บท
ตั้งค่า

ตอนที่7 อาหารที่แสนอร่อย

ซิ่วอิงเดินมาที่ห้องครัว ที่ยามนี้มีของมาส่งมากมาย ทั้งข้าวสารอาหารแห้ง แป้ง เครื่องเทศ ไข่ เนื้อสัตว์ ผักต่าง ๆ นางเดินมองของต่างอย่างพอใจ ก่อนนางจะนึกถึงกล่องโบราณ หากนางนึกถึงของที่นางอยากให้มี ของจะมาปรากฏในกล่องหรือไม่นะ ต้องลองพิสูจน์ อีกทั้งกำไลที่นางสวมอยู่ หากมีมิติเก็บของได้ ก็คงสุดยอดไปเลย นางจะได้ไม่ต้องถือกล่องไปไหนมาไหนด้วย

ซิ่วอิงปลดผ้าออกมา ก่อนจะนำมันมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะนึกสิ่งที่นางอยากได้ รสดี น้ำมันหอย ซีอิ้วขาว จากนั้นนางก็รีบเปิดกล่องออกดู ก่อนจะมองกล่องที่เริ่มขยายใหญ่ขึ้น แล้วมีของที่นางต้องการอยู่ในนั้น สวรรค์ขอบคุณนะเจ้าคะ หากจะให้ข้าดูแลคนมากมาย ก็ต้องส่งตัวช่วยมาให้ข้าแบบนี้ ข้าถึงจะมีกำลังใจในการช่วยเหลือผู้คน

แล้วหากขอเป็นเงินละ จะได้หรือไม่นะ ไม่ลองไม่รู้ ก่อนนางจะตั้งจิตขอเป็นเงิน ปรากฏว่ากล่องหดตัวเล็กลงทันที ไม่ได้สินะเฮ้อ! ช่างเถอะแค่นี้ก็ดีมากแล้ว อย่าโลภมากซิ่วอิง

“นี่คือสิ่งใด” ? ลี่อินเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“สิ่งนี้ช่วยทำให้รสชาติอาหารดีขึ้น เจ้าช่วยฉีกถุงแล้วเทใส่ไหให้ข้าที หานเกอ ตงฮวน เจ้านำข้าวเทใส่ไหใบใหญ่ ส่วนแป้งต้องเก็บในบริเวณที่แห้ง” ซิ่วอิงแจกแจงงานให้พวกเขาอย่างคล่องแคล่ว

“เจียวจู เจ้าหุงข้าวเป็นหรือไม่?”

“ข้าไม่เคยทำเลย แต่ว่าหากเจ้าสอนข้าต้องทำได้แน่”

“งั้นเจ้านำข้าวสารใส่หม้อ แล้วนำไปล้างให้สะอาดแล้วเอามาให้ข้า” ซิ่วอิงตักข้าวสารใส่หม้อ สองใบ นางจะทำข้าวต้ม1หม้อ ข้าวสวยหนึ่งหม้อ กว่าจะมีรายได้เข้ามา ต้องกินข้าวต้มหลายมือหน่อย นางต้องประหยัดเพราะเงินที่นางมีเหลืออยู่ไม่มาก นางต้องคิดวิธีหาเงิน ตอนนี้มีคนมาอยู่ด้วยมากขึ้น นางต้องรีบคิดหาวิธี

ป้าหวังเดินกลับมาพร้อมเด็กสาวอีกสิบคน ซิ่วอิงหันไปเห็นก็รีบเรียกให้ไปตักน้ำมาใส่ถัง และนำจานชามที่ซื้อมา นำออกไปล้างและเช็ดให้สะอาด จากนั้นนางก็หันไปสอนวิธีหุงข้าวให้กับเจียวจู ส่วนข้าวต้มนั้นไม่ยาก

“นายหญิงน้อย วันนี้ท่านจะทำอาหารชนิดใดหรือเจ้าคะ” ป้าหวังเอ่ยถามขึ้น

“วันนี้กินง่าย ๆ ไปก่อน แต่ว่าอร่อยแน่นอน ช่วงนี้เราต้องกินอยู่อย่างประหยัด จนกว่า พวกเราจะมีรายได้เจ้าค่ะ” หวังฟางได้ยินก็น้ำตาซึม นางอายุเท่านี้ยังมีความคิดความอ่านได้ดีเพียงนี้ นางที่มีอายุมากกว่า ยังต้องมาพึ่งใบบุญของนาง ซิ่วอิงหันมาเห็นก็รีบเอ่ยขึ้น

“ป้าหวังอย่ารีบซาบซึ้ง นำผักกาดดองไปล้างให้ข้าทีเจ้าคะ” หวังฟางหัวเราะออกมา รีบหยิบผักกาดดองในไห แล้วใส่กาละมังไปล้างทันที

“ตงฮวน หานเกอ เจ้าดูสถานที่กินอาหาร ข้าคิดว่าคงต้องนั่งพื้นไปก่อน”

“ได้ ๆ” เสียงซิ่วอิงสั่งงานดังไม่ขาดสาย แต่ทุกคนก็ยกยิ้มด้วยความเอ็นดู และรีบไปทำตามคำสั่งอย่างแข็งขัน ซิ่วอิงพอเห็นทุกคนช่วยกันเช่นนี้ นางก็รู้สึกสบายใจ

พอฮุ่ยกวงเดินมาสมทบพร้อมบุรุษ3คนเด็กผู้ชายอีกถึง12คน ซิ่วอิงถึงกับมองอย่างหนักใจ สวรรค์ท่านหางานให้ข้ามากมาย แต่ให้มาอยู่ในร่างเด็ก9ขวบ แล้วข้าจะทำอะไรได้มากมายกัน คิดแล้วเหนื่อยใจจริง ๆ

เย็นนี้ซิ่วอิงทำผัดผักรวม ผักกาดดองผัดไข่ หมูทอดกระเทียม พอทำเสร็จให้ทุกคนช่วยกันยกไปที่ห้อง ที่มีเพียงแค่หนึ่งโต๊ะ และเก้าอี้นั่งตัวยาวสองตัว ซิ่วอิงเห็นแล้วก็ตัดสินใจ นั่งลงบนพื้นก่อนคนอื่น แล้วเริ่มตักข้าวใส่ถ้วยและข้าวต้ม นางแบ่งเป็นสองกลุ่มชายและหญิง อาหารที่ทำแบ่งให้เท่า ๆ กัน แล้วจึงเริ่มกินอาหาร

ทุกคนเห็นนางเริ่มกินอาหาร ก็หยิบตะเกียบมาคีบ ทุกคนมองการกระทำของนางโดยไม่มีใครพูดอะไร ทั้ง ๆ ที่นางสามารถนั่งบนโต๊ะ แต่นางก็ลงมานั่งกับทุกคนบนพื้น ทุกคนกินไปก็น้ำตาไหลไป อาหารที่นางทำก็สุดแสนอร่อย จนต้องร้องไห้หนักมากกว่าเดิม ซิ่วอิงเหลือบมาเห็นทุกคน ก็ถอนใจออกมาบ่อน้ำตาตื้นกันเสียจริง

“อาหารที่ข้าทำไม่อร่อย จนถึงกับน้ำหูน้ำตาไหลเลยหรือ ต่อไปข้าคงไม่ทำแล้ว”

“นายหญิงน้อย” ซิ่วอิงยังพูดไม่ทันจบ เด็กสาวน่าจะอายุ6ถึง7ขวบ ร่างกายผายผอมจนมีแต่กระดูกรีบเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“นายหญิงน้อย ท่านอย่าเลิกทำเลยเลยเจ้าค่ะ ตั้งแต่ข้าเกิดมา ก็เพิ่งได้กินอาหารดี ๆ และอร่อยมากเช่นนี้ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งท่านมา ไม่เช่นนั้นคืนนี้ ข้าคงต้องนอนอยู่ริมถนน และไม่ได้กินอาหาร ที่รสชาติวิเศษเช่นนี้เจ้าค่ะ” ซิ่วอิงได้ยินก็รู้สึกจุกในอก น้ำตาก็เอ่อขึ้นมาด้วยความสงสาร ซิ่วอิงจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น

“วันนี้คืนนี้ขอให้เป็นค่ำคืนสุดท้าย กับความเจ็บปวดในอดีต ข้าไม่อยากได้ยินมันอีกแล้ว ในเมื่อทุกคนได้มาอยู่ที่นี่ มาเป็นครอบครัวเดียวกับข้า เพราะฉะนั้นจงกลืนความเจ็บปวดลงไป พร้อมอาหารในวันนี้ และตื่นขึ้นมาในพรุ่งนี้ พร้อมวันที่ดีและสวยงาม ข้าอยากให้ทุกคน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกวัน ต่อจากนี้เราจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากข้าได้กินเนื้อพวกเจ้าก็ต้องได้กินเช่นกัน ทุกอย่างในอดีตเป็นเพียงฝันร้าย จงลืมมันไปเสีย เอาละกินอาหารให้อร่อยเถิด”

ทุกคนก้มลงกินอาหารอย่างตื้นตันใจ กับคำพูดของนาง นางอายุแค่9ขวบ แต่คำพูดเหล่านี้ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะพูดออกมาได้ นางต้องเป็นเทพมาเกิดเป็นแน่ โชคดีจริง ๆ ที่ได้พบนาง

เช้าวันต่อมา ซิ่วอิงก็ตื่นขึ้นมาทำโจ๊กหมูสับใส่ไข่ ทุกคนถึงกับขอเติมเป็นถ้วยที่สอง เพราะอร่อยมากจริง ๆ สามพี่น้องสกุลอู่ เพราะเป็นบุรุษจึงจัดไปถึงคนละสามถ้วย

“ท่านพี่ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายหญิงน้อย นอกจากจะจิตใจดีแล้ว ยังทำอาหารอร่อยมากขนาดนี้ หากทำขายคงขายดีมาก”

“นั่นสิโจ๊กรสชาติดีเช่นนี้ คนคงต่อแถวยาวไปถึงต่างแคว้น” อู่จิ้งเห็นด้วยกับอู่หย่ง

“ข้าคิดว่านางก็คงจะทำขายนั่นแหละ มีจอมตะกละมาอยู่ด้วยเช่นพวกเรา นางต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหาเงินมาดูแลพวกเรา คิด ๆ แล้วข้าก็สงสาร ที่นำภาระมาให้นาง”

“ไม่ต้องกังวล พวกท่านไม่เป็นภาระของข้าแน่นอนเจ้าค่ะ เพราะข้ามีงานให้พวกท่านทำ” บุรุษทั้งสามสะดุ้งสุดตัว นี่นางมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน

“งานอะไรหรือขอรับ?”

“ท่านสามคนไปสำรวจ โรงเตี๊ยมและเหลาอาหารและภัตตาคาร ว่าแต่ละแห่งอาหารขึ้นชื่อคืออะไร นี่เงินเจ้าค่ะหากหิวก็แวะกินให้อิ่มท้อง ขากลับข้าฝากซื้อผลไม้มาหลาย ๆ อย่างหน่อยเจ้าค่ะ”

“ได้ขอรับนายหญิงน้อย”

“เดี๋ยวก่อนไป ไปฟังข้าประชุมหน่อยนะเจ้าค่ะ”

“ได้ ๆ ขอรับ”

หลังจากทุกคนกินอิ่มแล้ว ก็พากันมานั่งรอซิ่วอิงในห้องโถง เพราะป้าหวังและลุงฮุ่ยกวง ได้บอกทุกคนว่านายหญิงน้อยมีเรื่องจะพูด ซิ่วอิงก้าวเข้ามาพร้อมสหายทั้งสี่คน วันนี้นางเกล้าผมขึ้นเป็นมวยกลม ๆ อย่างน่ารัก อีกไม่นานหากนางเติบโต คงงามงามหาใครเทียบได้

“เอาละมาพร้อมกันหมดแล้วนะ ข้าอยากจะบอกทุกคนเอาไว้และให้จดจำให้ดี ข้าดูเหมือนคนเป็นคนจิตใจดี มีเมตตาดั่งนางฟ้า แต่บางเวลาข้าก็เป็นนางมารได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ข้าโกรธ ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผล ข้ารับทุกคนเข้ามา ก็จะดูแลดั่งคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นข้าขอแค่ความซื่อสัตย์และไม่หักหลังข้า แค่นั้นข้าก็พอใจมากแล้ว”

“งานในจวนเด็กผู้ชายให้ฟังคำสั่งจากลุงฮุ่ยกวง ส่วนเด็กผู้หญิงให้ฟังป้าหวัง จบประชุมตามนี้”

หลังจากพูกคุยกับทุกคนเสร็จ ซิ่วอิงก็พาสี่สหายออกมาเดินตลาดอีกครั้ง เพราะนางต้องการผ้าห่มและที่นอนเพิ่ม มีแต่รายจ่ายนางก็เครียดอยู่เหมือนกัน

“ข้าว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งช่วยเหลือใครจะดีกว่า” ซิ่วอิงเปรยขึ้นมา

“ทำไมล่ะข้าช่วยแล้วรู้สึกดี” ลี่อินถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

“เจ้าโง่หรือ เจ้าไม่ดูวันก่อน พอเราช่วยแม่ค้าในตลาด กลับได้ของแถมมาถึง25คน” หานเกอเอ่ยขึ้น

“จริงด้วยข้าลืมคิดไป แล้วถ้าหากว่าปัญหาวิ่งมาชนเราจัง ๆ แล้วเราต้องช่วยละ?”

“นั่นสิแบบนั้นเราจะทำอย่างไรดีละ” เจียวจูเอ่ยขึ้นมาอย่างเริ่มเป็นกังวล

“ก็คงต้องช่วยนั่นแหละ” ตงฮวนเอ่ยขึ้นอย่างวิเคราะห์ เขาเป็นเด็กที่ฉลาด ย่อมเข้าใจสิ่งที่ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นมา

“หากมีคนไปอยู่กับพวกเราเพิ่ม ภาระย่อมตกมาอยู่ที่ซิ่วอิง เพราะฉะนั้นหากไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ห้ามยื่นมือยื่นขาออกไป” ตงฮวนเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนจึงพยักหน้ารับรู้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel