใภ้นี่คะ ก็เลยต้องเห่อหน่อย ดีใจจังเลยที่ฝันจะมาอยู่กับเราก่อนกำหนดตั้งหลายเดือน เหนือไปพูดอะไรกับน้องเนี่ยลูก ทำไมน้องถึงยอมมาอยู่กับเราก่อนกำหนด”
“ก็ไม่ได้พูดอะไรมากครับ แค่ขู่ไปว่าถ้าอยู่ที่นู่นคนเดียวแล้วไอ้เพชรมันเกิดบุกมาก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ จากที่จะเป็นเมียผมปลอมๆ ก็ต้องไปเป็นเมียไอ้เพชรจริงๆ แค่นี้เด็กนั่นก็กลัวจนหัวหด รีบขึ้นไปเก็บกระเป๋าหนีตามผมมาแทบไม่ทัน อย่างว่าแหละครับคนมันหล่อ ช่วยไม่ได้”
“ขออนุญาตถุยได้ไหมครับ มั่นใจในตัวเองเหลือเกินนะมึง ไอ้เหนือ”
น่านฟ้าอดที่จะหมั่นไส้น้องชายที่คลานตามกันมาไม่ได้ คุยโวเหลือเกิน กำลังจะขาดอิสรภาพไปชั่วชีวิตอยู่แล้ว ยังไม่รู้ตัวอีก
“มึงพูดมากอีกแล้วนะไอ้น่าน อย่าลืมว่ากูกำอะไรของมึงเอาไว้อยู่”
“อะไรนิดหน่อยก็ขู่ก็ขู่ ถือว่ากำไข่กูอยู่หรอกนะ กูถึงยอม แม่ครับ งั้นผมไปรับมะลิก่อนแล้วกันนะครับ ใกล้จะเลิกกองแล้ว”