ตอนที่ 1
ตอนใกล้ค่ำของวันหนึ่ง
“ตายแล้ว... พี่พันคะ เป็นอะไรหรือเปล่านี่... โอ๊ย ทำไมต้องปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ด้วยนะ ดูสภาพแทบไม่เป็นผู้เป็นคน”
หญิงสาววางกระเป๋าสัมภาระลงข้างกาย รีบหันมาให้ความช่วยเหลือพี่เขยตัวใหญ่ที่นอนหลับเป็นตายอยู่บนพื้นของห้องรับแขกกลางบ้าน
“อย่ามายุ่งน่ะ... ออกไป ออกไปให้พ้น”
พันไตรตวัดมือเปะปะ ปัดป่ายไปทั่วทั้งที่ยังไม่ลืมตามองด้วยซ้ำว่าหญิงสาวที่พยายามประคองร่างของเขาขึ้นมาจากพื้นนั้นเป็นใคร
“พี่พัน... นี่ดาวนะ”
ชื่อที่ได้ยินสะกิดใจของพันไตรอย่างจัง
“ดาว... เอ็งมาเยี่ยมพี่จริงๆ ใช่ไหม... นี่พี่ไม่ได้ผันไปใช่ไหม”
พันไตรเริ่มตั้งสติ ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นตกใจ เมื่อรู้ว่าคนที่มาหาเขาก็คือ ‘น้องเมีย’ ที่เขาแอบเฝ้ารอว่าสักวันหล่อนจะกลับมาเยี่ยมเขาบ้าง
“เป็นห่วง... เลยแวะมาเยี่ยม”
ดาวฉายบอก เมื่อรู้ว่าเป็นหล่อนอาการโวยวายในตอนแรกของพันไตรจึงค่อยๆ สงบลง
“เอ็งจริงๆ ด้วย... ”
เขาแหงนมองหน้าหล่อนแล้วน้ำตาก็ซึมออกมา ได้เห็นหน้า ‘ดาวฉาย’ ก็ยิ่งทำให้คิดถึง ‘ดวงเดือน’ ภรรยาของเขาซึ่งเป็นพี่สาวของหล่อน ผู้หญิงสองคนนี้หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันมาก
“ถ้ายังอยากจะนอนก็ลุกขึ้นมา... จะพาไปนอนบนโซฟา... แล้วนี่ได้กินข้าวบ้างหรือเปล่า?”
ดาวฉายรู้สึกเป็นห่วง
“เอ็งไม่ต้องมายุ่งกับพี่... ปล่อยพี่ไว้อย่างนี้แหละ”
ดาวฉายส่ายหน้า พันไตรยังคงดื้อดึงไม่เปลี่ยน
“โอ๊ย... ดื้อเหลือเกิน ตัวใหญ่ยังกับยักษ์... หนักยังกับกระสอบข้าวสาร ปล่อยให้นอนตายอยู่ตรงนี้ซะดีมั้ยเนี่ย”
ดาวฉายรู้สึกอ่อนใจ เนื้อตัวของพันไตรผู้เป็นพี่เขยคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นสุรา ดูจากสภาพที่เห็นก็เดาได้ว่าเขาคงดื่มหนักมาตั้งแต่เช้า หรือบางทีอาจจะดื่มมาตั้งแต่เมื่อวาน
“ตายก็ดี... พี่จะได้ไปอยู่กับเดือนพี่สาวของเอ็ง”
ความอัดอั้นของชายหนุ่มพรั่งพรูออกมาจนสิ้น คำพูดที่ได้ยินทำให้ดาวฉายรู้ว่าพี่เขยคนนี้รักดวงเดือนซึ่งเป็นพี่สาวของหล่อนมากแค่ไหน
“พี่พันต้องตั้งสตินะคะ... พี่เดือนเค้าไปดีแล้วจ้ะ ถ้าวันนี้พี่พันยังไม่ยอมก้าวเดินออกมาจากอดีต... แล้วพี่พันจะก้าวต่อไปในอนาคตได้ยังไงล่ะจ๊ะ”
หล่อนกุมมือเขา บีบเบาๆ ให้กำลังใจ
‘ถ้าไม่เดินออกมาจากอดีต... แล้วจะก้าวต่อไปในอนาคตได้ยังไง?’
คำพูดนั้นสะกิดใจพันไตรอย่างแรง”
“เอ็งห่วงพี่จริงๆ หรือ”
เขาเค้นเสียงถาม ดวงตาแทบไม่ละจากใบหน้าสะสวยของน้องเมีย
“เกาะบ่าดาวนะจ๊ะพี่พัน... ค่อยๆ จ้ะ”
หญิงสาวยกท่อนแขนกำยำของเขาวางลงบนบ่าบอบบางของหล่อน แล้วค่อยๆ พยุงร่างสูงใหญ่กว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรของพี่เขยขึ้นมาจากพื้นด้วยความทุลักทุเล พามานอนลงบนโซฟา
“รอเดี๋ยวนะ ฉันจะเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ หน้าตาพี่ดูไม่ได้เลย ไม่น่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนี้”
พันไตรนอนนิ่ง เหลือบตามองตามเรือนร่างรัดรึงของน้องเมีย สุ้มเสียงของดาวฉายช่างเอื้อเฟื้อ ทำให้นึกขอบคุณที่หล่อนยังมีกะใจนึกถึงพี่เขยที่เพิ่งกลายเป็นพ่อม่ายไร้คู่อย่างเขา
“บังเอิญผ่านมาทางนี้หรือยังไง?”
พันไตรสงสัย เขาถามขณะดาวฉายกำลังเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา มือเรียวลูบไล้ผ้าขนหนูผืนน้อยที่เพิ่งบิดน้ำมาหมาดๆ เช็ดซับไปทั่วใบหน้าครึ้มเคราของพี่เขย
ดาวฉายยอมรับว่าพันไตรเป็นผู้ชายที่หล่อมาก ต่อให้เขาปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนหนวดเครายาวเฟิ้มและผมเผ้ารุงรังอย่างที่เห็น หากก็ไม่อาจลดทอนความหล่อเหลาของเขาลงได้ เมื่อหน้าตาเริ่มสดใสขึ้นมาจากการเช็ดหน้า ดวงตาคมกริบจึงวาบวับด้วยหยาดแววของชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
“เปล่า... ก็ป้าละเมียดโทรไปบอกว่าพี่พันปิดบ้านเงียบมาหลายวัน คนงานในไร่ข้าวโพดเลยพากันสงสัยว่าพี่ตายแล้วหรือยัง?... นี่ถ้าฉันมาช้ากว่านี้พี่ก็คงเมาตายไปแล้วจริงๆ”
ดาวฉายว่าไม่อ้อม อันที่จริงหล่อนตั้งใจมาเยี่ยมพี่เขยคนนี้เพราะความเป็นห่วงเขา ภายหลังได้รู้ข่าวจากป้าละเมียดซึ่งเป็นคนงานในไร่ แกโทรศัพท์มาบอกว่าพันไตรสั่งงานคนงานในไร่เอาไว้แล้วเจ้าตัวก็หายเงียบเข้ามาเก็บตัวอยู่ในบ้าน วันๆ เอาแต่กินเหล้าเมาหัวราน้ำ แล้วยังประกาศห้ามไม่ให้ใครมาวุ่นวาย
“นี่เอ็งห่วงพี่ด้วยหรือ”
ดาวฉายคงไม่รู้หรอกว่าความห่วงใยของหล่อนได้ทำให้พี่เขยคนนี้รู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นมาเป็นกอง หลังจากปล่อยชีวิตให้ล่องลอยไร้ทิศทางมานานเป็นเดือน นับจากจ่อมจมอยู่กับความรู้สึกโศกเศร้า ภายหลังสูญเสียภรรยาผู้เป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ก็ห่วงน่ะสิ... ถามได้ ถ้าฉันไม่ห่วงจะถ่อมาถึงเมืองน่านหรือจ๊ะ... ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ นะคะคุณพี่”
คำพูดที่ได้ยินทำให้พันไตรแหงนมองหน้าน้องเมียด้วยแววตาซาบซึ้ง
ชายหนุ่มยอมรับว่าความใกล้ชิดกำลังทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง
เนื้อตัวซึ่งหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นสาบสาวของหล่อนทำให้โลหิตในกายของเขาสูบฉีดรุนแรงไปทั่วร่าง
ผิวพรรณของดาวฉายช่างเปล่งปลั่งไปด้วยเลือดเนื้อของวัยสาว ดวงตาของหล่อนสุกใสเหมือนดวงดาว อย่างนี้เองกระมังที่ทำให้ได้ชื่อว่า ‘ดาวฉาย’
แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของพันไตรเต้นแรงผิดจังหวะก็เพราะว่าทรวงอกอวบใหญ่ของน้องเมียที่เบียดอัดลงมา