บทที่ 1
ร่างบางระหงอยู่ในชุดสูทสีดำแบบกางเกง ก้าวเดินเร็วๆ ด้วยท่วงท่าทะมัด
ทะแมงตรงไปยังห้องทำงานของเจ้านาย เมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง มือเล็กยกขึ้นเคาะประตูห้องหนักๆ ก่อนจะเปิดออกกว้าง เดินเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องรอเสียงอนุญาตจากคนที่อยู่ในห้องทำงาน
“สวัสดีค่ะ บอส”
นารินดา เจ้าของใบหน้างดงามคมเข้ม ยกมือไหว้ ก่อนจะเอ่ยขอโทษเจ้านายหนุ่ม รวมทั้งเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ในห้องแห่งนี้
“นาขอโทษที่มาช้า พอดีเพิ่งกลับจากสนามบิน ไปส่งลูกค้าขึ้นเครื่องบินนะคะ”
“ไม่เป็นไร ผมรู้แล้วว่าคุณไปส่งลูกค้ามา” พงศ์พล ผู้เป็นเจ้านายโบกมือปฏิเสธว่อน แล้วสั่งลูกน้องสาวต่อ “นั่งลงก่อนสิ นารินดา”
“ขอบคุณมากค่ะ บอส”
นารินดาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ พลางหันไปเอ่ยขอโทษเพื่อนร่วมงานอีกครั้ง ที่ทำให้การประชุมเป็นไปอย่างล่าช้า เพราะเธอเข้ามาประชุมเป็นคนสุดท้าย
“ทุกคนมาพร้อมแล้ว ผมจะเริ่มประชุมเดี๋ยวนี้”
“ค่ะ บอส”
หนึ่งในลูกน้องทั้งหมดเอ่ยรับคำพูดของเจ้านาย ทุกสายตาจ้องมองไปยังเจ้านายหนุ่มที่กำลังจะเปิดการประชุมด่วนในวันนี้
พงศ์พล เจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคล ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้ทำหน้าที่อารักขาบุคคลสำคัญต่างๆ เวลาเดินทางมาเยือนเป็นอาคันตุกะของประเทศไทย
รวมทั้งบรรดามหาเศรษฐีที่เดินทางมาท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจในประเทศไทย ต่างก็เลือกใช้บริการจากบริษัทของพงศ์พล นั่นก็เป็นเพราะว่าบริษัทแห่งนี้มีบอร์ดี้การ์ดทั้งชายและหญิง การันตีว่าเรียกว่าเก่งที่สุด คัดเฉพาะระดับหัวกะทิอยู่เกือบห้าสิบคนด้วยกัน
“ที่ผมเรียกประชุมเป็นการเร่งด่วนในวันนี้ ก็เพราะว่าบริษัทของพวกเรากำลังเป็นที่ต้องตาต้องใจของมหาเศรษฐีรายหนึ่งในประเทศรัสเซีย”
“บอสจะขายบริษัทหรือคะ”
“บอสคะ อย่าขายเลยค่ะ พวกเราไม่อยากมีบอสเป็นชาวรัสเซีย”
“พวกเราคุยภาษารัสเซียไม่เป็น”
“อย่าลอยแพลูกน้องตาดำๆ นะคะ...บอส”
“สงสารพวกเราด้วยเถอะ...ลูกก็มี ผัวก็ต้องเลี้ยง...”
หลากหลายคำถาม พร้อมกับเสียงที่แสร้งโอดครวญของบรรดาลูกน้อง ทำเอาพงศ์พลต้องส่ายหน้ากับความขี่เล่นของบอร์ดี้การ์ดสาวเหล่านี้ และพอหันไปมองลูกน้องคนเก่งนั่นก็คือนารินดา ก็เห็นหญิงสาวอมยิ้มบางๆ กับคำสัพยอกของเพื่อนร่วมงาน
“อย่าเพิ่งโวยวายเลยน่า...รับรองน่าว่าผมไม่ลอยแพพวกคุณแน่ และสิ้นปีนี้ทุกคนจะได้รับโบนัสคนละสามเดือนด้วย”
ในแต่ละปี บริษัทบอร์ดี้การ์ดแห่งนี้สร้างรายได้มหาศาลให้กับพงศ์พล และตัวเขาเองก็มีทุนค่อนข้างหนา ไม่จำเป็นต้องขายกิจการให้กับใคร ทว่าเจ้านายผู้นี้รู้ดีว่าลูกน้องสาวต่างแกล้งแซว เพื่อสร้างบรรยากาศภายในห้องประชุมไม่
ให้เคร่งเครียดจนเกินไป
“ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ”
บรรดาลูกสาวสาวสัพยอกเจ้านายหนุ่มต่อ ทำเอาพงศ์พลต้องหัวเราะร่วน ก่อนจะยกมือห้าม เริ่มพูดเป็นงานเป็นการสำหรับหัวข้อการประชุมในวันนี้
“เอาล่ะ พวกคุณเลิกเล่นกันได้แล้ว ที่ผมเรียกทุกคนมาประชุม ก็เพราะว่ามีลูกค้าชาวรัสเซียกำลังจะมาเที่ยวในประเทศไทย และเขาต้องการจ้างบอร์ดี้การ์ดให้คอยคุ้มครองระหว่างอยู่ในประเทศไทยด้วย”
“เขามาเป็นครอบครัวหรือคะ บอส”
นารินดาเอ่ยถามหลังจากนิ่งเงียบมานาน อีกทั้งยังสงสัยว่าเพราะเหตุใด เจ้านายหนุ่มถึงไม่ส่งประวัติของลูกค้ารายใหม่ให้พวกเธอได้อ่าน เพราะโดยปกติแล้ว หากงานมีลูกค้ารายใหม่เข้ามา พงศ์พลจะให้เลขาฯ ทำประวัติของลูกค้าให้พวกเธอได้อ่านโดยละเอียด
พงศ์พลส่ายหน้าปฏิเสธ พลางเอ่ยตอบว่า “เปล่าครับ เขามาคนเดียว หนุ่มโสด และรวยมาก ต้องการมาเที่ยวประเทศไทย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคุณแม่ของเขาครับ”
“หมายความว่าลูกค้ารายนี้เป็นลูกครึ่งรัสเซีย-ไทย ยังงั้นหรือคะ”
“ครับ” พงศ์พลหันไปตอบลูกน้องอีกคนที่เอ่ยถามเขา
“บอสคะ ทำไมบอสไม่ส่งประวัติของลูกค้าให้พวกเราอ่านล่ะคะ”
นารินดาเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่จึงเอ่ยถามเจ้านายในที่สุด และคำถามของเธอก็ตรงใจเพื่อนร่วมงานทุกคนในห้องประชุม ซึ่งต่างก็อยากรู้ในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
“นั่นน่ะสิ ไม่เห็นมีประวัติของลูกค้ารายนี้เลย”
พงศ์พลคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับลูกน้องทุกคน แล้วเอ่ยตอบให้เหล่าบอร์ดี้การ์ดสาวต้องงุนงงหนักไปกว่าเดิม
“ประวัติของลูกค้าคนสำคัญรายนี้ จะอยู่ในมือของบอร์ดี้การ์ด ที่ถูกเลือกให้ทำหน้าที่อารักขาความปลอดภัยให้กับเขา”
“บอสไม่ได้เป็นคนเลือกพวกเราให้ทำงานนี้หรือคะ” บอร์ดี้การ์ดสาวหนึ่งในนั้นเอ่ยถามเจ้านายหนุ่ม
และพงศ์พลก็ส่ายหน้าปฏิเสธในทันที “ไม่ครับ ผมไม่ได้เลือก ลูกค้าแจ้งว่าเขาต้องการเลือกบอร์ดี้การ์ดด้วยตัวเขาเอง”
“ลูกค้าจะเป็นคนเลือกบอร์ดี้การ์ดเอง เขาจะเลือกยังไงคะในเมื่อเข้ายังอยู่ในรัสเซีย”
นารินดาเป็นฝ่ายเอ่ยถามบ้าง รู้สึกได้ว่างานอารักขาในครั้งนี้ช่างมีเลศนัยและลึกลับซะเหลือเกิน
“ลูกค้าจะเป็นผู้เลือกบอร์ดี้การ์ดคู่ใจของเขาในอีกไม่กี่นาทีนี้” ว่าแล้ว พงศ์พลก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ก่อนจะเอ่ยบอกลูกน้องต่อ
“ผมจะโทรวีดีโอคอลไปหาลูกค้าคนสำคัญของเรา และจะให้เขาได้เห็นใบหน้าของพวกคุณ ขณะผมรายงานประวัติการทำงานของแต่ละคนให้เขาทราบ จากนั้นเราต้องรอให้ทางลูกค้าตัดสินใจเองว่า จะเลือกใครให้เป็นบอร์ดี้การ์ดของเขา ซึ่งจะต้องอยู่กับเขาตลอด 24 ชั่วโมง เรียกได้ว่าเป็นเงาคอยติดตามตัว ตลอดระยะเวลายี่สิบวันระหว่างเขามาท่องเที่ยวในประเทศไทย”
“เป็นวิธีการเลือกบอร์ดี้การ์ดที่ยุ่งยากซะจริงๆ” นารินดาบ่นอุบ ขณะเจ้านายหนุ่มกดโทรวีดีโอคอลไปหาลูกค้าวีไอพีรายนี้