บทย่อ
เมื่อผมถูกผีแก่ ๆ ตนหนึ่งส่งกลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีต คนชิค ๆ ที่ไม่เหลือสมบัติสักชิ้นอย่างผม ก็รีบรับปากทันที เพราะสิ่งที่จะได้เป็นค่าตอบแทน คือ คฤหาสน์หลังใหญ่ น่าจะขายได้สักร้อยล้าน อีกอย่างผู้ชายไทยในสมัยก่อนก็โคตรล่ำ! แล้วใครล่ะจะโง่ปฏิเสธ แต่… ใครจะรู้ ว่าผมต้องเจอกับอะไร…
ตอนที่ ๑.๑ ปฐมบทคนคดโกง
ปู๊น… ปู๊น...
เสียงหวูดดังก้องออกมาจากสถานี ขบวนรถไฟกำลังจอดรอให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้าเก็บข้าวของที่ตั้งขายกันชิดรางรถไฟ เสียงตามสายจากสถานีรถไฟแม่กลองประกาศให้สัญญาณว่าอีกสามนาทีรถไฟจะเคลื่อนที่ผ่านตลาดแห่งนี้แล้ว
ผมเดินทอดน่องไปตามรางรถไฟ กลมกลืนไปกับนักท่องเที่ยวรายอื่น ๆ ที่กำลังถ่ายภาพบ้าง บันทึกวิดีโอบ้าง บางคนก็กำลังไลฟ์สด ผมยิ้มให้หน้าจอโทรศัพท์มือถือของสาวคนหนึ่งที่กำลังถ่ายสตอรี่ ก่อนจะเดินผ่านเธอมา
ที่นี่เปลี่ยนไปมากทีเดียวจากในความทรงจำของผม จากตลาดสดที่เคยมีผู้คนไม่มากนัก แต่มาวันนี้กลับมีนักท่องเที่ยวมากมายมาเยี่ยมชมราวกับมันเป็นอันซีนอินไทยแลนด์อย่างนั้นแหละ
ผมเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าแผงขายอาหารทะเลแห้งแบกับพื้นแผงหนึ่ง เจ้าของมันกำลังเร่งมือเกลี่ยสินค้าที่เทินสูงขึ้นสักครึ่งหน้าแข้งให้กระจายออกไปเพื่อให้ขบวนรถไฟผ่านไปได้โดยที่ไม่ทำให้สินค้าของเธอเสียหาย ผมจึงยอบตัวลงไปนั่งยอง ๆ บนส้นเท้า แล้วช่วยหยิบของบางอย่างโยนลงข้าง ๆ เพื่อให้มันสูงไม่ถึงขอบล่างของโบกี้รถไฟ
“ขอบใจมากพ่อหนุ่ม เฮ้อ เดี๋ยวนี้ยายเก็บไม่ค่อยทัน วันก่อนก็โดนรถไฟลากปลาทูไปตั้งหลายเข่ง ทุนก็หายกำไรก็ไม่ได้” ยายบ่นพึมพำ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาใช้ผม “อย่าว่างั้นงี้เลยพ่อหนุ่ม ช่วยยายหุบร่มลงมาที”
ยายชี้ให้ผมช่วยหุบร่มขาดวิ่นสีแดงคล้ำที่มันไม่น่าจะกันแดดได้สักเท่าไร แต่ผมก็ลุกขึ้นไปช่วยหุบร่มให้อย่างชำนาญ
“ขอบใจจ้ะ”
ยายขอบอกขอบใจผม ก่อนจะหันไปคว้าพัดสานไม้ไผ่มาพัดเพื่อระบายความร้อนยามบ่ายแก่เช่นนี้ แล้วแกก็เงยหน้าขึ้นมามองผมอีกที
“มาเที่ยวคนเดียวเรอะ?”
ผมยิ้ม ก่อนจะย่อตัวลงไปหา ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ทำให้ยายตกใจจนผงะ แกรีบเอนตัวไปด้านหลัง ทำท่าราวกับกลัวว่าผมจะทำมิดีมิร้าย แล้วแกก็เตรียมจะโวยวาย ดีที่ผมถอดหมวกกับแว่นกันแดดออกเสียก่อน
“ไอ้ห่านิว!”
ถึงกระนั้นแกก็ยังโวยวายอยู่ดี แถมยังคว้าเข่งปลาทูจะปาใส่ผมอีก
“อะ ๆ ๆ ๆ ทุนจะหายกำไรก็ไม่ได้นะนั่นน่ะ” ผมรีบชี้ไปที่เจ้าปลาหน้างอคอหักสองตัวที่อยู่ในเข่ง ยายคงรับมาขายได้กำไรไม่เท่าไร หากแกใช้มันปาใส่หน้าผม สงสัยกำไรวันนี้คงหมดกัน
“ไหนเอ็งว่าจะมาอาทิตย์หน้าไง?”
พอหายตกใจยายก็รีบถาม คงดีใจแหละที่ได้เจอหลานชายสุดที่รักอย่างผมก่อนเวลาที่ผมบอกไว้ตั้งหลายวัน
“เซอร์ไพรส์!”
ผมเลยฉีกยิ้มกว้างแล้วก็กางแขนทั้งสองข้างออกจากกัน ทำท่าราวกับว่าตั้งใจมาเซอร์ไพรส์ยายเต็มที่ แต่ความจริงแล้วคือ…
แผนเดิมของผมก็คือเดินทางกลับจากออสเตรเลียก่อนกำหนดหนึ่งสัปดาห์เพื่อมาเซอร์ไพรส์แฟน ใช่ครับ ผมมีแฟนแล้ว เขาชื่อธามไท เป็นไงล่ะครับ ชื่อเท่ใช่มั้ยล่ะ ผมกับพี่ธามรู้จักกันตอนที่ผมอยู่ที่ออสเตรเลีย พี่ธามถูกหน่วยงานต้นสังกัดส่งไปดูงานที่นั่นเป็นเวลาสี่เดือน บุพเพสุด ๆ ไปเลยใช่มั้ยล่ะครับ ขนาดผมไปอยู่ตั้งไกล บุพเพก็ยังอาละวาดไปถึงที่นั่น แต่ยังไม่ต้องสงสัยนะครับว่ายายผมเป็นแม่ค้าขายอาหารทะเลอยู่ในตลาด แล้วทำไมผมถึงไปเรียนเมืองนอกได้ เอาไว้ EP หน้าผมจะมาเล่าให้ฟัง ไม่ใช่ ๆ ลืมไปว่าไม่ได้ทำคอนเทนต์อยู่นี่หว่า เอาเป็นว่าจะเล่าให้ฟังทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้ขอเล่าเรื่องผัวเก่าก่อนนะครับ
สงสัยอีกละสิว่าตอนแรกเปิดมาบอกว่าเป็นแฟนแล้วทำไมตอนนี้เรียกมันว่าผัวเก่า คืองี้ครับ…
เมื่อสองปีก่อนผมถูกพ่อส่งไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย ตอนนั้นผมดีใจฉิบหาย ที่ลูกเมียน้อยอย่างผมจะได้ไปใช้ชีวิตไฮโซเป็นนักเรียนนอก แต่ความจริงแล้วผมถูกพ่อหลอกไปปล่อยเกาะต่างหาก เขาจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเทอมเทอมแรก และหาโฮสต์ให้ผม แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ส่งเงินให้ผมอีกเลย ถ้าให้เดาคงเป็นเพราะคุณหฤทัยเมียหลวงของพ่อรู้เรื่องเข้า นางก็เลยสั่งห้ามไม่ให้พ่อส่งเสียผมต่อ เพราะตอนที่ผมยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย โรงเรียนประจำชายล้วนชื่อดังในกรุงเทพฯ นางก็คอยจ้องแต่จะตัดค่าขนมของผมอยู่เรื่อย คงไม่อยากให้เงินของนางกระเด็นมาถึงลูกเมียน้อยอย่างผมสักบาท ถึงขั้นเคยประกาศว่าจะส่งให้เรียนในมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่งที่ค่าหน่วยกิตแสนถูก มหาวิทยาลัยเอกชนหรือแม้แต่ของรัฐบาลที่เป็นมหาวิทยาลัยปิดแต่มีชื่อเสียง ต่อให้ผมสอบติดนางก็จะไม่ให้พ่อส่งเสีย ตอนผมบินไปออสเตรเลีย แม่ง สะใจฉิบหาย แต่สุดท้ายผมก็ถูกลอยแพ
ผมรู้ว่าพ่อไม่กล้าหือกับเมียใหญ่หรอก เพราะนางให้พ่อทุกอย่าง ทั้งหน้าที่การงาน ทรัพย์สินเงินทอง และหน้าตาทางสังคม หากไม่ใช่เพราะแต่งกับลูกสาวเศรษฐี ชีวิตข้าราชการของพ่อคงไม่มาถึงจุดสูงสุดขนาดนี้หรอก เพราะตระกูลผู้ดีเก่าของปู่เหลือแค่ชื่อแต่ความจริงกำลังจะหมดตัว
ขอเล่าข้ามไปถึงตอนผมใช้ชีวิตต่ออย่างแสนลำบากในควีนส์แลนด์ก่อนนะครับ แล้วว่าง ๆ จะกลับมาเล่าชีวิตลูกเมียน้อยในวัยเด็กอีกที หลังผมถูกกีดกันจากพ่อ ไม่ได้รับการติดต่อ ไม่ได้รับเงินที่ท่านรับปากว่าจะส่งจนกว่าผมจะเรียนจบ ผมก็ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรน โชคดีหน่อยที่ลูคัสกับเอมมิลี่ โฮสต์ของผมที่นั่นมีฟู้ดทรัคขายอาหาร แล้วพวกเขากำลังอยากจะขยายกิจการพอดี ผมจึงเสนอให้ขายอาหารไทย โดยผมจะเป็นเชฟให้เพราะได้วิชาแบบงู ๆ ปลา ๆ มาจากป้าปรางค์ ผมจึงได้งานที่นั่น พอมีรายได้ให้ประทังชีวิต เก็บเงินเองจนเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้ในที่สุด
เมื่อหกเดือนก่อน ผมได้เจอกับพี่ธามโดยบังเอิญ เขามาซื้อข้าวผัดกุ้งที่รถของผม พอรู้ว่าผมเป็นคนไทย เขาก็ดีใจใหญ่ หลังจากนั้นเราก็ได้เจอกันทุกวัน และแน่นอนครับ ผู้ชายโปรไฟล์ดีทั้งรูปร่างหน้าตาและหน้าที่การงานอย่างพี่ธาม ก็ตกหลุมรักคนชิก ๆ น่ารัก ๆ อย่างผมได้ไม่ยาก ที่สำคัญเขาเป็นคนเริ่มจีบผมก่อน และเราตกลงคบกันภายในเวลาไม่ถึงเดือน
ช่วงเวลาสี่เดือนที่พี่ธามอยู่ที่นั่น เขาน่ารักมาก ๆ อยากจะพิมพ์ ก.ไก่ สักล้านตัว ดูแลเอาใจใส่ ช่างเอาอกเอาใจ ตามใจผมทุกอย่างเลยครับ เราย้ายมาอยู่ด้วยกันเมื่อเข้าเดือนที่สอง เขาฝากท้องที่ร้านของผมทุกวัน เราแชร์กันในทุก ๆ เรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเงิน!
ใช่ครับ สามเดือนผ่านไปเงินเก็บของผมเลยเหลืออยู่ไม่กี่บาท แต่ผมไม่คิดอะไรมากหรอกครับ ผัวเมียกันใช้เงินกระเป๋าเดียวกันมันจะเป็นอะไรไปล่ะครับ พี่ธามก็สัญญาด้วยว่าเมื่อไรที่ผมเรียนจบและกลับมาเมืองไทย เราจะแต่งงานกัน เขาจะดูแลผมอย่างดี ชาตินี้ไม่ต้องทำงานเลยก็ได้ ผมก็เลยวาดฝันไว้เสียสวยหรู
หลังพี่ธามกลับมาเมืองไทยได้สองเดือน ผมก็ทนคิดถึงไม่ไหว ช่วงนี้ผมปิดเทอมพอดีด้วยก็เลยขอลูคัสกลับมาเมืองไทย ใช้เงินเก็บก้อนสุดท้ายซื้อตั๋วเครื่องบินแบบเที่ยวเดียว เดี๋ยวตอนขากลับค่อยขอจากพี่ธาม ยังไงเขาก็ต้องจัดการให้ผมอยู่แล้วละครับ ผมตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์เขาครับ คิดว่าเขาต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่จู่ ๆ ผมก็มาปรากฏตัวที่เมืองไทย ผมวาดภาพเอาไว้ว่าเขาจะต้องโผเข้ามากอดผม แล้วเราก็จูบกันอย่างดูดดื่ม นอนกอดกันข้ามวันข้ามคืนอะไรทำนองนั้น
แต่แล้วคนที่เซอร์ไพรส์กว่ากลับเป็นผมเองครับ ทำไมน่ะเหรอ… เพราะวันนี้เป็นวันแต่งงาน! ของพี่ธาม
ผมเข้าไปอาละวาดในงานทำบุญตอนเช้า เพราะคิดว่าพ่อแม่เขาต้องบังคับให้เขาแต่งงานแน่ ๆ เลยครับ แต่ทุกอย่างมันไม่ใช่อย่างที่ผมเข้าใจเลย
ไอ้เหี้ยธาม! ขออนุญาตพูดคำหยาบนะครับ มันลากผมเข้าไปหลังเวทีเตี้ย ๆ ที่จัดงานในโรงแรมแห่งนั้น แล้วมันก็ทั้งเตะทั้งต่อยผม พร้อมกับชี้หน้าด่าว่าอย่าสะเออะเข้าไปยุ่งในงานของมัน ตอนนั้นผมตกใจมาก และไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมทั้งคุกเข่าอ้อนวอนกอดขามันทั้งน้ำตา มันถีบผมจนกระเด็นแล้วก็ตามมาเหยียบหน้า พร้อมกับคำอธิบายแบบเยาะหยัน
“ไอ้ควาย มึงคิดว่ากูจริงใจกับมึงเหรอ ที่กูทนเอามึงเพราะเห็นว่านามสกุลชยังกูร ดีใจนึกว่ากูจะตกถังข้าวสาร ที่ไหนได้มึงมันก็แค่ลูกเมียน้อยที่ถูกเอาไปปล่อยไว้ต่างแดน ตอนแรกกูก็นึกว่ามึงทำงานฆ่าเวลาสนุก ๆ เหมือนพวกลูกเศรษฐีที่อยากลองใช้ชีวิตลำบาก ห่ามึงเอ๊ย ที่แท้ก็ลำบากจริงนี่หว่า เชิญมึงกลับไปทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนให้จบเถอะว่ะ แล้วอย่ามาเสนอหน้าในชีวิตกูอีก”
“พี่ธาม พี่พูดอะไรอะ?” ตอนแรกผมคงยังเจ็ตแล็กอยู่ ก็เลยงง ๆ ว่ามันพูดเหี้ยอะไร แต่พอตั้งสติได้ ก็เข้าใจทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“ไอ้เหี้ย! มึงเอาเงินกูคืนมาเลยนะ” พอผมได้สติผมก็ทวงทุกอย่างคืนจากมัน “ไอ้แมงดา”
“ถ้ากูเป็นแมงดามึงก็เป็นอีตัวสิวะ” แต่มันก็ยังหน้าด้านไม่ยอมรับ ว่ามันหลอกให้ผมเลี้ยงดูจนหมดตัว
“ไอ้เหี้ย! ไอ้สัด!”
“เอาตัวมันออกไป”
แล้วมันก็ลากผมไปให้ รปภ. ลากผมออกมาทิ้งไว้ข้างถนนอีกที ผมได้แต่กำหมัดแน่น แล้วมองกลับเข้าไปในนั้น บอกตัวเองว่าสักวันผมจะเอาคืนมันให้ได้
แต่ตอนนี้ผมต้องตั้งสติก่อน สิ่งแรกที่ผมคิดได้ในนาทีนั้นก็คือกลับมาหายายกับป้า ผมนั่งรถโดยสารกลับมายังบ้านเกิดในจังหวัดสมุทรสงคราม แล้วก็เดินเรื่อยเปื่อยมาจนถึงแผงขายอาหารทะเลของยายนี่แหละครับ