บทที่ 17 ข้าจะฆ่าเจ้า
และแล้ว โจวเหล่าไท่ไท่ดึงโจวกุ้ยหลานหลบไปข้างหลัง ยกแขนขึ้นมาแล้วก็ฟาดตบไปที่ใบหน้าเฉียนต้ายา อย่างเสียงดังฟังชัด คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน
เฉียนต้ายาถูกตบจนมึน นางยังไม่ทันได้สติกลับมา ก็ถูกคว้าดึงจับผม จนปวดชาไปทั้งหัว จากนั้นร่างกายก็ถูกกระแทกอย่างแรง จนนางหกล้มลงกระแทกพื้นอย่างจัง ด้านหลังถูกโจวเหล่าไท่ไท่นั่งทับไว้ มือทั้งสองข้างถูกสวีเหมยฮวาเหยียบติดพื้น
โจวกุ้ยหลานมองดูภาพตรงหน้าอย่างพูดไม่ออก ท่านแม่เก่งมากเลย การกระทำนั้น ท่าทีนั้นอย่างกับเคยฝึกมาก่อน
เพียงแค่แป๊บเดียว ท่านแม่ก็ทับอยู่ตัวเฉียนต้ายาไว้ จนนางไม่สามารถขยับตัวได้ ทั่วทั้งร่างกายถูกดันแนบพื้น ถึงว่าท่านแม่บอกว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับนาง จะให้นางถูกรังแกไม่ได้ ที่แท้สิ่งที่ท่านแม่พูดก็คือความจริงใจ....
“กล้าแตะต้องลูกสาวของข้า ไม่ลองไปสืบก่อนดูว่าข้าสวีเหมยฮวาเป็นคนยังไง”
พูดเสร็จ เหล่าไท่ไท่ก็ฟาดตบหน้าเฉียนต้ายาอีก
คนตระกูลเฉินคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็นิ่งอึ้ง ผู้ชายปกติจะตีผู้หญิงก็ไม่ง่ายขนาดนี้ สวีเหมยฮวาคนนี้ร้ายกาจกว่าผู้ชายแล้วยังไง?
คิดว่าเมื่อกี้หากตนเองเข้าไป ไม่แน่ว่าอาจจะถูกเหล่าไท่ไท่ตีไปด้วย พวกเขาจึงแอบดีใจ หากพวกเขาที่เป็นผู้ชายถูกคนแก่คนหนึ่งตี จะเป็นที่น่าอับอายยิ่งนัก
คนของตระกูลโจวทางนี้ต่างก็มองหน้ากัน สวีเหมยฮวาคนนี้ ยังคงมีความสามารถขนาดนี้ แก่แล้ว เหล่าไท่ไท่ยังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในพวกชายชรา
“สวีเหมยฮวา เจ้ากล้าตีข้า ข้าจะฆ่าเจ้า”เฉียนต้ายาได้สติกลับมา ค่อยรู้สึกได้ว่าตนเองอับอายขายหน้าแค่ไหน นางเหมือนคนบ้า พูดก่นด่าสาปแช่งขึ้นมา
นางเฉียนต้ายา เป็นคนขวานผ่าซากอยู่ในหมู่บ้านมาตลอด เคยเสียเปรียบเสียเมื่อไหร่? ยายเฒ่าคนนี้ นางจะไม่ยอมให้นางได้สุขสบาย
สิ่งที่ตอบนางกลับมา ก็คือฝ่ามือโจวเหล่าไท่ไท่ที่ฟาดตบลงมาอีกครั้ง ความรุนแรงนั้นทำให้นางรู้สึกเหมือนฟันของตนเองถูกฟาดตบจนหลุดหมดแล้ว
“คิดอยากจะฆ่าข้า? ฆ่าสิ มาสิ ใครใช้ให้เจ้ารังแกลูกสาวของข้า” พูดพร้อมกับฟาดตบเฉียนต้ายาอีกครั้ง
เสียงร้องโอดอวยหลายที ในที่สุดก็ทำให้เฉินโหยวซวนที่ตกใจจนนิ่งอึ้งมีสติกลับมา เขาอยากลุกขึ้น แต่ร่างกายเจ็บปวด จึงนอนลงไปอีกครั้ง ทำได้เพียงพูดกับพวกคนตระกูลสวีว่า “พวกเจ้าไม่เห็นว่าท่านแม่ข้าถูกตีหรือ? รีบไปตีหญิงเฒ่านั่นสิ”
เสียดาย ไม่มีใครสนใจเขาเลย
ถึงตอนนี้แล้วพวกเขายังไม่เข้าใจว่า เฉินโหยวซวนรับผลกรรมที่ตัวเองก่อขึ้นเองหรือ? พวกเขาสองท่านแม่ลูกเอาพวกเขามาหลอกใช้หรือ
เฉินโหยวซวนยังร้องขึ้นพูด โจวกุ้ยหลานเงยหน้าขึ้นพร้อมพูดขึ้นว่า “หากยังโวยวาย จะตีเจ้าด้วย”
เฉินโหยวซวนเงียบ เทียบกับท่านแม่ เขากลัวเจ็บมากกว่า
การทำร้ายแบบนี้เป็นไปอย่างต่อเนื่องอยู่สักพัก เฉียนต้ายาจากเริ่มแรกก่นด่าบรรพบุรุษสิบแปดชั่วของตระกูลโจว จนสุดท้ายร้องไห้คร่ำครวญ โจวกุ้ยหลานก็กลัวท่านแม่จะเหนื่อย จึงไปดึงท่านแม่ลุกขึ้นมา
เมื่อได้รับอิสระ เฉียนต้ายาลุกขึ้นมาจากพื้น หนังศีรษะเจ็บมึนชาไปหมด ใบหน้าเดือดแสบร้อนไปหมด นางไม่กล้าที่จะอยู่ต่อไป รีบออกมาจากบ้านตระกูลโจว แบบที่เรียกว่ารวดเร็วเลยทีเดียว
ปล่อยคนตระกูลเฉินยี่สิบกว่าคนต่างมองหน้ากันอยู่ในลาน จากนั้นพวกเขาก็ทำได้เพียงแบกเฉินโหยวซวนแล้วจากบ้านตระกูลโจวไป
โจวกุ้ยหลานช่วยปัดฝุ่นบนตัวโจวเหล่าไท่ไท่ ปากก็พูดขึ้นอย่างเอาใจว่า “ท่านแม่เก่งมากจริงๆ”
“หากข้าไม่เก่ง จะสามารถเลี้ยงพวกเจ้าโตมาได้หรือ?”โจวเหล่าไท่ไท่เบิกตาโต พูดจาก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
โจวกุ้ยหลานพยักหน้า โจวเหล่าไท่ไท่นั้นมีความสามารถจริงๆ ตัวสูงไม่ถึงหนึ่งเมตรหก กลับสามารถประคับประคองบ้านหลังนี้มาได้ ลงมือทำสวนเหมือนอย่างผู้ชาย ปลูกพืชผลเกษตร ถอนหญ้าตัดไม้ แรงกำลังก็มีขึ้นมาแล้วไม่ใช่หรือ?
ผู้หญิงตระกูลโจวหลายคนต่างมาพูดปลอบโจวเหล่าไท่ไท่ พร้อมทั้งก่นด่าเฉียนต้ายากับเฉินโหยวซวน
แล้วพวกเขาก็เดินเข้าไปในห้องครัวอย่างสนุกสนาน ช่วยกันทำกับข้าวแล้วก็ยกออกมา เมื่ออาหารเต็มโต๊ะแล้ว สวีฉางหลินกับพวกคนหนุ่มก็กลับมา ในมือยังถือกระต่ายที่เพิ่งล่ามาได้ตัวหนึ่ง
เด็กหนุ่มหลายคนดีใจมากๆ ต่างพูดชมสวีฉางหลินว่ามีฝีมือในการล่าสัตว์