บทที่ 2 นี่กำลังจะทำให้คนหิวตายหรือ
สวีฉางหลินเอาเสื้อวางไว้บนเก้าอี้ พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฟ้าสว่างเจ้าก็กลับไปได้แล้ว แล้วค่อยหาคนที่ดีแต่งงานไปเสีย”
พูดเสร็จ ไม่รอให้โจวกุ้ยหลานพูดตอบ คว้ามืออุ้มเจ้าก้อนน้อยวางไว้ตรงกลาง ดับไฟแล้วนอนลงด้านนอกสุดของเตียง พร้อมพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “นอนหลับ”
เจ้าก้อนน้อยนอนลงอย่างว่าง่าย แล้วก็หลับตา
เมื่อกี้เหมือนนางจะคิดมากไป.....
โจวกุ้ยหลานแอบดูถูกตนเองอยู่ในใจ แล้วก็คิดถึงท่าทีของสวีฉางหลิน แล้วก็เข้าใจแล้วว่า การฆ่าตัวตายของเจ้าของเดิม ทำให้สวีฉางหลินเสียใจแล้ว
ร่างกายอ่อนเพลียอย่างมาก นางจึงก็นอนลง
เตียงนี้กว้างแค่ประมาณหนึ่งเมตรสาม นอนสามคนค่อนข้างเบียด ขยับตัวก็ไม่ได้ หมอนที่ทำจากไม้ ทั้งสูงทั้งแข็ง ไม่สบายอย่างมาก
ฟังเสียงลมหายใจของทั้งสองพ่อลูกค่อยๆสม่ำเสมอ เดิมโจวกุ้ยหลานคิดนอนไม่หลับ สักพักก็หลับไปแล้ว
ภายใต้ความมืด ผู้ชายที่นอนอยู่ริมสุดลืมตาขึ้น หันมองไปที่ผู้หญิงที่นอนด้านในสุด แล้วก็หลับตาลงอีกครั้ง
ตอนที่โจวกุ้ยหลานตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว เจ้าก้อนน้อยบนเตียงยังนอนอยู่ ส่วนสวีฉางหลินไม่เห็นแล้ว คันธนูที่เห็นแขวนไว้บนผนังเมื่อคืนก็ไม่เห็นแล้ว
นางลุกขึ้น หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว จึงเห็นว่าบนโต๊ะมีถ้วยข้าวต้มสองถ้วย หลังจากนางทานไปแล้วหนึ่งถ้วย ก็เริ่มเก็บกวาดบ้านถึงภายในภายนอก แล้วจึงพบว่าทั้งบ้านมีเพียงข้าวโพดครึ่งถุง
“นี่กำลังจะทำให้คนหิวตายหรือ?”
เพิ่งกรีดพูดเสร็จ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งร้องตะโกนพูดขึ้นอย่างโมโหอยู่ข้างนอกว่า “โจวกุ้ยหลาน เจ้าไสหัวออกมา”
ชายคนหนึ่งอายุประมาณสี่ห้าสิบกระโจนเข้ามา คว้าจับแขนของนางแล้วก็ลากออกไปข้างนอก
เจ้าก้อนน้อยที่อยู่บนเตียงตกใจตื่นเพราะเสียงตะโกนนี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เอื้อมมือน้อยๆ ไปจับแขนอีกข้างหนึ่งของโจวกุ้ยหลานไว้
ชายคนนั้นโกรธจัด ผลักเจ้าก้อนน้อยไปข้างหลัง เจ้าก้อนน้อยถูกทำร้ายอย่างรุนแรง ร่างกายกลิ้งไปข้างหลัง หัวสมองไปชนถูกผนังอย่างรุนแรง จนเสียงดัง “ตูม”
“เจ้าก้อนน้อย”
โจวกุ้ยหลานเห็นเจ้าก้อนน้อยเจ็บปวดจนหน้าบูด จึงรีบร้องขึ้น พร้อมดิ้นรนอย่างรุนแรง
ชายคนนั้นยกฝ่ามือขึ้นมาตบไปที่ใบหน้าโจวกุ้ยหลาน ปากยังพูดบ่นก่นด่าว่า “นังสารเลว เป็นของเขาแล้วก็รู้จักรักลูกของเขาขึ้นมาแล้วใช่ไหม? หญิงโสมม”
แขนที่เจ็บปวดกับท่าทีน่าสงสารของเจ้าก้อนน้อย ทำให้ไฟในใจโจวกุ้ยหลานเพิ่มพูนขึ้น นางรีบยื่นมือ ฟาดตบหน้าผู้ชายคนนั้นอย่างรุนแรง
เสียงตบดังขึ้น ทำให้ชายคนนั้นก็อึ้ง จากนั้นก็ยิ่งโกรธโมโห
เขาผลักโจวกุ้ยหลานล้มลงบนเตียง เอื้อมมือจะไปฉีกเสื้อผ้าของนาง ปากที่เหม็นหึ่งยื่นมาตรงหน้าโจวกุ้ยหลาน
เขาเป็นฝ่ายตบตีผู้หญิงมาตลอด วันนี้ เขากลับถูกผู้หญิงตบตี?
“เจ้านังสารเลว กล้าตบข้า? ดูว่าวันนี้ข้าจะย่ำยีเจ้าจนตาย”มือข้างหนึ่งของเฉินโหยวซวนเริ่มปลดเข็มขัดตรงเอวของโจวกุ้ยหลาน มือจะล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าของโจวกุ้ยหลานได้แล้ว
มือขวาโจวกุ้ยหลานสัมผัสหมอนที่หนักและแข็งอันนั้น แล้วเอามาทุบหัวผู้ชายคนนั้นอย่างแรง ผู้ชายคนนั้นถูกทุบจนมึน โจวกุ้ยหลานใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกไป ลงจากเตียง แล้วเอาหมอนไม้อันนั้นฟาดที่หว่างขาของเขา เสียงร้องเจ็บปวดดังก้องภายในกระท่อม จนนกใกล้ๆ ตกใจกระพือปีกบินหนีไปหมด
มองดูชายแก่สั่นกระสับกระส่ายเหมือนตะแกรงอยู่บนเตียง โจวกุ้ยหลานโยนท่อนไม้ไปยังอีกด้านของเตียง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “กล้ามารังแกข้า ข้าก็จะทำให้เจ้าไม่สามารถสืบตระกูลได้อีก”
ผู้ชายคนนั้นเจ็บปวดจนเหงื่อไคลไหลไม่หยุด ยังจะมีแรงตอบโต้โจวกุ้ยหลานที่ไหน?
โจวกุ้ยหลานเอื้อมมือไปอุ้มเจ้าก้อนน้อยขึ้นมา มองดูผู้ชายที่ขดตัวอยู่บนเตียงด้วยสายตาเย็นชา แล้วก็เดินออกไปจากกระท่อม
จากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม โจวกุ้ยหลานรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือเฉินโหยวซวนพ่อหม้ายเฒ่าของหมู่บ้านต้าสือ เมื่อสิบปีก่อนเขาทุบตีจนภรรยาของตนเองตายแล้วก็ไม่มีภรรยาอีกมาตลอด ท่านแม่ของโจวกุ้ยหลานเอาข้าวโพดของเขามาหนึ่งถุง แล้วก็ยกเจ้าของเดิมให้กับเขา สุดท้ายถูกหมูป่าหนึ่งตัวของสวีฉางหลินตัดหน้าไป
คงเพราะไม่พอใจ จึงคิดว่าอยากจะมาข่มขืนนาง งั้นก็ให้เขาได้รู้ว่าอะไรคือความเจ็บปวด