บทที่ 2 ทะลุมิติ จวนมู่หรง
นี่คือใคร?
มู่หรงจิ่นมองหญิงสาวสวมชุดโบราณตรงหน้า สีหน้าหวาดกลัวฉายความฉงน นางจำได้ว่าตนรับภารกิจ กำลังลอบสังหารประธานาธิบดีของประเทศหนึ่งในโรงแรม คิดไม่ถึงว่าจะตกหลุมพราง จู่ๆ ห้องที่ประธานาธิบดีก็เกิดระเบิดขึ้น แม้นางจะไหวตัวทันเวลา แต่ก็ได้รับผลกระทบกระเทือน ถูกความร้อนพัดออกไปนอกหน้าต่างที่สูงถึงห้าสิบเก้าชั้น...
แต่สิ่งที่นางเห็นตรงหน้าคือ...ห้องที่ทรุดโทรม กำแพงเก่าๆ โต๊ะเก้าอี้เก่าๆ...เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด
มู่หรงจิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย อุทานในใจ:
นางทะลุมิติแล้ว!
มู่หรงจิ่นเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ทว่าเพียงชั่วพริบตานางก็ตั้งสติ มองสองคนที่อยู่ในห้องด้วยความหวาดระแวง จากนั้นใช้มือที่เต็มไปด้วยบาดแผลพยุงตนเองขึ้น กัดฟันแน่นลุกขึ้นยืน สายตาฉายเปี่ยมไปด้วยความข่มขู่จับจ้องสาวใช้ที่ตกตะลึง
หากบอกว่ามู่หรงเหยาเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่คร่าชีวิต เช่นนั้นมู่หรงจิ่นในเวลานี้ราวกับยมบาล! พลังน่าเกรงขามที่ไร้รูปร่างทำให้ชิวหลิงที่คุกเข่าอยู่นั้นตัวสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้
แม้ตายชิวหลิงก็คงคิดไม่ถึงว่า มู่หรงจิ่นตรงหน้าวิญญาณสลับร่างแล้ว!
นาง...มู่หรงจิ่นไม่ใช่คุณหนูใหญ่ไม่เอาไหนแห่งจวนมู่หรงอีกต่อไปแล้ว แต่เป็น ‘แพทย์หญิงคนงาม’ แห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อายุยี่สิบก็กลายเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงด้านการฝังเข็มแห่งวงการแพทย์! ไม่ว่าจะเป็นโรคที่รักษายากหรือว่าพิษแปลกๆ นางล้วนสามารถใช้วิชาฝังเข็มในการรักษา
ไม่เพียงแค่นี้ นางยังเป็นนักฆ่าหญิงอันดับหนึ่งเพียงคนเดียวขององค์กร ลงมือเหี้ยมโหด คนในวงการต่างขนามนามนางว่า “ซาตานหญิง” คนในวงการเดียวกันยามเจอนางล้วนหลีกทางให้
เวลานี้ ซาตานหญิง...มู่หรงจิ่นมองลงต่ำ แววตาเยือกเย็นของนางทำให้ชิวหลิงตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง รวมถึงเฉินชุนที่กลิ้งอยู่บนพื้นไม่รู้กี่ร้อยรอบ แววตาคล้ายเพียงพวกเขาขยับแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะสลายเป็นผุยผง
ร่างกายปวดร้าวยิ่งนัก คนแปลกหน้าตรงหน้าที่แต่งกายประหลาด ทำให้มู่หรงจิ่นจำต้องยอมรับความจริงที่ว่าตน “ทะลุมิติ” รวมถึงข้อมูลที่ได้รับอย่างรวดเร็วจนรู้สึกเหมือนสมองกำลังจะระเบิด:
แท้จริงแล้ว เจ้าของร่างที่นางทะลุมิติมานี้ชื่อมู่หรงจิ่นเช่นเดียวกัน เป็นคุณหนูเอกตระกูลหมอหลวงแห่งจวนมู่หรง
มู่หรงเซิ่งบิดาของมู่หรงจิ่นเป็นหมอหลวงของจักรพรรดิแคว้นต้าเซียว ตอนหนุ่มเมื่อครั้นร่ำเรียนที่เจียงหนาน รักษาเสิ่นหว่นชิงซึ่งเป็นบุตรีของเสิ่นห้าวเทียนมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเจียงหนานจนหาย
เสิ่นหว่านชิงเป็นหญิงมากความสามารถที่มีชื่อเสียงของเจียงหนาน ทั้งยังเป็นหญิงมากความสามารถที่หน้าตางดงาม มู่หรงเซิ่งตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกพบ
ทางด้านเสิ่นหว่านชิงซาบซึ้งที่มู่หรงเซิ่งได้ช่วยชีวิตเอาไว้ จึงเปิดใจให้มู่หรงเซิ่ง
แรกเริ่มสองตระกูลไม่เห็นด้วยกับงานแต่งนี้ ตระกูลมู่หรงเป็น “ตระกูลแพทย์” ดูแคลนที่จะปรองดองกับพ่อค้า
ทางด้านเสิ่นห้าวเทียนกลัวบุตรีที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ จะถูกรังแกเพราะเป็นบุตรีของพ่อค้า ไม่อยากให้บุตรีของตนแต่งงานแล้วลำบาก
พ่อแม่ในใต้หล้าคนใดบ้างไม่รักลูกของ?
สุดท้ายเสิ่นห้าวเทียนไม่อาจเอาชนะลูกสาวผู้เป็นที่รักได้ จึงยอมตกลงให้นางแต่งงาน
ด้วยเหตุนี้เสิ่นหวานชิงจึงตามมู่หรงเซิ่งกลับเมืองหลวงด้วยความดีใจ ทั้งยังแต่งเข้าจวนมู่หรงอย่างราบรื่น
เสิ่นหว่านชิงคิดว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่มีความสุข ทว่าคิดไม่ถึงมู่หรงเซิ่งมีสาวใช้ห้องข้างสองคน และอนุภรรยาสามคนตั้งแต่แรกแล้ว
อีกทั้งแต่ละนางล้วนงดงาม เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
หลังจากแต่งงานได้ครึ่งปี เสิ่นหว่านชิงตั้งครรภ์ มู่หรงเซิ่งพูดคำว่า “ฮูหยินดูแลครรภ์ให้ดี” หลังจากนั้น เขาก็ไม่เคยย่างกายเข้ามาในเรือนชิงหลินของนางอีกเลย
ตั้งครรภ์แปดเดือน เหตุเพราะอาเจียนอย่างหนักจึงทำให้เสิ่นหว่านชิงไม่อาจลุกจากเตียงได้ มู่หรงเซิ่งไม่ไถ่ถามใดๆ ทั้งยังมีอนุภรรยาคนใหม่ท่านป้าหลิวซึ่งเป็นมารดาของมู่หรงเหยา
เสิ่นหว่านชิงที่นอนอยู่บนเตียงทราบเรื่อง ถึงกับหมดสติไปทันที!
คำสาบานที่เคยมีให้กันในอดีตพังทลายลง เวลานี้เสิ่นหว่านชิงตระหนักได้แล้วว่าตนให้ใจคนชั่ว ชีวิตอยู่ท่ามกลางความเศร้าสลด
หลังจากเสิ่นหว่านชิงให้กำเนิดมู่หรงจิ่นไม่นานก็สิ้นใจ ซึ่งเท่ากับโยนมู่หรงจิ่นลงไปในถ้ำเสือ!
ทางด้านมู่หรงจิ่น นางเกิดมาพร้อมกับปานดำขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือบนใบหน้าด้านซ้าย น่าเกลียดยิ่งนัก! ร่วมกับเกิดมาไม่นานก็สูญเสียผู้เป็นมารดา ตระกูลมู่หรงกล่าวหาว่านาง “ดวงกินแม่” จากนั้นก็โยนนางให้แม่นมเลี้ยงดู
กระทั่งอายุห้าขวบ มู่หรงเซิ่งเห็นว่ามู่หรงจิ่นเป็นบุตรีเอกเพียงคนเดียวของตระกูลมู่หรง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องศึกษาวิชาแพทย์
ทว่าจนปัญญายิ่งนักมู่หรงจิ่นไม่เอาความ ไม่ว่าจะร่ำเรียนอย่างไรก็ไม่อาจจดจำ ทั้งยังทำตราชั่งยาที่บรรพบุรุษสืบทอดกันมาหัก มู่หรงเซิ่งโมโหมากถึงกับสั่งห้ามไม่ให้นางศึกษาวิชาแพทย์อีก!
บุตรีเอกของตระกูลแพทย์เป็นหญิบอัปลักษณ์ ทั้งยังโง่เขลาด้านวิชาแพทย์ เรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าจะเวลาใด ล้วนกลายเป็นเรื่องตลกที่ชาวบ้านในเมืองหลวงคุยกันหลังมื้ออาหาร ซึ่งสำหรับตระกูลมู่หรงแล้วสิ่งนี้เป็นมลทินอย่างไม่ต้องสงสัย!
ดังนั้นตลอดสิบหกปีที่มา มู่หรงจิ่นต้องใช้ชีวิตโดยที่บิดาไม่รัก มารดาเลี้ยงและน้องสาวรังแก อีกทั้งเมื่อครู่ ก็เกือบถูกหมูตอนพรากความบริสุทธิ์ของนางไป!
ในยุคสมัยโบราณ สำหรับสตรีคนหนึ่งแล้วความบริสุทธิ์สำคัญยิ่งชีพ!ดังนั้นเจ้าของร่างเดิมยอมวิ่งชนกำแพงตาย ก็ไม่ยอมถูกพรากความบริสุทธิ์ ตนจึงทะลุมิติมา!
ครุ่นคิดถึงตรงนี้ รอบตัวของมู่หรงจิ่นแผ่ซ่านด้วยไอเย็น ปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ด้วยความไม่ทันระวังทำให้นางตกหลุมพราง นางคิดว่าตนจะตายแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะทะลุมิติมาเกิดใหม่!
โง่เขลาด้านวิชาแพทย์?
ไม่ใช่เช่นนั้นกระมัง ในหัวของนางเต็มไปด้วยความรู้ด้านการแพทย์ของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด!
คนไม่เอาถ่าน? หึ เช่นนั้นจะทำให้พวกเขาดูว่า คนไม่เอาถ่านจะพลิกชะตาชีวิตอย่างไร!
ทันใดนั้นเอง มู่หรงจิ่นกระดิกหู มีคนมาแล้ว!
นางมองไปที่ประตูด้วยความระแวง แววตาหรี่เล็กก ฟังจากเสียงฝีเท้า น่าจะมีประมาณสิบแปดคน
คนที่มาคือมู่หรงเซิ่งและหลิวเหม่ยน่ามารดาของมู่หรงเหยาพร้อมกับองครักษ์นับสิบ
มู่หรงเหยาที่มาด้วยเห็นมู่หรงจิ่นและเฉินชุนอยู่ห้องเดียวกัน ดีใจยิ่งนัก ความลำพองใจฉายขึ้นในแววตาของนาง ทว่าใบหน้าของนางกลับทำสีหน้าเหลือเชื่อ เอามือป้องปากพูดด้วยความปวดใจพร้อมกับขอบตาที่แดงก่ำ:
“เมื่อครู่ชิวหลิงบอกว่าพี่ใหญ่ลอบเจอบุรุษตอนกลางดึกข้ายังไม่อยากจะเชื่อ บอกว่านางพูดจาเหลวไหล ทว่าคิดไม่ถึง...ท่านพ่อ ข้าเชื่อว่าที่พี่ใหญ่ทำเช่นนี้มีเหตุผล ท่านต้องช่วยพี่ใหญ่ตัดสินนะเจ้าคะ!”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
หลิวเหม่ยน่าที่ยืนอยู่ข้างมู่หรงเซิ่งเห็นสีหน้าของลูกสาว แสร้งพูด “เอ๊ด? เหตุใดคุณชายจึงอยู่ที่นี่? เหตุใดจึงนอนอยู่บนพื้น?”
หลิวเหม่ยน่าดูแลตนเองอย่างดี ผิวพรรษของนางเปล่งปลั่ง มองดูแล้วไม่ต่างอะไรกับหญิงวัยยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด นางมีบุตรีและบุตรชายอย่างละหนึ่งคน บุตรีคือมู่หรงเหยา ปีนี้อายุสิบห้า บุตรีชายมู่หรงหมินปีนี้อายุสิบเอ็ด
เวลานี้คิ้วดั่งใบหลิวของนางขมวดเป็นปม มองมู่หรงเซิ่งด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วง:
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณหนูใหญ่? เหตุใดเนื้อตัวจึงเต็มไปด้วยเลือด? ทั้งยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย?”
ด้วย “ความหวังดี” ในการเตือนมู่หรงเซิ่งว่า มู่หรงจิ่นในเวลานี้ “เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย” สีหน้าของมู่หรงเซิ่งแปรเปลี่ยนทันที
“คนอื่นเฝ้าอยู่ด้านนอก!หากไม่มีคำสั่งของข้าห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามเด็ดขาด!” มู่หรงเซิ่งหันหลังออกคำสั่งกับเหล่าองครักษ์นับสิบ
เวลานี้ มู่หรงจิ่นที่ก้มหน้าตลอดเวลาในที่สุดก็เงยหน้าขึ้น
เห็นชายสูงใหญ่มองนางด้วยแววตาเยือกเย็น สีหน้าย่ำแย่ยิ่งนัก นี่คือมู่หรงเซิ่งบิดาเจ้าของร่างเดิมเช่นนั้นหรือ?
หมอหลวงของฮ่องเต้ต้าเซียว ใต้อำนาจหนึ่งบุรุษ อยู่เหนือคนนับหมื่น?
หึ! แค่บุรุษที่ได้ใหม่แล้วลืมเก่าก็เท่านั้น!
มู่หรงจิ่นนึกถึงสิ่งที่เขากระทำต่อเสิ่นหว่านชิง ดูแคลน “บิดา” ในใจอย่างไม่อาจหักห้ามใด:ชายชั่วฉบับโบราณชัดๆ !
มู่หรงเหยาที่ยืนอยู่ด้านหลังมู่หรงเซิ่งและหลิวเหม่ยน่า เวลานี้คล้องแขนหลิวเหม่ยน่า ไม่ปกปิดความลำพองที่ฉายออกมาจากสีหน้าของนางแม้แต่น้อย
คนโง่ ! มู่หรงจิ่นหัวเราะในลำคอ จากนั้นก้มหน้าลง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ชิวหลิง เจ้าเล่ามา!” หลิวเหม่ยน่าขมวดคิ้วเป็นปม สีหน้าฉายความตกใจ