บท
ตั้งค่า

ข่าวร้ายของครอบครัว

ร่างบอบบางของสาวน้อยวัยยี่สิบปีเดินออกมาจากห้องพักแพทย์อย่างคนหมดแรง ดวงตากลมโตที่มีชีวิตชีวาอยู่เสมอตอนนี้กลับแห้งผาก ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นสีชมพูระเรื่อโดยธรรมชาติไหวระริก หากแต่พยายามกัดมันไว้เพื่อกดข่มความรู้สึกอยากร้องไห้โฮออกมา

“ แม่ของคุณเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะที่สาม ”

คำนั้นมันก้องอยู่ในหัว แม้ว่าแพทย์จะอธิบายว่ายังคงรักษาได้ จากยาปกติที่ทางโรงพยาบาลจะจ่ายให้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่หากอยากได้ยาที่ดีกว่านั้นก็มียานอกบัญชี และแน่นอนว่าหมายถึงเธอต้องหาเงินมาจ่ายในส่วนนี้ ซึ่งฟังจากที่หมอแจกแจงนั่นมันมากโข นักศึกษาปีสองคณะบัญชีอย่างเธอจะเอาเงินที่ไหนมานักหนา ลำพังจะกินไปวัน ๆ จากการที่สามแม่ลูกช่วยกันทำน้ำเต้าหู้และโจ๊กขายตอนเช้าก็แค่พอกินพอใช้ พอจ่ายค่าเช่าห้อง และพอส่งตัวเองและรอนผู้เป็นน้องชายที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้า ได้ร่ำเรียน ร่างกายของแม่ก็มีแต่ทรุดกับทรุดลงทุกวัน ระยะหลัง ๆ มานี่แม่เริ่มไข้และเป็นลมหน้ามืดบ่อย ๆ โดยไม่มีสาเหตุ จึงได้พาแม่มาตรวจเช็ค

สมองเธอพยายามไตร่ตรอง ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ทำได้ตอนนี้ เธอควรจะดร็อปเรียนไว้ก่อน เพื่อที่จะได้มีเวลาหางานทำเพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงมีเงินมากขึ้น เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลแม่และส่งเสียน้องชาย

“ พี่รัน หมอว่าไงบ้าง ” เสียงเด็กหนุ่มถามพี่สาวทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามา รันดาสะดุ้ง ขามันพาเดินมาถึงเมื่อไหร่ยังไม่รู้ ทว่าทันทีที่เห็นหน้าแม่กับน้องก็รีบปรับสีหน้าให้อยู่ในโหมดเบิกบานกว่าที่เป็นจริงทันที

เธอทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ แล้วเอื้อมมือไปกุมมือผอมของผู้เป็นแม่ไว้

“ แม่ไม่ต้องตกใจนะจ๊ะ หมอบอกว่าแม่มีความผิดปกติทางเม็ดเลือดขาวแต่ว่ามันเป็นเพียงระยะเริ่มต้น หมอรักษาได้แน่นอน เพียงแต่แม่ต้องหยุดทำงาน พักฟื้นร่างกาย กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ ไร้สารเคมี มาหาหมอสม่ำเสมอ แค่นี้ก็จะหายในเร็ววันจ้ะ ” ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วของนางรัตน์ยิ่งซีดหนักกว่าเก่า นางลองปรึกษาเพื่อนบ้านและแม่ค้าแม่ขายในตลาดดูแล้ว เจ๊กิมร้านขายทองบอกว่า อาการเธอคล้ายคนเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย เพราะแม่ผัวของเธอก็เป็น มีอาการแบบนี้ อยู่ได้แค่สามเดือนก็ตาย

“ ไอ้โรคผิดปกติทางเม็ดเลือดเนี่ย มะเร็งเม็ดเลือดใช่ไหมรัน บอกแม่มาตามตรงเถอะ ” รอนจ้องหน้าพี่สาวอย่างตระหนก รันดาหลบสายตาต่ำมองพื้น กลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ

“ ใช่จ้ะแม่ แต่มันแค่ระยะเริ่มต้น แม่ไม่ต้องตกใจนะ ”

ก็ว่าทำใจมาแล้ว แต่ทันทีที่ได้ยินก็ทำให้นางรัตน์หมดเรี่ยวแรง นางหลับตาแล้วเอนกายพิงพนักของวีลแชร์อย่างเหนื่อยล้า

“ แม่ แม่ไม่กลัวนะ หมอเขาบอกว่ายังไงก็รักษาได้ ” รันดารีบล้วงยาดมออกมาจากกระเป๋าถือของแม่แล้วส่งให้นางดม ลูกชายรีบบีบนวดให้อย่างแสนสงสาร

“ จริง แม่ไม่ต้องกลัว รอนกับพี่รันจะดูแลแม่อย่างดีที่สุด ”

“ แม่ไม่ได้กลัวตายหรอก แต่แม่กลัวจะไม่ได้อยู่ดูแลลูก แถมยังเป็นภาระให้ลูกทั้งสองอีก ”

“ โธ่ แม่จ๋า รันกับรอนน่ะ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วนะจ๊ะ น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ กับโจ๊กเนี่ยก็ช่วยแม่ทำมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างนะช่วงนี้ก็ปิดเทอมพอดีด้วย พอขายของเสร็จก็ยังมีเวลาออกไปหางานพิเศษทำอีก สบาย ๆ แม่อย่าคิดมากนะจ๊ะ ”

“ ใช่ครับแม่ แม่แค่พักผ่อนและแข็งแรงไว ๆ เรื่องอื่นไม่ต้องห่วงนะครับ ”

น้ำตาใสไหลอาบแก้มผู้เป็นแม่ แม้ว่าเธอจะมีสามีที่ไม่เอาไหนและทิ้งลูกเมียหนีไปกับผู้หญิงตั้งแต่รันดาห้าขวบ รอนเพียงสองขวบ ปล่อยให้เธอปากกัดตีนถีบทั้งที่ลูกยังเล็กเพียงลำพังแต่เธอก็ไม่เคยย่อท้อ ลูกทั้งสองเป็นเด็กดี ไม่เคยทำอะไรให้แม่เสียใจเลยสักครั้ง

“ ขอบใจนะลูก ขอบใจที่เป็นเด็กดีของแม่มาเสมอ แม่สัญญาว่าจะเข้มแข็งและรักษาตัวเองให้หายไว ๆ ”

“ รันรักแม่นะจ๊ะ ”

“ รอนรักแม่มากกว่า ”

“ แต่แม่รักรันกับรอนมากที่สุด ” สามแม่ลูกหัวเราะทั้งน้ำตาพร้อมกัน ในความทุกข์ก็ยังมีความสุขจากความรักมาบำบัดให้เบาบางลงได้

“ กลับบ้านเรากันนะแม่ ” รันดาพูดพร้อมเข็นวีลแชร์ของแม่ออกไปทางหน้าโรงพยาบาล ก่อนจะเรียกแท็กซี่กลับบ้านในทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel