2
2
เขาไม่เคยคิดเรื่องความเหมาะสมมากนักที่ตัวเองต้องอยู่กับแม่บ้านสองต่อสองในบ้านหลังใหญ่ เพราะคิดว่าคงรับแม่บ้านที่มีอายุมากหน่อย แต่เหตุกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด อย่างไรเสียเขาคงไม่ทำอะไรเป็นการเสื่อมเสียกับลูกจ้างเป็นแน่
“ได้ค่ะ แต่หนูต้องขอตัวไปเอาเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
พิรันดารีบตกปากรับคำทันทีทันใด เพราะกลัวพลาดโอกาสสำคัญไป
“แล้วบ้านเธออยู่ที่ไหนล่ะ ทำไมไม่เอาเสื้อผ้ามาด้วย”
ดลรวีอดสงสัยไม่ได้ตามนิสัยที่ละเอียดรอบคอบ เขาเห็น เธอมาแค่ตัวเปล่าๆ ไม่ได้เอาเสื้อผ้าข้าวของอะไรติดมือมา ความจริงถ้ารู้ว่ามาทำงาน น่าจะเตรียมมาให้เรียบร้อย
“อยู่สระแก้วค่ะ พอดีหนูพักกับเพื่อน แล้วก็เอ่อ... เพื่อนหนูเป็นเพื่อนของเพื่อนของคนรับใช้ในบ้านคุณพลน่ะค่ะ”
พิรันดาหาทางออกอย่างหวุดหวิด
“ได้... แต่ก่อนไปฉันจะแจ้งรายละเอียดคร่าวๆ ของการทำงานที่นี่ให้เธอฟังก่อน”
เขาพูดเป็นงานเป็นการ พิรันดาเงยหน้ารับฟังคำพูดของเขาทุกอย่างด้วยความตั้งอกตั้งใจ
แม้ชายหนุ่มจะดูเคร่งขรึมแต่คำพูดสุภาพและยังมีรอยยิ้มเป็นบางครั้งทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด เธอรอคอยวันนี้มานานแสนนาน เวลาที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับหนุ่มหล่อในดวงใจ วันที่เขาไม่มีหญิงสาวเคียงข้างเหมือนเมื่อหลายปีก่อน
“เข้าใจไหม”
พิรันดาสะดุ้งเมื่อเผลอใจลอยคิดเรื่องราวในอดีต แถมยังจ้องมองชายหนุ่มด้วยความเผลอไผลตาลอยฝันหวานอยู่คนเดียว
“อะ... เอ่อเข้าใจค่ะ” สำเนียงแปร่งๆ พูดไม่ชัดรีบตอบรับทันที
“เข้าใจว่าอะไร”
ดลรวีทวนคำของว่าที่แม่บ้าน เพื่อทบททวนสิ่งที่เขาอธิบายไปว่าเธอเข้าใจมากน้อยแค่ไหน พิรันดาค่อยๆ อธิบายความเข้าใจให้เขาฟังอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงพยักหน้าพึงพอใจในความตั้งใจของหญิงสาว
“ฉันไปส่งไหม ไปเอาข้าวของจะได้สะดวก”
ดลรวีนึกเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้า เขาจึงอาสาไปส่ง แม้วันนี้คิดว่าไม่อยากออกไปไหนเพราะเป็นวันหยุดพักผ่อนก็ตามที
“ไม่ต้องค่ะ”
พิรันดารีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน เขาเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นมอง แต่ไม่ได้เซ้าซี้อันใดมาก เพราะคิดว่าเธอคงเกรงใจ
“งั้นตามใจ รีบไปรีบมาแล้วกัน เดินทางดีๆ ล่ะ”
เขาบอกอย่างไม่ติดใจสงสัยอันใด เขาเตือนเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่ง พิรันดาลอบผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา โล่งอกที่ดลวีไม่เซ้าซี้อยากไปส่งเธอเก็บข้าวของดังที่คิด
“งั้นหนูไปก่อนนะคะ”
พิรันดารีบกล่าวลาทันที ดลรวีพยักหน้ามองตามร่างของสาวน้อยว่าที่แม่บ้านนิ่งๆ เขากำลังคิดไม่ตกจริงๆ ว่าเคยรู้จักสาวน้อยคนนี้ที่ไหน
... แต่สักวันเขาคงนึกออกเป็นแน่
“จีนจ๋าเรียบร้อยแล้ว มารับดาหน่อย รออยู่หน้าปากซอยนะเพื่อนเลิฟ”
พิรันดารีบโทรศัพท์หาจิณห์จุฑาเพื่อนสาวคนสนิททันทีหลังจากรับฟังรายละเอียดเรื่องงานจากดลรวีเป็นอันเรียบร้อย เขาจ้างเธอเดือนละสองหมื่นบาทซึ่งมากพอสมควรกับการทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน ซักเสื้อผ้า รีดผ้าและรดน้ำต้นไม้ รวมถึงงานอื่นๆ แล้วแต่เขาจะเรียกใช้ แต่มาคิดอีกทีบ้านเขาหลังใหญ่มากก็คุ้มกับเงินที่จ้าง ที่สำคัญเขายังไม่อยากรับคนใช้เพิ่มเพราะไม่ต้องการให้ใครมายุ่งวุ่นวายในบ้านมาก คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้ เขาจึงจะรับเธอแค่คนเดียวมาดูแลบ้าน แล้วค่อยหาคนเพิ่ม
“ว่าไงดา ตกลงหวานใจของเธอเขารับเธอเข้าทำงานแล้วเหรอ”
จิณห์จุฑารีบถามเพื่อนทันทีที่เพื่อนเปิดประตูขึ้นมานั่งบนรถ
“ยัง... พี่ดลจะให้ดาทดลองงานหนึ่งอาทิตย์ ถ้าผ่าน ถึงจะรับเข้าทำงาน” รอยยิ้มของเพื่อนทำให้จิณห์จุฑารีบถามต่อ
“มั่นใจล่ะสิ เห็นยิ้มไม่หุบเลย แต่ชุดนี้ไม่เข้ากับดาเลยจริงๆ”
จิณห์จุฑาส่ายหน้าไปมายิ้มๆ กับชุดที่เธอเองเป็นคนช่วยสรรหามาให้ เพื่อแปลงโฉมให้เพื่อนสาวเป็นชาวบ้านแสนธรรมดามาจากต่างจังหวัดแถมยังติดชายแดนเขมร จนออกจะพูดเหน่อๆ เป็นบางครั้ง ที่สำคัญพิรันดาพูดไม่ค่อยชัดเป็นทุนเดิม สำเนียงจึงดูแปร่งๆ แบบไม่ต้องแกล้งทำแต่อย่างใด ความจริงที่พูดไม่ชัดเพราะไปอยู่ต่างประเทศหลายปีไม่ใช่มีบ้านติดชายแดนเขมรอย่างที่บอกดลรวี
“อ้าว... ไหนจีนบอกว่าต้องใส่แบบนี้ไง”
พิรันดารีบก้มมองตัวเอง ก่อนที่จะปล่อยหัวเราะก๊ากออกมา แล้วจิณห์จุฑาก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขันไม่แพ้กัน ทั้งสองหัวเราะจนท้องแข็งไปตามๆ กัน
“อืม... ต้องใส่แบบนี้แหละ มันดูบ้านนอกมากๆ จะให้ใส่ชุดเหมือนบ้านจีนก็ดูดีไป แล้วนี่จะไปไหนต่อ กลับไปเก็บของเลยหรือเปล่า”
ความจริงเธออยากให้เพื่อนสวมชุดฟอร์มของแม่บ้านเหมือนที่บ้าน แต่กลัวจะดูดีเกินไปเพราะเพิ่งมาจากบ้านนอก เอาไว้ให้ทำงานก่อน ค่อยหาชุดมาให้พิรันดาสวมอีกที
“ไปเอาเสื้อผ้าย้ายมาอยู่กับพี่ดลวันนี้เลย ตามที่จีนว่านั่นแหละ”
พิรันดาบอกเพื่อนสาวที่ขับรถมุ่งไปยังบ้านของตัวเอง
“โห... เร็วขนาดนั้นเชียวเหรอ”
ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ แต่อย่างว่า เธอพอรู้ว่าชายหนุ่มหาแม่บ้านมานานแล้ว จากคำบอกเล่าจากเพื่อนรักนั่นแหละ
“อืม... แล้วจีนล่ะพร้อมหรือยัง” พิรันดาหันไปถามเพื่อนยิ้มๆ
“จะว่าพร้อมก็พร้อมนะ ขอบใจมากจริงๆ เลยดา แต่จีนกลัวพี่ชายของดาจะหาว่าใช้เส้นสายเข้าทำงาน ป๊ากับม๊าไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่นัหรอกที่จะให้จีนไปทำงานที่โรงแรม”
จิณห์จุฑามีสีหน้าเป็นกังวล จึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเพื่อนรักที่แอบจองตัวพี่สะใภ้ให้พี่ชายคนเดียวอยู่ในใจ เธอมั่นอกมั่นใจเสียเหลือเกินว่าพี่ชายต้องถูกใจจิณห์จุฑาเป็นแน่
“อย่ากังวลไปเลย ยังไงคุณลุงกับคุณป้าอนุญาตแล้วนี่นา”
“ก็ใช่ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนไงดา”
จิณห์จุฑานึกถึงข้อเสนอของบิดามารดา ถ้าหากเธอไปทำงานตามที่รัก จะต้องทำความต้องการที่ท่านขอทุกอย่าง ตอนนั้นเธอไม่คิดอันใดมากนัก แค่อยากทำงานในสาขาที่เรียนจบมา ประกอบกับบิดามารดามีพี่ชาย พี่สะใภ้และคนที่ไว้ใจได้อีกหลายคน ท่านจึงไม่บีบบังคับเธอเกินไปนัก แต่ถ้าเธอเป็นเพียงบุตรสาวคนเดียวก็ไม่แน่ ชีวิตนี้คงต้องเดินตามที่ท่านขีดชะตาเอาไว้
แต่เธอโชคดีที่พี่ชายทั้งสามและพี่สะใภ้เอ็นดู ตามใจและมักเข้าข้างเธอเสมอ มารดาก็เช่นเดียวกัน ในที่สุดเธอจึงได้ไปเรียนทำอาหารแทนการเรียนบัญชีอย่างที่บิดาต้องการ
“ดาอยากรู้ว่าป๊ากับม๊าของจีนต้องการอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยน แต่ช่างเถอะยังไงก็ตัดสินใจไปแล้ว จีนควรจะดีใจที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก เชื่อดาเถอะ พี่พลใจดีที่สุดในโลกเลย แถมยังเป็นผู้ชาย...”
“พอเลยดา จะพรีเซ็นท์อะไรกันนักหนา เดี๋ยวเปลี่ยนใจไม่ไปซะเลย”
จิณห์จุฑารีบเบรกเพื่อนรักที่พยายามนำเสนอข้อดีของพี่ชายตัวเองเต็มที่ เธอได้ยินเพื่อนสาวพูดถึงพี่ชายของตัวเองมาตั้งแต่รู้จักกัน แต่แปลกที่เธอกลับไม่ได้เจอกับพลเลยสักครั้ง พอจะเจอกันก็คลาดกันเสียทุกที จนแล้วจนเล่าเธอจึงยังไม่เห็นหน้าพี่ชายของเพื่อนรักเลยจนบัดนี้
“ไม่พูดก็ได้ แต่จีนต้องช่วยดานะ เผื่อพี่พลโผล่มาที่บ้านพี่ดลวันไหน ความแตกแน่ จีนต้องคอยเป็นหูเป็นตาให้ดา ไหนๆ ก็ช่วยแล้ว ต้องช่วยให้ถึงที่สุดสิ”
พิรันดาออดอ้อนเพื่อนรักแสนดีที่เธอรู้ว่าใจอ่อนให้กับเธอไปร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว
“ก็ได้ แต่ไม่รับปากว่าจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหนนะจ๊ะ”
จิณห์จุฑาพูดออกตัวไว้ก่อน เพราะเธอคงไม่มีความสามารถจะไปเฝ้าพลได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าเธออยู่กับเขาตลอดก็ว่าไปอย่าง