ตอนที่ 3
คนได้คืบจะเอาศอก ดาวฉายทำหน้าหนักใจ หากก็เอื้อมหยิบสบู่จากชั้นวางข้างผนังห้องน้ำมากำแน่นไว้ในมือซึ่งสั่นน้อยๆ ค่อยๆ ลูบไล้พรายฟองไปทั่วหลังไหล่ตึงเต็มของพันไตร
เมื่อมีโอกาสได้เห็นรูปร่างของพันไตรเต็มตา อีกทั้งยังได้สัมผัสผิวเนื้อตึงเต็มไปด้วยริ้วลายกล้ามเนื้อ จึงได้รู้ว่างานหนักในไร่ทำให้พี่เขยคนนี้บึกบึนขึ้นมาก
เนื้อตัวของเขากำยำล่ำสันไปด้วยมัดกล้าม แม้ผิวพรรณจะไม่ขาวสะอ้านอย่างหนุ่มชาวกรุง หากผิวสีทองแดงคร้ามแดดก็ช่วยเสริมส่งให้เขายิ่งดูคมคร้าม แข็งแกร่งสมชายชาตรีในทุกระเบียดนิ้ว
“มือเอ็งนุ่มดีจัง... ถูแรงอีกนิดก็ได้”
ดาวฉายรู้สึกได้ว่าเนื้อตัวของพันไตรร้อนผ่าว มันร้อนมากจนความร้อนนั้นสามารถแผ่ลามข้ามก้อนสบู่ที่ถูอยู่ใต้อุ้งมือมาสู่กายของหล่อน
“ข้างหลังเรียบร้อยแล้ว เอ็งช่วยฟอกถูข้างหน้าให้พี่ทีเถอะ พี่ถูเองไม่ได้”
เสียงไหว้วานของพี่เขยช่างน่าสงสาร หล่อนจะปฏิเสธก็ดูใจดำเกินไป เพราะเขาก็เพิ่งบอกว่าข้อมือเจ็บ
“หะ... หันมาสิ”
เสียงดาวฉายอึกอัก หัวใจเต้นตุ๋มๆ ต่อมๆ พันไตรค่อยๆ หันมาเผชิญหน้ากับหล่อน
“โอ๊ย... ”
หัวใจของหญิงสาวกระตุกวูบ ก้อนสบู่เกือบหลุดร่วงจากมือ สิ่งที่เห็นทำให้มือไม้ของดาวฉายสั่นไปหมด เพราะว่าของเขาเหยียดขยายใหญ่โตพอๆ กับท่อนแขนของหล่อน
“ถูให้พี่สิจ๊ะดาว... ”
ดาวฉายขยี้สบู่อยู่นานจองฟองสีขาวฟูฟ่องเต็มฝ่ามือ แต่ก็ยังลังเล กล้าๆ กลัวๆ ที่จะถูสบู่ตรงส่วนนั้นของพี่เขย
“มันน่าเกลียดอ่ะพี่พัน... ”
หล่อนส่ายหน้า
“เอ็งจะมาถือสาอะไรกันตอนนี้... อย่าคิดมากน่ะ ไม่มีอะไรน่าเกลียดหรอก”
คำพูดของพี่เขยทำให้ดาวฉายขยี้ฟองสบู่แล้วลูบล้วงเข้าไประหว่างซอกขาซึ่งรกไปด้วยเส้นขนดกดำของเขา เฉียดไปเฉียดมากับแก่นกาย
พันไตรใจร้อนจึงคว้าข้อมือหล่อนมาสัมผัสกับดุ้นเนื้อของเขาเสียเอง
“อุ๊ย... ”
หญิงสาวตกใจจนสบู่หล่นจากมือ หล่อนไม่กล้ามอง หากก็พยายามลูบไล้ฟองสบู่กับดุ้นเอ็นอวบอุ่น ขนาดของเขายาวใหญ่จนหล่อนกำไม่รอบ
“น่ากลัวจังพี่พัน... ”
หล่อนจ้องมองด้วยสายตาหวาดๆ ดุ้นเนื้อไร้กระดูกท่อนนั้นปูดโปนไปด้วยเส้นเลือดที่กระจายเป็นสายโอบล้อมไปทั้งดุ้นลำ
ดาวฉายหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ยิ่งลูบยิ่งคลำก็ยิ่งรู้สึกราวกับว่ากำลังกำมะระจีนสีเขียวดุ้นใหญ่ๆ ที่นิยมนำมายัดไส้แกงจืด
แต่ยิ่งคลำไปคลำมาก็รู้สึกราวกับว่ากำลังลูบไล้ฝักข้าวโพดขรุขระยังไงยังงั้น
“พอหรือยัง... ”
มือของดาวฉายสั่นไปหมดแล้ว
“ข้างล่างด้วยสิ... ต่ำลงอีก... อีกนิด”
“อ๊ะ... ”
พันไตรถ่างขาออกเล็กน้อย หญิงสาวเสียบก้อนสบู่เข้าที่ซอกขาของเขาพร้อมกับฝ่ามือค่อยๆ ถูสบู่ทั้งก้อนคลึงเคล้ากับถุงหนังย่นยานคล้ายมะกรูดสองลูก แขวนโตงเตงไว้ใต้โคนแท่งเนื้อร้อนผ่าว
ทำไมของพี่เขยคนนี้ช่างใหญ่ยาวสุดๆ ไม่รู้อะไรดลใจให้ดาวฉายเผลอเอื้อมท่อนแขนออกไปเทียบเคียง ตอนนั้นจึงได้รู้ว่าสัญลักษณ์แห่งความเป็นชายของเขายาวใหญ่พอๆ กับแขนของหล่อนเลยทีเดียว
“พอแล้วนะ... ”
ดาวฉายใจเต้นแรง ทำท่าขนลุกแล้วยัดสบู่ใส่มือพันไตร ก่อนจะรีบก้าวยาวๆ หนีออกมาด้วยใบหน้าแดงซ่าน ไม่นึกไม่ฝันว่าการได้สัมผัสลูบไล้ไอ้นั่นของเขาถึงกับทำให้ใจสั่น เกิดอาการร้อนๆ หนาวๆ ราวจะเป็นไข้
“ดาว... เดี๋ยวสิ... แล้วกัน”
พันไรเรียก แต่ดาวฉายไม่ยอมหันหลังกับมามองเขา ปล่อยให้พี่เขยมองตามร่างของหล่อนวิ่งลับไปที่ด้านหลังดงกล้วยด้วยแววตาสุดแสนเสียดาย
ในเวลาต่อมา
พันไตรอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็เดินเข้ามาในบ้าน ตอนนั้นดาวฉายกำลังอุ่นอาหารที่หล่อนซื้อเอามาฝาก
“กินข้าวถอะพี่... ตอนนี้ค่ำมากแล้ว”
หล่อนเลื่อนจานผัดซีอิ๊วมาตรงหน้าเขา บอกพลางรินน้ำเย็นใส่แก้วที่วางอยู่ตรงหน้าพี่เขย
“เอ็งยังจำได้ว่าพี่ชอบผัดซีอิ๊ว”
เขาขยับจานมาตรงหน้า คว้าช้อนคว้าซ่อมมาถือไว้ในมือ
“ทำไมจะไม่รู้ล่ะ... ก็เมื่อก่อนฉันเคยอยู่กับพี่นี่นา”
ตอนยังเป็นสาวรุ่นดาวฉายเคยมาอาศัยอยู่กับดวงเดือนและพันไตรที่บ้านหลังนี้
ตอนนั้นดาวฉายเองก็พอจะมองออกว่าพันไตรคิดอย่างไรกับหล่อน? แต่ที่เขาไม่สามารถแสดงความรู้สึกได้มากไปกว่าสายตาที่สบกันไปมา ก็เป็นเพราะว่าดวงเดือนพี่สาวของหล่อนยังมีชีวิตอยู่
“เดี๋ยวฉันคงต้องกลับ... รถตู้ในเมืองมีถึงสองทุ่มครึ่ง วานพี่ไปส่งฉันที่ในตลาด”
“อะไรนะ... เอ็งไม่เห็นหรือยังไง ว่าฝนตั้งเค้าทะมึนมาแต่หัวค่ำ ฟ้าแลบฟ้าร้องครืนๆ ขนาดนี้ออกไปอันตราย พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับดีกว่า... เดี๋ยวพี่ขับรถกระบะออกไปส่งให้ถึงท่ารถ... หรือเอ็งจะให้พี่ขับรถไปส่งถึงกรุงเทพฯ เลยก็ได้”
พันไตรเอ่ยอาสาอย่างเต็มใจ
“อ้าว... ไหนว่ามือเจ็บ... ขับรถได้หรือ?”
น้องเมียเริ่มสงสัยในความเจ้าเล่ห์ของพี่เขย เมื่อครู่พันไตรยังทำสำออดสำออยว่ามือเจ็บแขนเจ็บ แต่ตอนนี้กลับนั่งตักข้าวกินปร๋อเหมือนไม่เป็นอะไร