บทที่ 5 ของขวัญของสวีฉางหลิน
สวีฉางหลินเงียบ อดไม่ได้ที่จะหันไปมองดูผู้หญิงที่กำลังทำกับข้าวอยู่
ภรรยาคนนี้ของตน สมองมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?
เสียดายที่เจ้าก้อนน้อยไม่เข้าใจความรู้สึกพ่อของตน ยังเรียกสวีฉางหลินมาขุดด้วยกัน สวีฉางหลินไม่อยากปฏิเสธลูกตนเอง ก็คุกเข่าลง ขุดไส้เดือนพร้อมกับลูกชายของตนเอง
หลังจากโจวกุ้ยหลานต้มเนื้อกับข้าวต้มเสร็จแล้ว ก็เอามาวางบนโต๊ะ แล้วก็เรียกทั้งผู้ใหญ่กับเด็กมาทานข้าว
ทั้งสองพ่อลูกค่อยลุกขึ้น สวีฉางหลินหอบอ่างไม้อันนั้นเดินมา ข้างหลังมีเจ้าก้อนน้อยตัวขาวอ่อนโยนตามมาด้วย
หยิบถ้วยตะเกียบออกมา จึงเห็นว่าล้วนทำมาจากไม้ ดูเหมือนว่าสวีฉางหลินทำเอง
ถือถ้วยแล้วก็หันตัว อ่างไม้อันหนึ่งขวางอยู่ตรงหน้านาง ในอ่างนั่น มีไส้เดือนเต็มเกินครึ่งแล้ว
ไส้เดือนที่เคลื่อนไหวอยู่นั้น ทำให้โจวกุ้ยหลานเกือบใช้เท้าแตะอ่างทิ้ง
ข้างหูมีเสียงสวีฉางหลินดังขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “ได้ยินว่าเจ้าชอบไส้เดือน?”
โจวกุ้ยหลานหันคอไปอย่างแข็งทื่อ มองดูเจ้าก้อนน้อยที่แอบดูนางที่อยู่ข้างหลังสวีฉางหลิน แววตาเต็มไปด้วยความหวัง
นางจะชอบไส้เดือนได้ยังไง? นางไม่ได้บ้า
เห็นนางเงียบ สวีฉางหลินจึงยื่นอ่างไม้ให้นาง พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ส่งให้เจ้าแล้ว”
ดังนั้นของขวัญชิ้นแรกที่นางได้จากสามีรูปงามกับเจ้าก้อนน้อยที่น่ารักก็คือ ไส้เดือนเป็นกะละมัง?
เพื่อไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง โจวกุ้ยหลานฉีกยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “วางไว้ด้านข้างเถอะ พวกเจ้ารีบไปล้างมือ เราจะทานข้าวแล้ว”
เจ้าก้อนน้อยพยักหัวอย่างตื่นเต้น จ้องมองดูสวีฉางหลินเอาอ่างไส้เดือนนั่นวางบนเก้าอี้ด้านข้าง
โจวกุ้ยหลานยกของกินเข้ามาในบ้านอย่างเดินไม่นิ่ง วางไว้บนโต๊ะ ทั้งสองพ่อลูกล้างมือเสร็จเข้ามาพอดี
คีบเนื้อกวางต้มให้กับเจ้าก้อนน้อย แล้วโจวกุ้ยหลานก็คีบให้กับตนเอง กัดกินหนึ่งคำ แล้วความรู้สึกที่เร่าร้อนนั่นทำให้นางแทบจะร้องไห้
ร่างกายตัวนี้อ่อนแออย่างมาก ไม่มีน้ำไม่มีนวลเลย ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม นางไม่ได้ทานเนื้อมากว่าครึ่งปีแล้ว ต่อให้มีแค่เกลือปรุงรส นางก็รู้สึกว่าอร่อย ทานเข้าไปตั้งหลายชิ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาค่อยเห็นว่าเจ้าก้อนน้อยกำลังตั้งใจทานข้าว กัดเนื้อชิ้นหนึ่ง แล้วค่อยๆเคี้ยว แก้มสองข้างปูดเหมือนหนูแฮมสเตอร์
เมื่อมองดูสวีฉางหลิน ค่อยเห็นว่าเขาทานข้าวต้มชามโตตรงหน้าจนหมดแล้ว โจวกุ้ยหลานรีบเอาช้อนมาตักเนื้อใส่ในถ้วยของเขา
เห็นสวีฉางหลินหันมามอง นางยิ้มแย้ม แล้วก็ตักเนื้อให้กับเจ้าก้อนน้อย ตักเนื้อให้ตนเอง แล้วก็ก้มหน้ากิน
อยู่กับสวีฉางหลินมีเนื้อกิน ถึงแม้รสชาติจะไม่ได้เรื่อง แต่มีเนื้อกินก็พอใจแล้ว
ทั้งสามคน กินข้าวต้มที่นางต้มจนหมด ยังทานเนื้อกวางชั่งเดียวจนหมด
ท้องของเจ้าก้อนน้อยพองโตขึ้นมา ใบหน้าเต็มพอใจ
หลังจากเก็บของเสร็จแล้ว โจวกุ้ยหลานก็ไปในตำบลพร้อมกับสวีฉางหลิน เจ้าก้อนน้อยถูกสั่งให้เล่นอยู่ในบ้าน
สวีฉางหลินแบกตะกร้าไว้ข้างหลังเดินนำอยู่ข้างหน้า โจวกุ้ยหลานเดินตามอยู่ข้างหลังด้วยมือเปล่า
หลังจากปีนเขาไปแล้วหนึ่งลูก โจวกุ้ยหลานก็เหนื่อยจนเดินไม่ไหวแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “พักก่อน พักก่อน.....”
พูดเสร็จ โจวกุ้ยหลานก็อดทนไม่ไหวแล้ว หย่อนก้นนั่งพักบนก้อนหินก้อนหนึ่ง
สวีฉางหลินที่อยู่ด้านข้างเห็นเข้า จึงวางตะกร้าบนหลังลงวางด้านข้าง นั่งหันหลังให้กับโจวกุ้ยหลาน
สองคนนั่งเงียบๆอยู่สักพัก โจวกุ้ยหลานจึงดีขึ้นมาหน่อย กำลังคิดจะลุกขึ้น ก็เห็นสวีฉางหลินค่อยๆลุกขึ้น จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก
ในขณะที่โจวกุ้ยหลานยังไม่ทันรู้ตัว เขาก็กระโจนเข้าไปในป่าไม้แล้ว
โจวกุ้ยหลานลุกขึ้นตาม หันมองไปตามทางด้านที่สวีฉางหลินไป ประมาณสองอึกลมหายใจ สวีฉางหลินกลับมาแล้ว ในมือถือเสื้อของตนเองไว้ ข้างในนูนๆ
“นี่คืออะไร?”โจวกุ้ยหลานก้าวเดินไปหา สวีฉางหลินเปิดเสื้อออก นางมองดู ข้างในมีนกกระทาหกตัว
“นี่เป็นของดี”ดวงตาโจวกุ้ยหลานเป็นประกาย จากนั้นก็ร้องพูดขึ้น
สวีฉางหลินเห็นสีหน้าโจวกุ้ยหลานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น คิดถึงก่อนหน้านี้ที่นางชอบไส้เดือน แล้วก็เข้าใจขึ้นมาทันที จึงเอานกกระทายื่นให้กับโจวกุ้ยหลาน พร้อมพูดขึ้นว่า “ส่งให้เจ้า”