บท
ตั้งค่า

4 ใครว่าพระเอกขี่ม้าขาว

ใครว่าพระเอกขี่ม้าขาว

ชีวิตโจวหยางซีในโลกที่จากมาเป็นเพียงพนักงานร้านสะดวกซื้อ แต่ทำอยู่หลายปีและที่ไม่ยอมเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการร้าน หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง เธอไม่อยากรับผิดชอบอะไรมากมาย เพียงแค่ต้องการมีเงินใช้ ได้อยู่ห้องแอร์เย็นๆ ทำงานใกล้บ้าน เพียงเท่านี้ชีวิตก็สมบูรณ์

เธอเรียนจนระดับปริญญาตรี การเรียนไม่ได้ใช่ไก่แลกเกรด อีกอย่างวันๆ พบคนหลายประเภท และยังชอบศึกษาเรื่องต่างๆ เป็นนักอ่านตัวยง เหนืออื่นใด อายุเธอไม่น้อยแล้วเฉียดสามสิบกว่า ประสบการณ์ชีวิตจึงมีพอตัว ส่วนการมาอยู่ในร่างหญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปี นับว่าเป็นกำไรมากโข ซึ่งเธอจะใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด และตอนนี้คือการสั่งสอน เด็กที่บังอาจปีนเกลียวกับเธอ

“ฮึ พ่อแกคงมัวแต่ประจบพวกนักการเมือง เลยไม่มีเวลาได้สั่งสอน ส่วนแม่นั้น...”

โจวหยางซีมองไปที่อีกฝ่าย ใช้สายตาอย่างพินิจ ช่วงเวลานั้น เรื่องราวของไป๋อันเหมยปรากฏในหัว อีกฝ่ายกำพร้ามารดา เนื่องจากหล่อนทนความอดดันในสกุลไป๋ไม่ไหว สามีเย็นชาและบ้างาน ส่วนแม่สามีเป็นพวกไม่อยากเห็นลูกสะใภ้ได้ดี มารดาไป๋อันเหมยจึงตัดสินใจผูกคอตายลาโลก ทิ้งเธอให้อยู่ในความเลี้ยงดูของย่า และนั่นจึงกลายเป็นการบ่มเพาะเด็กร้ายกาจเช่นนี้

“อย่า แกไม่มีสิทธิ์ พูดถึงหม่าม้า”

อันที่จริงโจวหยางซีร้ายตามบทตัวละครเดิม และเธอในโลกเก่าเป็นคนที่ยอมหักไม่ยอมงอเช่นกัน แต่ไม่อยากขยี้ปมในใจเด็กสาวให้แหลกสลาย ทว่าพวกจิ๊กโก๋ ลูกน้องสารวัตรไป๋ล้วนถือดี มีคนหนึ่งเข้ามาหมายจะฉุดเธอ และนับว่าโจวหยางซีคล่องแคล่วพอตัว จึงเตะผ่าหมากไปเต็มๆ

“บอกให้พวกมันถอยไป ไม่อย่างนั้นฉันจะกรี๊ดให้ลั่น และพูดเรื่องแม่ของแกไม่หยุด ว่าทำไม ถึงด่วนจากไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ และทิ้งให้แกเป็นเด็กกำพร้าจนถึงทุกวันนี้”

“ตบมัน ตบนังนี่ให้สมองเสื่อมไปเลย”

ไป๋อันเหมยหวีดร้องลั่น เธอรู้ว่า มารดาตนสนิทกับหลี่ฉู่ เนื่องจากฝ่ายนั้นเคยมารับใช้ที่บ้านเธอ มีหน้าที่ทำความสะอาด ดูแลเสื้อผ้าหลายปี อีกทั้งเป็นคนพบศพแม่ของเธอด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่หลี่ฉู่จะรู้ถึงความทุกข์ของมารดาเธอ และคนปากมากเช่นนั้น ย่อมเล่าเรื่องต่างๆ ให้โจวหยางซีที่เป็นลูกสาวฟังอย่างละเอียด เพียงแค่คิด ไป๋อันเหมยก็แทบกระอักเลือด

“ตบมันแล้วจิกหัวลากไปที่โรงพัก สั่งตำรวจขังเดี่ยว ให้อดข้าวอดน้ำ จนตายไปเลยยิ่งดี”

เด็กสาวร้องโวยวาย ยามนั้นเซียวก้งเยว่หายตัวไปแล้ว ฝ่ายโจวหยางซีกวาดตามองหาอีกฝ่ายพอไม่พบ และอดสังหรณ์ใจแปลกๆ ไม่ได้ แต่อย่างน้อยเธอเปลี่ยนบทในช่วงนี้ได้ เพียงแต่ว่าสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานตรงหน้าเล่า หญิงสาวจะเอาตัวรอดอย่างไร!

และเป็นอย่างที่ในหัวคิดเรื่องราวเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ ไป๋อันเหมยก้าวเข้ามาหาเธอ อีกฝ่ายอยู่มัธยมปลาย ทั้งยังเรียนช้าอายุจึงเกือบสิบเก้าปี เธอจึงยกตนเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่ม

“ก่อนจะจับตัวนังนี่ไปขังลืมโรงพัก ฉันขอตบสั่งสอนสักหน่อยก็แล้วกัน”

ไป๋อันเหมยกางฝ่ามือออก หมายตบลงบนหน้าโจวหยางซี และวาดมือเตรียมพร้อม ซึ่งช่วงเวลานั้น ไป๋อันเหมยไม่ทันได้ทำอย่างใจต้องการ ด้วยมีเสียงบีบแตรลั่น เป็นเก๋งคันใหญ่ขับผ่านมา พร้อมเสียงกระหึ่มของรถจักรยานยนต์หลายคัน

“คุณเหมย นั่นๆ ๆ เป็นพวกขวานลำพองมาทางนี้จริงๆ ด้วย พวกผมว่า รีบกลับเถอะครับ แถวนี้เราไม่ใช่เจ้าถิ่น เกิดเหตุร้ายขึ้นมา พวกผมจะพลอยแย่ไปด้วย”

พวกกุ๊ยที่เป็นลูกน้องปลายแถวบอกไป๋อันเหมย ตอนแรกเธอยังมีไฟกรุ่นๆ ในอก คิดสั่งสอนโจวหยางซี แต่เสียงแตรบีบดังกว่าเดิม เลยทำให้เด็กสาวเพื่อนของไป๋อันเหมยถีบจักรยานกลับทางเดิม พลอยให้เธอต้องตัดสินใจใหม่

“ฉันปล่อยแกไปก่อน พบกันคราวหน้า หวังว่าจะไม่เห็นแกไปเป็นเมียพ่อค้าเขียงหมูในตลาด หรือยืนโบกรถขายหมาก* แลกเศษเงินไม่กี่หยวนหรอกนะ”

ไป๋อันเหมยพูดจบ ก็รีบกลับไปขึ้นจักรยานแล้วปั่นหลบไปจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว

(*สาวขายหมากเป็นอาชีพของหญิงสาวในยุคสมัยนั้น ตามหัวมุมถนน จะมีหญิงสาวแต่งตัวสวยงาม นุ่งกระโปรงสั้น ขายหมากเคี้ยวที่ห่อเป็นคำๆ ให้แก่หนุ่มที่สัญจรผ่านไปมา)

ฝ่ายโจวหยางซีที่พอจะหายใจสะดวกได้บ้าง ก็หมุนตัวตั้งใจกลับบ้านเสียก่อน เธอกลัวเหลือเกินว่าในกลุ่มรถที่ขับผ่านมาจะมีกังเหริน หากเป็นเช่นนั้น อาจถึงคราวซวย เธอยังไม่พร้อมพบหน้าผู้ชายตระกูลกัง เนื่องจากตัวละครนี้รักปักใจอีกฝ่าย และเธอมั่นใจว่า หากได้เห็นหน้ากังเหริน หัวใจดวงน้อยคงพ่ายแพ้ต่อเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าเดินไปเพียงเล็กน้อย หญิงสาวก็สะดุดขาตัวเอง วินาทีนั้น เอวบางถูกรวบจากมือใหญ่ๆ ที่สากอยู่สักหน่อยและอุ่นจัด

“อุ๊ย... ปล่อยนะ อร๊าย...”

เธอร้องบอกอย่างนั้น อึดใจต่อมา ก็รู้สึกว่าตกอยู่ในอ้อมกอดแกร่งๆ ของบุรุษ

หญิงสาวไม่กล้ามองอีกฝ่ายในทันที ตัวสั่น และกลัวเหลือเกินว่าจะเป็นกังเหริน ผู้ชายที่ตัวละครนี้ ปรารถนาจะเป็นของเล่นอีกฝ่าย ให้เขาได้ย่ำยี และทำร้ายเธอสารพัด ถึงอย่างนั้นโจวหยางซีก็ยอมเป็นทาสรักเขา

ทว่าเพราะเสียงกระแอมไอที่ดังขึ้น คุ้นหูพิกล ดวงตากลมโตเลยค่อยๆ มองร่างที่รับเธอเอาไว้ วินาทีนั้น หญิงสาวตัวแข็งค้าง หัวใจคล้ายหยุดเต้น

ให้ตายเถอะ เธอดีใจมากที่เป็นเขา แต่สถานการณ์เมื่อครู่ ทั้งคำร้ายๆ ที่เธอพ่นไฟแล่บออกมา มันสมควรให้ว่าที่สามีวัยคราวพ่อ...ได้ยินหรือไม่

“โจวหยางซี ทำไมยังอยู่แถวนี้อีก!”

เสียงก็ดุ สีหน้าปั้นให้ขรึมเข้ม ใจหญิงสาวอ่อนระทวยไปหมด และสิ่งที่ทำได้ตอนนี้ เพื่อไม่ให้ต้องถูกคนตัวโตซักไซ้ไล่ต้อนให้เธอขวัญกระเจิง ย่อมเป็นไม้ตายของตัวร้ายเช่นเธอ

“ชะ อุ้ย... เป็นลม... ซีซี... มะไหว หน้ามืด อ๊ะ...”

พูดจบเธอ ก็ตัดสินใจทิ้งตัวเพื่อทำให้ตนเองตกเป็นภาระของเซียวหวังเหล่ย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel