2
Chapter 2
เธอสะดุดสายตากับเขาตั้งแต่แรกเห็น ความมีเสน่ห์ของเรือนกายแข็งแกร่งชวนให้ใจสาวสั่นไหว เขาเป็นบุรุษเพศที่น่าดึงดูดที่สุดเท่าที่เคยพานพบมา รูปร่างสูงสง่า ผิวขาวจัด ดวงตาคมเข้มสีนิล รับกับขนตาดกหนาที่เรียงกันสวยงามแม้แต่สตรีเพศยังต้องอิจฉา
จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักลึกได้รูป คางเรียว คิ้วคมเข้ม รูปร่างกำยำหาชายใดเปรียบ ภาพทุกอย่างจับไปทั่วเรือนร่างของเขาชัดเจน เหมือนเธอได้ยืนมองดูเขาอยู่ตรงหน้า แต่เหนือจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ทำให้หัวใจสาวสะท้านแล้ว ความรู้สึกพิเศษที่ไม่เคยเกิดกับชายใดมาก่อน ก็ทำให้เธออยากมอบกายใจให้เขาเพียงผู้เดียว
ขณะอยู่บนเวทีเธอส่งใจถึงเขาทุกลมหายใจเข้าออก รับรู้ว่าเขากำลังส่งใจถึงเธอทุกห้วงคำนึงด้วยเช่นกัน เขาคือคนที่ใช่สำหรับเธอ แต่เธอไม่มีสิทธิ์เพราะเป็นแค่นางรำคนหนึ่ง จะมองตรงๆ ไม่รู้ว่าเขาอยู่ส่วนไหนของท้องพระโรงเพราะมันมืดมิดมาก ได้แต่ตั้งใจเต้นให้เต็มที่ หวังลึกๆ ให้เขาถูกใจเพียงเท่านั้น
การแสดงจบลงแล้ว สุลต่านหนุ่มยังมองเรือนร่างที่ลับหายไปไม่วาง เมื่อความสว่างไหวเข้ามาแทนที่ความมืดที่ปกคลุมบนเวทีและทั่วท้องพระโรง
หญิงสาวหายไปเสียแล้ว อีซาลดกล้องลงวางบนโต๊ะด้านหน้าด้วยความเสียดาย
“ท่านถอนใจยาวเชียวนะ” รอฮิมล้อเพื่อนอย่างรู้ใจ
“อยากเจอเธอไหมล่ะ” รอฮิมแกล้งหยั่งเชิงถาม
“เรานึกว่าท่านจองตัวเธอไปแล้วเสียอีก”
อีซาหยั่งถามเพื่อนไม่แตกต่างกัน เสียงหัวเราะถูกใจเปล่งออกมาจากสหายรัก
“ไม่ต้องจอง เดี๋ยวเราจะจัดให้ท่านเอง”
“เราอยากเชิญเธอมาทานอาหารสักมื้อ”
“แค่อาหารมื้อเดียวเองเหรอ”
รอฮิมกระเซ้าเพื่อน อีซาหัวเราะถูกใจเมื่อเพื่อนรู้ทัน
เมื่อมาเลย์น่าลงจากเวที การิมซึ่งเป็นคนสนิทของสุลต่านรอฮิมรีบเชิญให้หญิงสาวไปรับของกำนัลต่อหน้าพระที่นั่ง มาเลย์น่าใจเต้นแรง หากไม่ใช่เพราะจะได้รับของกำนัลจากเจ้าของงาน แต่เพราะคนที่นั่งอยู่เคียงข้างเจ้าของงานมีอิทธิพลทำให้ใจสาวสั่นไหวยิ่งนัก
สายตาคมกริบมองเรือนร่างงามที่เดินตามการิมมาทางเบื้องหลัง สุลต่านหนุ่มใจเต้นแรงจนผิดจังหวะ เขานั่งรอจนเกือบจะหมดความอดทนแม้เพียงไม่กี่นาทีแต่กลับนานนักในความรู้สึก
มาเลย์น่ายอบกายถวายความเคารพ ดวงหน้างามมิกล้าเงยหน้ามองตรงๆ จนเมื่อการิมบอกให้หญิงสาวรับของจากสุลต่านรอฮิม เธอจึงได้ก้าวไปรับด้วยความประหม่า หากประหม่าต่อสายตาอีกคนที่เธอรับรู้ว่าเขามองอยู่ ดวงตาคมหวานเหลือบมองเพียงน้อย สบกับดวงตาคมเข้มสีนิล เหมือนประกายไฟสีเงินกระทบร่างทั้งสองให้ตะลึงงัน ความคุ้นเคยและบางอย่างในหัวใจเรียกร้องให้อยากชิดใกล้กันและกัน
อีซาอยากดึงร่างงามมาสวมกอดเพื่อรับขวัญ มาเลย์น่าก็อยากเข้าสู่อ้อมกอดของเขา อ้อมกอดที่เธอรอคอยมานานแสนนาน แต่ทั้งสองเพียงแค่คิดเท่านั้น
เมื่อรับของกำนัลเสร็จ มาเลย์น่าจึงตามการิมกลับไปยังห้องพักที่จัดเอาไว้ให้ อีซายังมองตามร่างงามไปจนสุดตา
“อีกไม่นานเกินรอ”
รอฮิมบอกเพื่อนอีกครั้ง อีซาเพียงแต่ยิ้มรับ ไม่พูดอันใดออกมา
ในที่สุดงานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของสุลต่านรอฮิมสิ้นสุดลง แขกเกียรติยศที่มาร่วมแสดงความยินดีต่างเข้าพักยังตำหนักรับรอง เหล่าข้าราชบริพารรวมถึงพสกนิกรต่างถวายพระพรให้จงทรงพระเจริญทั่วราชอาณาจักร
หลังจบงาน มาเลย์น่าได้รับการทาบทามให้ไปสัมภาษณ์ออกทีวี เพราะความสามารถอันโดดเด่นของเธอ ซึ่งหญิงสาวไม่ขัดข้อง
หลังจากส่งมาเลย์น่าเข้าห้องพักแล้ว การิจึงมาเข้าเฝ้าสุลต่านทั้งสองที่ตำหนัก เขาเล่าเรื่องมาเลย์น่าให้ทั้งสองพระองค์ฟังอย่างละเอียดโดยไม่ปิดบัง คิดว่าโซฟียะห์เพื่อนรักคงไม่ว่าอะไรหากหลานสาวจะได้ถวายตัวให้สุลต่านผู้สูงศักดิ์แห่งประเทศที่ร่ำรวยไปด้วยแร่ทองคำเช่นนี้
การิมเล่าว่า มาเลย์น่า มีชื่อเล่นว่าฮันนี่ เป็นหลานสาวของเพื่อนสนิท ได้รับการคัดเลือกให้มาเต้นหน้าพระที่นั่ง เนื่องจากเขาเป็นคนส่งสาส์นไปบอกโซฟียะห์ผู้เป็นเพื่อน พร้อมกับนางได้ส่งหลานสาวเข้ามาแข่งขันในครั้งนี้ แล้วก็ไม่ผิดหวัง มาเลย์น่าสามารถทำได้ดี ได้รับคะแนนเป็นเอกฉันท์จากกรรมการที่เขาแต่งตั้งให้คัดสรรหญิงสาวแต่ละคน ที่จะได้มีโอกาสมาเต้นรำหน้าที่ประทับในงานเฉลิมฉลองครั้งนี้
มาเลย์น่าใจเต้นแรงอีกครั้ง เมื่อลุงการิมเพื่อนของยายมาเชิญให้เธอไปรับประทานอาหารว่างกับสุลต่านอีซาที่ตำหนักรับรอง
องค์สุลต่านเป็นถึงประมุขครองประเทศผู้สูงศักดิ์ ทรงให้เกียรติเชิญเธอเช่นนี้ถือว่าเป็นบุญยิ่งนัก
หญิงสาวคัดเลือกชุดที่คิดว่าสวยที่สุด ดวงหน้าหวานยิ้มกว้างเมื่อสัมผัสถึงไออุ่นแห่งเสน่หาของคนที่กำลังรอคอยเธออยู่ ร่างระหงกลมกลึงตามการิมไปยังตำหนักรับรองขององค์สุลต่านอีซา เพียงไม่ถึงสิบนาที ก็มาถึงตำหนักงดงามที่ประดับตกแต่งหรูหราอลังการ หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองเล็กนิดเดียวเมื่ออยู่ในตำหนักใหญ่โตเช่นนี้
มาเลย์น่าถวายความเคารพสุลต่านอีซาด้วยความนอบน้อม การิมที่เดินมาส่งขอตัวทันทีที่หมดหน้าที่ของตัวเอง ทั้งห้องจึงมีแค่เธอและเขาเท่านั้น
อีซามองร่างงามด้วยความเสน่หา เขาไม่เคยสนใจหญิงสาวคนใดเท่านี้มาก่อน แม้ว่าจะมีนางในฮาเร็มที่เป็นบรรณาการจากข้าราชบริพารและกษัตริย์ต่างเมืองมากมายเพียงใดก็ตาม
ดวงตาคมกล้าสีนิลเปล่งประกายระยับ มองไล้ไปทั่วเรือนร่างงามด้วยความชื่นชม มาเลย์น่ารู้สึกใจสั่นจนถึงกับประหม่า ร่างงามสวมชุดสีเขียวตองอ่อน มีผ้าคลุมปิดบังใบหน้าบางเบา ดวงตาทั้งคู่สบกันเนิ่นนาน เหมือนต่างรอคอยกันและกันมาแสนนาน หญิงสาวหลบตาเหลียวมองรอบกายด้วยความขัดเขิน เธอพบว่าในตำหนักกลับไม่มีใครสักคนเดียว มีเพียงแค่เธอกับเขาเท่านั้น และหาได้มีอาหารอย่างที่บอกไม่
มาเลย์น่ายอมรับว่าตอนที่เต้นโชว์หน้าที่พระทับ เธอตั้งใจเต้นให้เขาดูเพียงคนเดียว หญิงสาวเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ยังเห็นเขามองนิ่งๆ ไม่เปล่งวาจาอันใดออกมา เธอเห็นเขาเปลี่ยนชุดเป็นชุดสบายๆ โดยใส่เสื้อคลุมทับด้านใน มีลักษณะเป็นเสื้อคลุมสั้นแค่เข่า และมีผ้าพาดไหล่สีทองอีกผืนที่มองแล้วสวยงามแปลกตาเพียงเท่านั้น แต่บนศีรษะหาได้โพกผ้าเหมือนครั้งอยู่ในท้องพระโรง ทำให้มองเห็นเส้นผมดำสนิทเหมือนดวงตาคมเข้มสีนิลคู่นั้น
“มาหาเราสิ”
มาเลย์น่าตื่นจากภวังค์ เมื่อเขาพูดออกมาเป็นประโยคแรก หลังจากที่มองเธออยู่นาน เสียงทุ้มนุ่มหูแม้จะแสดงถึงอำนาจน่าเกรงขามแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นทุ้มลึกตราตรึงในหัวใจ
“พระองค์ต้องการให้หม่อมฉันมาทานอาหารว่างเป็นเพื่อนหรือเพคะ”
มาเลย์น่ายังไม่เดินไปหาเขาตามคำเรียกขาน แต่กลับถามเสียงสั่นด้วยความประหม่าแทน เธอขาสั่นเพราะดวงตาคมกล้าสีนิลที่เปล่งประกายกล้าอยู่เบื้องหน้า
อีซาเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นมองหญิงสาวเบื้องหน้านิ่งๆ คิดว่าเธอน่าจะรู้ว่าเขาต้องการอะไร ถึงได้เชิญตัวมาเช่นนี้ หากแม้เธอจะเป็นหญิงสาวที่ทำให้เขารู้สึกพิเศษเพียงใด แต่ด้วยอาชีพของเธอแล้ว หญิงสาวน่าจะรู้ดีว่าเขาต้องการสิ่งใดในเวลานี้
มาเลย์น่ายืนนิ่งเหมือนต้องมนตร์สะกด เมื่อร่างสูงเหยียดยืนขึ้นจากแท่นที่ประทับ เดินลงมาหาร่างงามด้วยฝีเท้ามั่นคง ร่างระหงเหมือนรอคอยอ้อมแขนอบอุ่นกำยำนั้น มือใหญ่รวบร่างกลมกลึงเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ดวงตาสวยหวานเหมือนกวางน้อยที่ตื่นกลัว ทำให้อีซาแย้มยิ้มอารมณ์ดีกว่าเดิมนัก มือของเขาเชยคางมนให้สบสายตาตรงๆ ดวงตาคมหวานสบกับดวงตาคมเข้มนิ่งนาน หัวใจสองดวงเต้นเร้ากระหน่ำแทบปะทุออกมานอกอก