บท
ตั้งค่า

3

3

กวินนิตาลอบมองผู้ชายที่นั่งอยู่ทางเบาะหลังบ่อยๆ ทุกอย่างน่าจะเป็นไปได้ด้วยดี ตอนนี้เพียงแค่รอโอกาส อีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ถ้าจะให้เดานภัสเองก็น่าจะเตรียมตัวพร้อมแล้วเช่นกัน

“คุณหิวอะไรไหมคะ” หญิงสาวถามคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เบาะหลังอย่างเป็นห่วง

“ตอนนี้ยังนะ” เขาตอบสั้นๆ ก่อนที่จะหันกลับมาสนใจหนังสือต่อโดยไม่สนใจเธออีก นี่เป็นวิธีตัดบทการสนทนาที่คิดว่ามันสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เราคงต้องเดินทางอีกประมาณชั่วโมงครึ่งนะคะ เดี๋ยวแวะเข้าห้องน้ำและกินอะไรก่อนถึงที่พักจะดีกว่าค่ะ” กวินนิตาแนะนำ

“แล้วแต่คุณก็แล้วกัน”

“คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ” หญิงสาวพยายามเอาอกเอาใจ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้รับการตอบสนองมากนัก

“ผมต้องการอเมริกาโน่สักแก้วพอ” อนิรุทธ์ตอบสั้นๆ

กวินนิตาได้แต่ลอบมองอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก เพราะเขาทำราวกับว่าเธอเป็นเพียงแค่คนรับใช้แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา

“อีกไม่นานคุณจะหลงฉันคอยดู คุณจะต้องหลงรักผู้หญิงที่เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยคุณ” สาวสวยคิดในใจอย่างหมายมั่น

นภัสยืนมองอย่างครุ่นคิดเมื่อเห็นผู้ชายที่นอนหลับใหลที่เบาะหลังของรถ หญิงสาวหันมาทางญาติผู้น้องและสบตาเป็นเชิงถาม ดูเหมือนว่ากวินนิตาจะทำบางอย่าง เขาถึงได้หลับใหลไม่ได้สติแบบที่เห็น

“ทำไมหลับไม่ได้สติแบบนี้” นภัสถามคำแรก

“ก็ยานอนหลับไง รู้จักไหม มันพอที่จะทำให้เธอพาเขาไปตามแผนที่เราวางไว้ง่ายขึ้น”

กวินนิตาอธิบายให้ฟังด้วยสีหน้าที่ภูมิใจในความฉลาดของตัวเอง ส่วนนภัสตกใจเพราะยานอนหลับถ้าใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไปอาจเกิดอันตรายได้

“แล้วทำอย่างไรเขาถึงยอมกินยานอนหลับล่ะ” นภัสถามต่อ

“ถามโง่ๆ ก็แอบใส่ในกาแฟน่ะสิ แล้วดูแลเขาดีๆ ล่ะ พูดเพราะๆ แล้วก็เอาใจด้วย” กวินนิตาสั่งเสียงเข้ม

“เธอให้ฉันเป็นโจรเรียกค่าไถ่ แล้วให้ฉันพูดดีๆ กับเขานี่นะ” นภัสส่ายหน้า โจรที่ไหนจะพูดดีกับคนที่ตัวเองคิดจะทำร้ายเล่า

“เขาเป็นลูกผู้ลากมากดีเธอก็ต้องดูแลให้ดีด้วย เป็นตัวประกันกิตติมศักดิ์น่ะรู้จักไหม คิดสิ ทำไมโง่จัง” กวินนิตาหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังถามไม่เข้าเรื่อง

“แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อ นิต้า”

“ก็จะไปเตรียมตัวซ้อมบทสักสองวัน วันที่สามฉันจะทำเป็นมาช่วยตามแผนที่วางไว้ไง นี่อย่ามาตั้งคำถามโง่ๆ กับฉันบ่อยนักเลย พาเขาไปที่พักได้แล้ว” กวินนิตาออกคำสั่ง

“แล้วจะให้พาไปอย่างไร ตัวอย่างกับตึกสิบชั้น” นภัสถามด้วยความกังวล อนิรุทธ์สูงและตัวใหญ่กว่าเธอมาก การที่จะลากเขาไปเพียงลำพังไม่ใช่เรื่องง่าย

“ก็หาทางไปสิ บอกไว้ก่อนว่าฉันจะไม่เข้าไปในสวนป่าของป้าเธอ วันนี้ฉันมีนัดกับเพื่อนที่หัวหิน เธอก็หาทางพาเขาไปเองก็แล้วกัน” สาวสวยเลี่ยงพร้อมทั้งโยนความรับผิดชอบให้กับนภัสตามความเคยชิน

หญิงสาวมองญาติผู้น้องก่อนที่จะส่ายหน้าอย่างระอา ดีนะที่เธอเตรียมรถลากมาด้วย ไม่อย่างนั้นคงต้องแบกผู้ชายตัวใหญ่ด้วยความลำบากแน่นอน

ผกากรองถอนหายใจเมื่อฟังหลานสาวพูดจบ ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่หลานกำลังจะทำมากนัก แต่ก็พูดอะไรไม่ได้เพราะนภัสตัดสินใจแล้ว ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจพวกที่สร้างปัญหาให้มากขึ้น

“เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง ยังจะเอากระดูกมาแขวนคออีก ทำแบบนี้มันผิดกฎหมาย ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาหนูจะแย่นะฟ้า” ผกากรองหรือคุณนายผกาพูดออกมาอย่างอ่อนใจ

“ตอนนี้มันเป็นทางรอดเดียวของหนู ถ้าสำเร็จ คนพวกนั้นจะออกไปจากบ้านและหนูจะได้โฉนดคืน หนูยอมติดคุก ยอมโดนฟ้อง แต่หนูจะไม่ยอมให้สมบัติของพ่อกับแม่ตกไปเป็นของคนอื่นเด็ดขาด” นภัสเอ่ยด้วยสายตาที่มุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว

“ไอ้คนพวกนั้นมันก็ช่างคิดนะ เห็นแก่ตัวที่สุด นี่ถ้าป้ามีเงินมากพอคงจะช่วยเราได้”

คุณนายผกาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากจะด่าคนบ้านนั้นให้สำนึก แต่เมื่อคิดดูแล้วก็คงยาก อีกอย่างนางเองก็ไม่มีเงินสดมากขนาดที่จะช่วยหลานสาวได้ ตอนแรกก็ตั้งใจจะขายที่ดินบางส่วนแต่นภัสห้ามเอาไว้ เพราะรู้ดีว่าตนรักที่ดินผืนนี้มากเหมือนกัน

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูไม่อยากรบกวนป้า แค่นี้ก็รบกวนมากแล้ว ถือเสียว่าเป็นการไถ่ถอนบ้านคืนพร้อมทั้งตอบแทนบุญคุณที่พวกเขาทวงนักหนาไปในคราวเดียวกันนี้เลย” นภัสพูดอย่างปลงๆ

“ก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น แล้วคนที่จับมาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

“ตอนนี้ยังหลับไม่รู้เรื่องเลยค่ะ แต่หนูหาทางป้องกันไม่ให้เขาหนีแล้ว ตอนนี้ขอเตรียมตัวก่อน คงต้องทำตัวให้ดุเข้าไว้เพราะเราเป็นโจรเรียกค่าไถ่” หญิงสาวพูดติดตลก

“เอาเถอะ ป้ากลัวว่าแกกับมันจะได้กันเองมากกว่าที่นังผู้หญิงปากแดงนั่นจะได้นะ” ผกากรองอมยิ้ม

“ถ้าเป็นแบบนั้น หนูจะเหมาลิเกสามคณะมาให้ป้าดูเจ็ดวันเจ็ดคืนเลยดีไหม” นภัสยิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้นเธอรู้ดีว่าป้าของเธอแค่แซวเล่น

“อย่าพูดเป็นเล่นนะโว้ย เอาจริงนะ” ผกากรองยอมรับทันที

“ป้าอย่ารอเลย เป็นไปไม่ได้หรอก” นภัสโบกมือลาป้าด้วยรอยยิ้ม ไปเตรียมตัวรับบทนางโจรต่อไป

อนิรุทธ์ลืมตาขึ้นมาช้าๆ รู้สึกปวดและมึนหัวมาก เมื่อสายตารับแสงได้ปกติชายหนุ่มก็หันมองรอบตัว ที่นี่ไม่น่าจะใช่รีสอร์ตที่จองเอาไว้เพราะสภาพที่เห็นมันไม่เหมือนห้องพักเลยสักนิด ไม่มีเตียง ไม่มีตู้ ไม่มีกระจก เรียกได้ว่าเป็นห้องว่างที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย

ชายหนุ่มลุกขึ้นช้าๆ แต่มันไม่ง่าย เพราะทั้งตัวถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกเส้นใหญ่และมัดไว้แน่นมากเลยทีเดียว ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรก็เห็นว่ามีคนเปิดประตูเข้ามา ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใครแต่ดูจากรูปร่างก็รู้ว่าเป็นผู้หญิง เธอใช้ผ้าอำพรางใบหน้าเหลือให้เห็นเพียงดวงตาไว้แค่นั้น

“ฟื้นแล้วเหรอ” นภัสดัดเสียงเล็กน้อยเพื่อให้มันดูน่ากลัว

“ผมมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วคุณเป็นใคร ที่นี่ที่ไหน” เขาถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“ที่นี่ที่ไหนคุณไม่ต้องรู้ คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรคำตอบคือฉันพามา” เธอพยายามทำเสียงเข้มอย่างสุดความสามารถ

“จับผมมาทำไม” ชายหนุ่มถามต่อ

“ผู้หญิงจับผู้ชายมาทำไมล่ะคุณ”

“จับมาทำสามีเหรอ ไม่นะ ผมกับคุณไม่รู้จักกันเสียหน่อย หรือว่าเราจะรู้จักกัน อย่าบอกนะว่าเป็นหนึ่งในบรรดาผู้หญิงในอดีตของผม แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะผมยังไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงไทย ส่วนมากไม่ลูกครึ่งก็ฝรั่งไปเลย” อนิรุทธ์แกล้งพูดจายียวนกลับ ผู้หญิงยังไงก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเขาแน่

“พูดจาแบบนี้ได้อย่างไร น่าเกลียดที่สุด คิดได้อย่างไรว่าฉันจะจับคุณมาทำสามี” ได้ผล นางโจรจำเป็นเสียงดังด้วยความโมโห

“อ้าว ก็คุณถาม ผมก็ตอบน่ะสิ บอกมาว่าต้องการอะไร เราน่าจะตกลงกันได้” เขาต่อรองด้วยท่าทางสงบ ไม่ได้แสดงอาการกลัวแม้แต่นิดเดียว เวลาแบบนี้ต้องใช้สติให้มากที่สุด เพราะสติเท่านั้นที่จะเอาตัวรอดได้

“เงินค่าไถ่ไง”

“ต้องการเท่าไหร่ ผมจะจ่ายให้ทันทีที่คุณปล่อยผม และสัญญาว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ ตกลงไหม”

อนิรุทธ์คิดว่าถ้าเป็นเรื่องเงินก็ไม่เท่าไหร่ กี่ล้านเขาก็พร้อมยอมจ่ายเพื่อแลกกับอิสรภาพ แล้วก็ไม่ถือโทษด้วยขอแค่ปล่อยตัวอย่างสมบูรณ์ไม่บุบสลาย

“ดูคุณไม่ตกใจเลยนะ แถมยังกล้ามาต่อรองอีก” นภัสย้อนถาม

อนิรุทธ์อยากจะเถียงว่าใครตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มันก็ต้องตกใจกันทั้งนั้น ที่ไม่ได้พูดออกมาเพราะต้องรักษาท่าทีไว้ต่างหากเล่า

“ก็ท่าทางคุณมันไม่ใช่โจรที่โหดอะไรนี่ เสียงหวานซะขนาดนี้ ว่าแต่ตกลงไหม คุณต้องการเท่าไหร่”

ใช่ โจรเสียงหวานแถมยังเป็นผู้หญิง แบบนี้เขายิ่งโล่งใจว่าคงไม่เป็นอันตราย เพียงแต่ต้นเหตุของการจับตัวนี่สิ มันมาจากอะไร ว่าไปก็อยากจะรู้เหมือนกัน

“ฉันต้องการเท่าไหร่น่ะเหรอ” นภัสทวนคำทำท่าคิดพร้อมเดินวนไปมารอบตัวประกัน

“ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้อยากได้เงินสักสองล้าน” หญิงสาวบอกด้วยท่าทางกวนๆ บ้าง จริงๆ แล้ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาตอบคำถามแบบนี้ด้วยซ้ำ

“บ้าไปแล้ว รู้ตัวไหมว่าคุณลักพาตัวใครมา” ชายหนุ่มย้อนถาม

“รู้ หลานชายคุณหญิงอนุชนารถ อนิรุทธ์ สุทธิธาดา”

“ในเมื่อคุณรู้ว่าผมเป็นใครแล้วคุณมาให้ราคาค่าตัวผมแค่สองล้านนี่นะ ดูถูกกันที่สุด ผมมีค่าตัวมากกว่าที่คุณเรียกไปมากรู้ไว้ด้วย” เขาพูดอย่างหงุดหงิดพยายามแก้เชือกที่มัดมือไพล่หลังไว้เงียบๆ

“ไม่ต้องพยายามหรอก ถึงคุณแก้เชือกได้คุณก็หนีไปไม่ได้อยู่ดีเพราะฉันคล้องกุญแจมือไว้อีกทีหนึ่ง” หญิงสาวพูดออกมาอย่างรู้ทัน

“และเรื่องค่าตัวคุณ มันไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณเป็นใคร แต่มันอยู่ที่ว่าฉันพอใจจะเรียกเท่าไหร่”

“มันอยู่ที่ผมด้วย ราคาแค่นี้มันน้อยเกินไปสำหรับค่าตัวของคนอย่างผม” แน่ละ คนอย่างอนิรุทธ์มีค่าตัวแค่สองล้านนี่ มันกระจอกสุดๆ

“ผมเป็นใคร พ่อแม่เป็นใคร ยายเป็นใคร ให้ตายสิ ริจะเป็นโจรเรียกค่าไถ่ได้อย่างไร ทำไมโง่แบบนี้ หัดเรียกอะไรให้มันสมราคาหน่อย” อนิรุทธ์พูดด้วยท่าทางโมโห

ในขณะที่นภัสยืนนิ่งเริ่มรู้สึกว่า ‘ลูกค้า’ ของเธอท่าทางจะเยอะไม่ใช่เล่น และน่ารำคาญไม่ใช่น้อย

“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย แล้วก็อย่ามาตีค่าราคาของตัวเองให้มากนัก คุณมันก็แค่ผู้ชายเสเพลที่เอาแต่มั่วผู้หญิงไปวันๆ ฉันจะเรียกเท่าไหร่ จะคิดค่าตัวคุณอย่างไรไม่ต้องมาพูดมาก” หญิงสาวตัดบท

“แล้วคุณจะให้ผมอยู่ในที่แบบนี้เหรอ” เขาถามต่อพลางมองไปรอบๆ ด้วยความไม่พอใจ ที่นี่มันเหมือนรังหนูมากกว่าที่พัก

“ใช่” เธอตอบสั้นๆ

“คุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้ คุณจับผมมาเรียกค่าไถ่เป็นล้าน แต่คุณให้ผมอยู่ที่สกปรกแบบนี้ไม่ได้” ชายหนุ่มโวยวายลั่น

“ทำไมจะไม่ได้” นภัสเริ่มจะปวดหัวกับเขาแล้ว

“ผมไม่เคยอยู่ แล้วมันก็ร้อน ผมต้องการเครื่องปรับอากาศ ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวก โทรทัศน์ ตู้เย็น คุณมีไหม”

“ลืมอะไรไปหรือเปล่า ฉันจับคุณมาเรียกค่าไถ่ไม่ได้ให้คุณมาค้างคืนที่รีสอร์ต อย่าเรื่องมาก” นภัสเสียงเข้มขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกว่า ‘ลูกค้า’ เรียกร้องมากเกินไปแล้ว

“ผมมีสิทธิ์เรื่องมาก เงินค่าไถ่ผมไม่ใช่น้อยๆ คุณต้องดูแลผมให้ดีให้คุ้มกับเงินที่คุณจะได้ ไม่ใช่ให้ผมอยู่ในที่แบบนี้” อนิรุทธ์พูดเสียงดังฟังชัด

“วันแรกคุณอาจรู้สึกไม่สะดวก แต่วันต่อๆ ไปคุณจะอยู่ได้ ปรับตัวเอาแล้วกัน เพราะถ้าคุณปรับตัวได้มันก็คงไม่ลำบากที่จะอยู่ที่นี่” หญิงสาวบอกแล้วทำท่าจะเดินออกไปจากตรงนั้น

“แล้วคุณจะไปไหน” ชายหนุ่มรีบถาม

“ไปหาอะไรให้คุณกินไง เย็นแล้วคงหิวใช่ไหมล่ะ”

“ไม่หิว” เขาสวนทันควันแต่ท้องกลับร้องออกมาเสียงดัง นภัสหลุดหัวเราะทันที ยิ่งทำให้อนิรุทธ์เจ็บใจมากขึ้น

“ปากคุณไม่แต่ที่ท้องคุณตอบ มันคนละเรื่อง”

“เดี๋ยว แล้วผู้หญิงที่มากับผมล่ะ คุณทำอะไรเธอหรือเปล่า” อนิรุทธ์นึกได้ว่าไม่เห็นกวินนิตาอยู่ด้วย หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ

“คู่ขาของคุณน่ะเหรอ” นภัสย้อนถามเสียงเย้ยหยันในที

“ไม่ใช่คู่ขา เธอเป็นเพียงผู้ดูแลผม คุณทำอะไรกับเธอ” ถึงจะไม่ได้สนใจอะไรกวินนิตามากนัก แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็เป็นห่วงเธอเหมือนกัน

“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันให้แม่คนนั้นเอาจดหมายไปให้คุณหญิงยายของคุณแล้ว” นภัสพูดตามที่กวินนิตาสั่งไว้

“คุณไม่คิดว่าเธอจะแจ้งความเหรอ เสร็จแน่ แม่โจรเสียงหวาน” พอรู้ว่ากวินนิตาปลอดภัย แถมแม่โจรหน้าหวานยังให้เจ้าหล่อนถือจดหมายไปหาคนที่บ้านด้วย งานนี้มีหวังว่าเขาคงรอดในไม่กี่วันแน่

“คุณคิดว่าฉันจะโง่ปล่อยแม่นั่นไปคนเดียวหรือไง คนของฉันตามประกบไปด้วย ส่วนคุณก็อย่าคิดหนีเด็ดขาด เพราะยังไงก็หนีไม่รอด แถวนี้มีคนของฉันซุ่มอยู่ทุกที่ ถ้าฉันส่งสัญญาณบอกพวกนั้นไม่ปล่อยคุณไว้แน่” นภัสพูดอย่างเหนือกว่าแล้วเดินออกไปทันที ทิ้งให้อีกคนมองตามไปอย่างขัดใจ

ดูเหมือนว่าแม่โจรคนนี้จะวางแผนมาดีพอสมควร แต่เขาจะไม่ยอมนั่งรอให้คนมาช่วยอย่างแน่นอน อนิรุทธ์นิ่งและคิดหาทางเอาตัวรอดจากเรื่องนี้เงียบๆ มันต้องมีสักทางที่ทำได้

อาหารที่ถูกนำมาวางตรงหน้าทำให้คนที่ถูกจับตัวมาเบ้ปากทันที ดวงตาคมมองนิ่งไปยังคนที่นั่งตรงกันข้าม เธอยังคงปกปิดใบหน้าอยู่ แต่ครั้งนี้สวมหน้ากากอนามัยแทน

“ถามหน่อย ทำไมต้องปิดหน้าแบบนี้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเปิดหน้ามาสิ ถ้าคุณแน่จริง” เขาท้าทาย อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงตรงหน้าจะหน้าตาอย่างไร

แต่ที่รู้แน่ๆ คือน้ำเสียงนั้นหวานมากถึงแม้จะพยายามดัดให้เข้ม แต่ก็หลุดพูดตามธรรมชาติหลายครั้ง ดวงตาเธอก็สวยมากเช่นกัน มันเหมือนตาของกวางน้อยๆ

“ฉันจะปิดหน้าปิดตามันก็เรื่องของฉัน กินเข้าไป” หญิงสาวไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด

“กินไม่ได้”

“อย่าเรื่องมากนักนะ”

“ผมไม่ได้เรื่องมาก แต่คุณมัดมือผมแบบนี้ผมจะกินได้อย่างไร อีกอย่างกับข้าวแบบนี้ผมไม่กิน อะไรก็ไม่รู้ สะอาดหรือเปล่า แล้วนี่ผักอะไรน่าเกลียด ไม่กิน ผมต้องการอาหารที่ดีกว่านี้ พิซซ่าสั่งได้ไหม” อนิรุทธ์ไม่มีวันกินอาหารตรงหน้าเด็ดขาด กับข้าวบ้านๆ ในที่รังหนู สกปรกหรือสะอาดก็ไม่กล้าคิด

“ที่นี่ไม่มีของที่คุณต้องการ มีแต่กับข้าวตรงหน้านี่แหละ น้ำพริกกะปิ ผักทอด แล้วก็ไข่เจียว มีให้กินแค่นี้” หญิงสาวเริ่มจะโมโห เมื่อเห็นว่าเขาเรื่องมากเกินไปแล้ว

“แต่ผมกินอาหารพวกนี้ไม่ได้” เขายังคงไม่ยอมแพ้

“ไม่กินก็ไม่ต้องกิน” นภัสลอบถอนหายใจ ก่อนที่จะเดินไปหยิบอาหารที่เพิ่งจะเอามาออกไปด้วยท่าทางสงบ

“ดีแล้ว ต่อไปก่อนเอาอะไรมาให้ผม ช่วยคิดสักนิดว่าควรดูแลให้สมราคาค่าไถ่หน่อย” เขาพูดออกมาอย่างอวดดี ในขณะที่นภัสเริ่มจะเดือดแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel