บท
ตั้งค่า

บทที่ 10

ซูหนี่กลับมาถึงก็จัดการทำอาหารทันที นางทำไก่ย่างสองตัวกับน้ำแกงไข่ให้เด็กแฝดทั้งสองด้วย เมื่อทั้งสี่กินกันจนอิ่มแล้วก็มุ่งหน้าลงเขาทันที

ระหว่างทางยังแวะเก็บผลไม้อีกด้วย เพราะครั้งที่แล้วนางเก็บไปฝากเด็กทั้งสองเพียงไม่นานผลไม้ทั้งหมดก็ลงไปอยู่ในท้องของเด็กแฝดแถมยังมาออดอ้อนให้นางะามาเก็บอีกด้วย ครั้งนี้จึงเก็บกลับไปมากหน่อย

เมื่อถึงบ้านซูหนี่ยังมีเวลาเหลือที่จะจัดการกับถั่งเช่าก่อนที่จะทำอาหารเย็น นางล้างจนสะอาดแล้วนำไปตากแดด หนิงเฉิงกับหนิงอันจะเรียกว่าช่วยก็พูดไม่ได้เต็มปากเพราะตอนนี้ทั้งคู่เสื้อผ้าเปียกปอนกันเหมือนลูกหมาตกน้ำ ซูหนี่อยากจะห้ามแต่เห็นแววตาที่มองมาก็กลืนคำพูดลงคอไป

กว่าที่นางจะจัดการทุกอย่างเสร็จ แล้วจับเด็กน้อยอาบน้ำเข้านอน นางก็แทบจะหมดแรงเสียแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อเดินเท้าเข้าเมืองอีก ซูหนี่หัวถึงหมอนนางก็หลับทันที

เช้านี้นางยังคงทำเช่นเหมือนเช่นเคย เมื่อเตรียมอาหารเสร็จก็อาบน้ำเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้าน ซูหนี่ลองค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเงินที่ร่างเดิมเก็บไว้ หากจะให้นางไปขอค่าเข้าเมืองจากจ้าวหนิงหลงนางก็ไม่กล้า ในตู้เสื้อผ้ามีถุงเงินซ่อนอยู่ นับดูก็พบว่ามีสิบอิแปะ จำนวนเงินเท่านี้เพียงพอให้นางขึ้นเกวียนเข้าเมืองแล้ว

ซูหนี่หยิบถั่งเช่าที่นางใช้ผ้าเก่าๆที่หาได้ห่อไว้ใส่ในตะกร้า แล้วแบกขึ้นหลังไป เด็กน้อยทั้งสองยังคงตอนหลับฝันหวานอยู่ นางจึงปิดประตูให้เบาที่สุดหากตื่นขึ้นมาคงต้องใจอ่อนพาไปด้วยอีกแน่

"เจ้าจะไปไหน" ซูหนี่ตกใจสุดตัว

"ท่านเป็นผีหรือไง มาทีไรข้าไม่เคยได้ยินเสียง ข้าจะเข้าเมือง" ซูหนี่ถลึงตาใส่จ้าวหนิงหลง

"ข้าไปด้วย จะนำตำราที่คัดเสร็จแล้วไปส่งด้วย" เพราะซูหนี่จ้องมองอย่างสงสัยว่าเขาจะไปด้วยทำไม จ้าวหนิงหลงจึงต้องอธิบายให้นางฟัง

"แล้ว เด็กๆเล่า" ไม่ใช่ว่าต้องขนกันไปทั้งหมดเลยหรอกหรือ

"พาไปด้วย" จ้าวหนิงหลงปรายตามองซูหนี่เหมือนสองคนโง่ เด็กเล็กสองคนจะให้อยู่กับใคร

แล้วนางจะพูดอะไรได้ ในเมื่อเขาบอกว่าจะนำตำราที่คัดเสร็จแล้วไปส่ง หากจะให้นางไปส่งให้นางก็ไม่รู้ว่าร้านตำราที่เขารับงานอยู่ที่ใด หากเขาไปด้วยคงจะแนะนำร้านขายยาที่ให้ราคายุติธรรมกับนางได้

"งั้นท่านไปเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวข้าเรียกเด็กๆลุกเอง" นางเดินกลับเข้าในห้องเพื่อเรียกเด็กๆ โดยไม่รู้เลยว่าคนด้านหลังยกยิ้มที่มุมปากด้วยความพอใจที่นางเชื่อฟังอย่างดี

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยทั้งสี่ก็เดินออกจากบ้านเพื่อไปขึ้นเกวียนวัวที่หน้าหมู่บ้าน แต่ตอนที่เปิดประตูไปนั้นมีคนยืนรออยู่หน้าบ้านด้วย

"พี่หลง ท่านจะเข้าเมืองใช่ไหมเจ้าคะ พอดีข้าจะเข้าเมืองเช่นกันเจ้าค่ะ" ซูหนี่หันไปยักคิ้วให้จ้าวหนิงหลง บอกเป็นนัยๆกับเขาว่า นางเอกของท่านเป็นพยาธิในท้องท่านแน่ รู้ว่าท่านจะเข้าเมือง

ลี่อินที่บ้านนางมีเกวียนวัวเป็นของตนเองวันนี้บิดาของนางจะเข้าเมืองเพื่อไปคุยเรื่องหมั้นหมายของนาง นางรู้ว่าทุกเจ็ดวันจ้าวหนิงหลงจะนำตำราที่คัดไปส่งในเมืองนางจึงมาชวนเขาไปด้วยกัน เพื่อให้คุณชายเจียงเห็นว่านางมากับบุรุษคนอื่นงานหมั้นครั้งนี้จะได้ไม่สำเร็จ

"งั้นท่านไปกับแม่นางลี่อินเถิด ข้าจะพาลูกๆไปเอง" ให้นี่เปิดช่องให้พระเอกนางเอกได้ใกล้ชิดกัน ส่วนนางจะพาเด็กแฝดไปเที่ยวในเมืองเอง

"ไม่รบกวนเจ้า ข้าจะไปขึ้นเกวียนที่หน้าหมู่บ้าน" จ้าวหนิงหลงขว้ามือซูหนี่ข้างหนิงเฉิงข้างแล้วรีบเดินไปทันที เขารู้เรื่องหมั้นหมายของนางแล้ว เขาจึงไม่อยากให้ลี่อินเป็นที่ครหาของชาวบ้าน

ซูหนี่เมื่อถูกดึงไปก็ขัดขืนไม่ได้จึงได้แต่ยอมให้จ้าวหนิงหลงจูงไปถึงเกวียนวัวที่จอดรอรับคนอยู่

ลี่อินมองตามไปอย่างตะลึง นางไม่อยากจะเชื่อหากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองว่า จ้าวหนิงหลงจะจับมือซูหนี่ต่อหน้านาง นางคิดมาตลอดว่าสักวันเขาจะหย่ากับซูหนี่แล้วมาแต่งกับนาง ยิ่งได้เห็นคนทั้งคู่ใกล้ชิดกันนางยิ่งปวดใจ

แม้มารดาจะห้ามนางแล้ว ไม่ให้นางมาชวนเขาเข้าเมืองด้วยกันแต่นางไม่เชื่อ เพราะนางยังหวังว่าเขาจะเลือกนาง หากเขารู้ว่าวันนี้ครอบครัวนางต้องไปคุยเรื่องหมั้นหมายเขาจะขอร้องบิดามารดานางให้ยกเลิกงานหมั้นในครั้งนี้

ซูหนี่ไม่เข้าใจว่าทำไมจ้าวหนิงหลงจะต้องเมินเฉยกับลี่อินด้วยหรือเพราะเขาเป็นบัณฑิตจึงมีคุณธรรม ก็อาจจะใช่ คงยังไม่ถึงเวลา

เพราะตามเนื้อเรื่องที่นางได้ร่วมแสดงนั้น นางเอกก็แต่งงานไปกับคุณชายเจียงแต่เพราะทนนิสัยที่เจ้าชู้ของคุณชายเจียงไม่ไหว จึงให้จ้าวหนิงหลงวางแผนช่วยให้นางได้หย่า

ซูหนี่ไม่คิดจะเข้าไปขัดขวาง เนื้อเรื่องเป็นเช่นไรนางก็ปล่อยให้เป็นไปตามนั้น ตอนนี้นางมีหนังสือหย่าแล้วเรื่องที่กลัวว่าเขาจะฆ่านางคงไม่เกิดขึ้นแล้ว

เมื่อคนเต็มเกวียนวัวก็มุ่งหน้าเข้าสู่เมือง ถนนที่เป็นหลุมนางต้องทนนั่งโขยกเขยกไปถึงหนึ่งชั่วยาม นางที่เพิ่งจะเคยนั่งครั้งแรกก็ยังทรงตัวได้ไม่ดีนัก ไหนจะมีหนิงอันนั่งบนตัก ตะกร้าใส่ของก็ต้องคอยจับไว้ อาหารเช้าที่กินเข้าไปแทบจะออกมาอยู่รอมร่อ

ยังดีที่นางได้นั่งข้างหน้าจึงทำให้มีลมพัดเข้ามาด้านในช่วยให้อาการอยากจะอาเจียนค่อยๆทุเลาลง จ้าวหนิงหรงดึงจะกร้าไปจับไว้เองเมื่อเห็นนางทรงตัวไม่อยู่ อย่างน้อยเรื่องนี้คงนับเป็นข้อดีของเขาได้

เมื่อนัดหมายเวลาหลับเรียบร้อย จ้าวหนิงหลงเดินไปจ่ายค่าเข้าเมือง ดีที่เสียแค่ผู้ใหญ่สองคน เฉิงเออร์กับอันเออร์ด้วยวัยเพียงสามหนาวจึงไม่เสียค่าเข้า ไม่ใช่นางจะไม่ออกเงิน แต่เป็นเขาที่ไม่รับถุงเงินของนางไปเอง

หลังจากที่เดินเข้าประตูเมืองมาแล้วจะพบที่ว่าการของอำเภอ ให้ชาวบ้านมาติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องต่างๆไปจนถึงร้องเรียนด้วย เดินไปหนึ่งลี้จนพบห้องแถวสองชั้นที่สร้างเป็นหน้าร้านขายของ มีทั้งโรงเตี๊ยม เหลาอาหาร ร้านเครื่องหอม ร้านขายผ้า ข้าวสาร ฯลฯ ตามตรอกซอกซอยก็มีร้านค้ารวมถึงบ้านคนด้วย อีกฝั่งด้านหน้าจะเป็นตลาดและมีโซนที่ให้ชาวบ้านมาวางขายของแบกับดิน แม้จะดูวุ่นวายแต่จัดสรรได้อย่างลงตัว

ส่วนโรงหมอ ร้านตำรา สำนักศึกษาต้องเดินไปสองลี้จากประตูเมือง จะเป็นแหล่งที่คนไม่ค่อยวุ่นวายเสียเท่าไหร่ นอกเสียจากร้านขายยากับโรงหมอที่มีชาวบ้านค่อนข้างเยอะที่หน้าร้าน ถ้าเป็นสถานที่เริงรมย์จะอยู่ทางประตูเมืองทิศใต้ ถือว่าเจ้าเมืองจัดการได้เป็นอย่างดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel