3. ต้องตอบแทนบุญคุณ
พอเลิกจากอบรมแล้วพิชชาภาก็กลับไปช่วยงานที่ร้านนวดของน้าสาวของตัวเอง เพราะวันนี้น้าโจเซฟกับน้าพิมต้องไปทำธุระสำคัญ ท่านท่านสองจึงโทรมาตามเธอให้ไปช่วยดูแล
“อ่าวพิชมาแล้วเหรอลูก น้ากำลังจะไปพอดีเลย วันนี้น้าให้ยัยพลอยมาอยู่ที่ร้านด้วยนะ น้าไม่อยากให้ยัยพลอยอยู่บ้านคนเดียว” พิริมาเอ่ยบอกหลานสาวที่กำลังเดินเข้าร้านมา ในขณะที่เธอกำลังจะออกไปทำธุระด้านนอกกับสามี เธอไม่อยากปล่อยให้สองสาวอยู่บ้านเพียงแค่สองคนเพราะกลัวว่าจะมีอันตราย เธอขึงพยายามจะให้ทั้งสองมาอยู่ที่ร้านมากกว่า
“ค่ะน้าพิม เดี๋ยวพิชดูยัยพลอยเองค่ะ เจอกันที่บ้านนะคะ” พิชชาภาพูดด้วยรอยยิ้มสดใส และเธอก็เลือกที่จะไม่ถามน้าของเธอกับเรื่องราวหนีสินที่เกิดขึ้น เพราะเธอรู้ดีว่าน้าของเธอไม่ต้องการให้เธอหรือน้องสาวรับรู้เรื่องนี้ แต่ยังไงก็ช่าง เธอก็จะหาวิธีหาเงินมาช่วยน้าเธอให้ได้
“อย่าพากันเที่ยวซนล่ะ น้าไปละนะ” โจเซฟเอ่ยบอกไปแล้วเอามือลูบผมของหลานสาว ก่อนจะจูงมือภรรยาคนสวยออกไปจากร้าน เพราะวันนี้เขาต้องไปคุยธุระเรื่องเงินกับเพื่อนสนิทของเขาที่พึ่งกลับมาจากต่างประเทศ
“พี่แมนคะ ยัยพลอยอยู่ไหนคะ” พิชชาภาเอ่ยถามพนักงานชายในร้านที่เป็นคนยืนต้อนรับลูกค้า เพราะว่าหน้าตาของแมนเทพนั้นจัดได้ว่าดูดี น้าของเธอจึงสั่งให้แมนเทพคอยต้อนรับลูกค้าผู้หญิง ส่วนลูกค้าผู้ชายก็จะให้ที่อั้มเป็นคนคอยต้อนรับแทน
“อ่อ นั่งอยู่ในห้องทำงานนั่นแหละ น้องพิชลองเข้าไปดูสิ” แมนเทพเอ่ยบอกไปก็ยิ้มให้กับหลานสาวของเจ้าของร้านที่เขาทำงานอยู่ด้วยความสนิทสนม เพราะเขาก็ทำงานที่ร้านนวดนี้มาสามปีแล้ว จึงสนิทสนมกับพิชชาภาและพลอยลดาเป็นอย่างดี เพราะทั้งสองคนไม่ได้ถือตัวกับพวกเขาเลยสักครั้ง
“อ่อ แล้ววันนี้ลูกค้าเยอะไหมคะ ทำไมมีแค่พี่แมนกับพี่อั้มล่ะคะ” พิชชาภาเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะปกติที่ร้านของเธอจะมีพนักงานหกเจ็ดคนได้ แต่ทำไมวันนี้ถึงมีแค่สองคน
“พี่กล้ากับพี่นีนวดให้ลูกค้าข้างบนนู้น ส่วนคนอื่นๆก็ขอลางานน่ะ” อัมราเอ่ยบอกออกไปด้วยเสียงเบา เพราะพิริมาและโจเซฟสั่งให้เธอปิดเรื่องที่ทั้งสองให้พนักงานคนอื่นๆออกจากงาน เพราะตอนนี้ธุรกิจของร้านกำลังแย่ ไม่ให้พิชชาภาหรือพล อยลดารับรู้ เธอจึงโกหกออกไป ตอนนี้พนักงานจึงเหลือแค่เธอ แมนเทพ หาญกล้าและสุวนีเพียงแค่สี่คนเท่านั้น
“ถ้าคนไม่พอก็บอกพิชนะคะพี่แมน พี่อั้ม เดี๋ยวพิชจะนวดเอง” พิชชาภาบอกออกไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปหาน้องสาวในห้องทำงานของน้าเธอ เธอคิดว่าคนงานไม่ได้ลางานหรอก แต่น้าเธออาจะปลดพนักงานนวดออกไปก็ได้ เพราะสถานะทางการเงินของร้านไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“เฮ้อ ไม่รู้จะโกหกน้องพิชกับน้องพลอยได้นานแค่ไหนเนอะพี่แมน ฉันล่ะกลุ้มใจจริงๆ ไม่รู้ว่าร้านเราจะไปรอดไหม หวังว่าวันนี้คุณโจกับคุณพิมจะยืมเงินเพื่อนได้นะ” อัมราเอ่ยพูดกับแมนเทพอย่างระบาย เพราะตอนนี้เธอก็ชักจะกลัวว่าร้านจะไปไม่รอด แล้วเธอก็ต้องไปหางานใหม่ เธอชอบงานที่นี่เพราะได้เงินเดือนและทิปจากลูกค้าเยอะเนื่องจากที่นี่มีแต่ลูกค้าระดับไฮโซเข้ามานวด และบางครั้งเธอก็แอบรับจ๊อบนอกรอบกับลูกค้าที่ใจปั้มทุ่มเงินจ่ายให้เธอ
“พี่ก็หวังอย่างนั้นแหละ พี่ไม่อยากไปทำงานแบบเมื่อก่อนอีกแล้วเหมือนกัน” แมนเทพเอ่ยพูดไปเสียงเศร้า เพราะเขาหน้าตาดีก็จริงแต่ว่าเขาเรียนจบแค่มอสาม จะไปหางานอะไรที่มันได้เงินเยอะๆแบบนี้ ขนาดเขาเคยเป็นบาร์โฮท์มาก่อนที่จะมาทำงานนวดแผนโบราณ ยังไม่ได้เงินเท่านี้เลย
ด้านพิชชาภาก็เข้ามาหาน้องสาวในห้องทำงาน ก่อนจะยืนมองน้องสาวที่กำลังใจจดใจจ่อกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ จนไม่รุ้ว่าตอนนี้เธอยืนอยู่ในห้องด้วย
“ยัยพลอย อ่านอะไรอยู่น่ะ ไม่สนใจพี่เลยนะเรา” พิชชาภาพูดออกไปก็เดินเข้าไปหาน้องสาวก็นั่งที่ขอบวางแขนที่เก้าอี้ของน้องสาวกำลังนั่งอยู่ ก่อนจะมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“อ่านใบตอบรับค่ะพี่พิช ตอนนี้พลอยได้ทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษแล้วนะคะ พี่พิชดีใจกับพลอยไหม” พลอยลดาสาวน้อยลูกครึ่งตากลมโตเอ่ยบอกพี่สาวด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข เพราะเธอกำลังจะได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศอังกฤษ
“จริงเหรอ ไหนพี่ดูหน่อยสิ” พิชชาภาตอบไปอย่างดีใจ เพราะเธอเห็นพลอยลดาสมัครขอทุนของมหาวิทยาลัยนี้ไว้ตั้งนานแล้ว ในที่สุดน้องสาวของเธอก็จะได้ไปเรียนแพทย์ที่นั่น
“น้องสาวของพี่เก่งที่สุดเลย แล้วบอกน้าพิมกับน้าโจหรือยัง ท่านคงจะดีใจแย่เลยที่พลอยสอบติดหมอที่นั่น” พิชชาภาเอ่ยถามออกไป เพราะตอนนี้สถานะทางการเงินไม่ดี เธอไม่รู้ว่าน้าทั้งสองจะพอมีเงินส่งเสียพลอยลดาหรือไม่
“ค่ะ พลอยบอกพ่อกับแม่แล้ว ท่านก็ดีใจเหมือนพี่นี่แหละ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าพลอยจะไปจ่ายเงินแรกเข้าแล้ว พ่อกับแม่ก็บอกว่าให้ไปเอาเงินที่ท่าน พลอยดีใจที่สุดเลยค่ะพี่พิชในที่สุดพลอยก็จะได้ไปเรียนหมอที่นั่น” พลอยลดาบอกพี่สาวไปก็กอดเอวพี่สาวแน่นอย่างดีใจ จนพิชชาภาคิดหนักเกี่ยวกับเรื่องของพลอยลดา เธอรู้ว่าพลอยลดาได้ทุนไปเรียนต่อก็จริงแต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายมากพอควร แล้วน้าของเธอจะไปหาเงินมาจากไหนกัน เธอต้องหาทางช่วยให้น้องสาวของเธอไปเรียนต่อให้ได้ ในเมื่อน้าเธอส่งเธอเรียนได้ เธอก็ต้องส่งน้องสาวเธอเรียนให้จบได้เหมือนกัน
“พี่ก็ดีใจกับเราเหมือนกัน ถ้าไปแล้วต้องตั้งใจเรียนให้มากๆนะ” พิชชาภาพูดไปก็กอดตอบน้องสาวอย่างอบอุ่น ก่อนจะช่วยน้องสาวกรอกแบบฟอร์มต่างๆให้สมบูรณ์ หลังจากนั้นทั้งสองก็อยู่ดูแลร้านจนร้านปิด ก่อนจะเดินทางกลับบ้านไปอย่างปลอดภัย
พอเช้าของอีกวันโจเซฟและพิริมาก็มาพูดคุยกันถึงเรื่องที่เขาจะส่งลูกสาวไปเรียนต่อ เนื่องจากตอนนี้เขายืมเงินใครไม่ได้เลยสักคน ขนาดเพื่อนที่เขาไปคุยด้วยเมื่อวานก็ยังไม่มีเงินมากพอที่จะให้เขายืม จนตอนนี้เขาต้องกลุ้มใจหนักกว่าเก่า
“พิมว่าเราให้ลูกเรียนหมอที่ไทยก็ได้นะคะ อย่างน้อยค่าใช้จ่ายมันก็ไม่มากเท่ากับเมืองนอก” พิริมาบกกับสามีไปเสียงอ่อย เพราะเธอก็อยากจะให้ลูกสาวไปเรียนต่อที่เมืองนอก แต่ตอนนี้เธอไม่มีเงินมากพอที่จะส่งพลอยลดาไปจริงๆ
“ผมก็คิดว่าอย่างนั้น อย่างน้อยเราขายร้านไปเราก็ยังจะพอมีเงินส่งยัยพิชกับยัยพลอยให้เรียนจบได้ ผมจะคุยกับลูกเรื่องนี้เอง คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคุณพิม” โจเซฟเอ่ยบอกไป เพราะตอนนี้ไม่มีทางไหนแล้วที่จะรั้งธุรกิขชองเขาไว้ได้
“อย่าขายร้านเลยนะคะน้าพิมน้าโจ” พิชชาภาที่ยืนฟังอยุ่เอายพูดออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปหาน้าทั้งสองที่กำลังพูดคุยกันด้วยความตึงเครียด
“ยัยพิช เราไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้ ปล่อยให้น้ากับน้าพิมจัดการเรื่องนี้เอง เรายังเด็กเราไม่รู้อะไรหรอก” โจเซฟได้ยินหลานสาวพูดก็หันไปมองพร้อมกับทำหน้าตกใจ ก่อนจะเอ่ยพูดออกไปอย่างใจแข็ง
“ไม่ค่ะ พิชไม่ยุ่งเรื่องนี้ไม่ได้ น้าโจกับน้าพิมเลี้ยงพิชมาจนโตนะคะ ยังไงพิชก็ไม่ยอมให้สิ่งที่น้าสองคนรักต้องพังลงแน่ค่ะ ส่วนเรื่องเรียนของยัยพลอย พิชจะเอาเงินที่พิชเก็บไว้มาส่งน้องเองค่ะ อย่างน้อยก็พอจะให้ยัยพลอยใช้ได้ในช่วงแรกๆที่ไปที่นู้น” พิชชาภาเอ่ยบอกไป เพราะเธอมีเงินเก็บที่เธอไปช่วยเจ้หงส์ฟ้าเจ้าของร้านพรีเวดดิ้งที่มักจะจ้างเธอให้ช่วยออกแบบชุดแต่งงานและการตกแต่งรูปแบบงานแต่งงาน
“ส่วนเรื่องร้าน ถ้าน้าโจกับน้าพิมหาเงินไม่ได้จริงๆ พิชจะยอมไปเป็นเมียน้อยเสี่ยกำธรเองค่ะ” พิชชาภาเอ่ยบอกไป เพราะเงินตั้งสิบล้านเธอจะไปหามันได้จากที่ไหนในเวลาแค่สองอาทิตย์
“ไม่ได้ น้าไม่ยอม” พิริมาเอ่ยพูดออกไปอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องคิด เพราะเธอเลี้ยงพิชชาภามากับมือ เธอจะไม่ยอมส่งหลานสาวไปลงนรกแบบนั้นเด็ดขาด ต่อให้ต้องขายร้านไปเธอก็ยอม
“น้าก็ไม่ยอมให้เราทำแบบนี้เหมือนกัน น้ากับน้าพิมเลี้ยงเรามาไม่ได้จะให้ไปเป็นเมียน้อยของใคร น้าตัดสินใจที่จะขายร้านแล้ว ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องไปเป็นเมียน้อยไอ้เสี่ยนั่น เลิกคิดเรื่องนี้ไปเลยนะ” โจเซฟเอ่ยพูดด้วยเสียงจริงจังอย่างไม่พอใจ เพราะเขากลัวว่าหลานสาวจะทำมันขึ้นมาจริงๆ
“แล้วก็ห้ามคิดเรื่องนี้อีก เรามีหน้าที่เรียนก็เรียนไป ส่วนเรื่องยัยพลอยกับเรื่องร้านน้าสองคนจะจัดการเอง เข้าใจไหม” พิริมาเอ่ยย้ำบอกกับหลานสาวออกไป
“เข้าใจค่ะ แต่ว่าพิชขอให้น้องได้ไปเรียนต่อที่นั่นนะคะ มันเป็นความฝันของยัยพลอย พิชไม่อยากให้น้องต้องมาผิดหวังทั้งที่น้องก็ได้โอกาสแล้ว พิชมีเงินเก็บประมาณหกแสนค่ะ พิชจะให้ยัยพลอยเอาไปใช้เรียนต่อ แล้วพิชก็จะไปของานพี่หงส์ฟ้าทำเพิ่ม พิชจะช่วยน้าโจกับน้าพิมส่งน้องเรียนเองค่ะ” พิชชาภาบอกออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะเธออยากจะให้น้องสาวได้ทำตามความฝันของแกเอง เหมือนที่เธอได้ทำตามความฝันของตัวเองสำเร็จเพราะมีน้าทั้งสองคอยช่วย
“ยัยพิช น้าขอบใจเรามากนะที่รักและห่วงน้องแบบนี้” พิริมาพูดไปก็น้ำตาไหลอย่างซาบซึ้งที่หลานสาวของเธอรักและห่วงใยลูกสาวของเธอจากใจจริงแบบนี้ เธอดีใจเหลือนเกินที่เห็นพิชชาภารักลูกสาวเธอแบบนี้ ต่อไปถ้าเธอตายไปเธอก็คงไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว เมื่อลูกสาวของเธอมีพี่สาวแบบพิชชาภาคอยดูแล
“ขอบคุณอะไรกันคะน้าพิม แค่นี้มันยังไม่ได้ครึ่งขอน้าพิมกับน้าโจที่ต้องเลี้ยงเด็กดื้อแบบพิชมาเลยค่ะ” พิชชาภาบอกไปก็ยิ้มให้น้าทั้งสอง ก่อนจะกอดกันกลมด้วยความรักใคร่
“น้ากับน้าพิมรักเรานะยัยแสบ” โจเซฟเอ่ยพูดไปด้วยความซาบซึ้งเช่นกัน เขาดีใจที่เห็นพิชชาภารักและเป็นห่วงลูกสาวของเขา ไม่เสียแรงที่เขาและพิริมาเฝ้าเลี้ยงดูเด็กสาวให้เติบโตมาด้วยความรักและความเอาใจใส่ เธอจึงกลายเป็นคนมีน้ำใจแบบนี้
ด้านฟรานติโน่ก็ไม่เป็นอันทำงานทำการ เมื่อในหัวของเขามีแต่ภาพขาขาวๆของเด็กนั่นลอยเข้ามาในหัวตลอดเวลา จนเขาทำงานไม่รู้เรื่อง จนต้องเรียกเมทีให้เข้ามาหาเขาเป็นการด่วน เพื่อถามถึงเรื่องของเด็กสาวที่เขาให้ไปติดต่อมา
“เมทีเมื่อไหร่นายจะติดต่อเด็กนั่นมาให้ฉันห้ะ ฉันให้นายไปจัดการตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอไง” ฟรานติโน่เอ่ยถามออกไปด้วยเสียงไม่พอใจ เพราะเขาไม่ต้องการจะรอแล้ว ตอนนี้ในใจของเขามันอยากจะปลดปล่อยเต็มทนแล้ว
“อะไรกันครับคุณฟราน ใจเยสๆ อ่อพูดผิดไป ใจเย็นๆหน่อยสิครับ น้องเขาไม่ได้ขายตัวเป็นอาชีพหลักนะครับ จะให้ผมไปถามซื้อเป็นผักเป็นปลาได้ยังไงล่ะ” เมทีเอ่ยบอกไปก็ยิ้มขำๆอย่างอดไม่ได้ นี่น่ะเหรอคนที่บอกว่าจะไม่สนใจเด็กสาวเอาะๆ นี่ขนาดผ่านมาแค่วันเดียวก็รีบถามหาซะแล้ว แบบนี้เขาต้องรีบไปจัดการให้เจ้านายของเขาแล้วจริงๆสินะ นึกว่าจะพูดเล่นๆซะอีก
“นายก็ไปถามสิ มัวแต่ยิ้มอยู่ตรงนี้แล้วฉันจะได้กินเด็กนั่นเมื่อไหร่ห้ะ” ฟรานติโน่ตอบไปด้วยเสียงที่เริ่มจะโมโห เมื่อเจอเมทียืนทำหน้ากวนประสาทของเขาอยู่
“ผมเชคตารางเรียนของน้องเขามาแล้วครับ วันนี้น้องเขามีเรียนตอนบ่าย เพราะฉะนั้นผมจะลองไปถามน้องเขาให้คุณฟรานตอนบ่ายๆนะครับ อย่าใจร้อนไปหน่อยเลยครับ ยังไงคุณฟรานก็ต้องได้เยสเอ้ย ได้เด็กคนนั้นมานอนถวายตัวบนเตียงแน่นอนครับ” เมทีพูดไปก็แกล้งพูดผิดพูดถูกอย่างแกล้งๆฟรานติโน่ ไม่รู้จะใจร้อนอะไรนักหนา ถึงได้เร่งเขาเอาๆ
“เป็นแบบนั้นก็ดี แต่ฉันคงอดทนจนถึงตอนเย็นไม่ได้ นายโทรไปหาติน่าหรือจูลี่ก็ได้ เอาใครก็ได้ที่พร้อมจะมารองรับอารมณ์ของฉันตอนนี้ได้” ฟรานติโน่เอ่ยพูดออกไป เพราะเขาทนเก็บความต้องการมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว วันนี้เขาต้องได้ปลดปล่อยมัน เพราะเด็กนั่นคนเดี๋ยวถึงทำให้เขาต้องเป็นแบนี้ คอยดูเถอะได้ตัวเธอมาเมื่อไหร่จะกินทั้งตัวไม่ให้เหลือซากเลย
“งั้นเอาคุณจูลี่นะครับ เธอคงจะรองรับอารมณ์ของคุณตอนนี้ได้พอสมควร จะให้นัดเธอไปที่ไหนดีครับ” เมทีเอ่ยถามออกไปด้วยเสียงปกติ เพราะเขาชินกับการหาผู้หญิงสวยเอกซ์เซ็กส์จัดให้กับฟรานติโน่
“คอนโดฉัน โทรตามติน่าด้วยอีกคน บอกให้สองคนนั้นไปรอที่นั่นแล้วเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่ฉันจะไปถึง” ฟรานติโน่เอ่ยบอกไป เพราะเขามีคอนโดสำหรับไว้เล่นสวาทกับสาวๆของเขาโดยเฉพาะ และวันนี้เขาก็จะจัดการสองสาวพร้อมๆกัน
“ได้เลยครับ วันนี้ควบสองเลยนะครับ สงสัยจะต้องการแบบจัดหนักสินะครับ หึๆ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ถ้าคุณฟรานพร้อมจะออกไปก็เจอกันหน้าห้องก็แล้วกันนะครับ” เมทีเอ่ยบอกไปก็เดินกลับออกไปจากห้อง ก่อนจะรีบโทรตามนางแบบสาวให้ไปรอฟรานติโน่ที่คอนโด เพราะจูลี่และติน่าเป็นสองสาวที่ฟรานติโน่ชอบเรียกใช้บ่อย เนื่องจากพวกเธอมีความต้องการทางเพศสูงพอๆกับฟรานติโน่ เขาล่ะนึกไม่ออกจริงๆว่าจะมีผู้หญิงคนไหนมาหยุดความหื่นของฟรานติโน่
“เพราะเธอคนเดียวที่ทำให้ฉันต้องทรมานแบบนี้ อย่าให้ฉันได้แอ้มเธอนะยัยเด็กบ้า ฉันจะเอาให้คลานลงเตียงไม่ได้เลย” ฟรานติโน่พูดออกไปอย่างหัวเสีย ก่อนจะรีบอ่านเอกสารแล้วรีบเซ็นต์อนุมัติงานต่างๆที่ประชุมไว้เมื่อวาน เพราะวันนี้เขาจะต้องไปสนุกกับสาวๆของเขาให้สำราญซะก่อน ถึงจะกลับมาทำงานได้อย่างปกติสุข
ด้านแฟรงก์น้องชายของฟรานติโน่ก็เบื่อกับงานที่ทีรวัตรสอน จึงแอบหนีมาพักผ่อนด้วยการมาเดินเล่นที่ห้าง ก่อนจะเจอกับปาลมี คู่หมั้นคนสวยของพี่ชายเขาเข้า
“ไงครับน้องปาล์ม ไม่เจอกันนานเลยนะ ตัวเตี้ยเหมือนเดิมเลยนะ” แฟรงก์เอ่ยแซวออกไปอย่างแกล้งๆ เพราะเขาก็รู้จักและสนิทสนมกับปาลมีไม่ต่างจากพี่ชาย
“กลับมาก็ปากหมาเลยนะคะพี่แฟรงก์ แล้วนี่พี่ฟรานไม่มาด้วยเหรอคะ” ปาลมีตอบกลับไปอย่างไม่ยอม ก่อนจะเอ่ยถามถึงคู่หมั้นของเธอ ที่เธอหมั้นกันไว้เมื่อสองปีก่อน
“ถามหาแต่พี่ฟราน แบบนี้พี่ก็น้อยใจนะ” แฟรงก์เอ่ยพูดไปก็ยิ้มใส่ร่างบางตรงหน้าด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เขายอมรับว่าเขาหลงรักคู่หมั้นของพี่ชายตัวเอง แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อปาลมีเลือกที่จะหมั้นกับพี่ชายของเขา ไม่ใช่เขา เขาก็ต้องยอมรับมัน
“ก็ช่างสิคะ ใครสนใจกัน ไปก่อนนะคะ พอดีปาล์มนัดเพื่อนไว้ ไม่อยากจะคุยกับว่าที่น้องสามีน่ะค่ะ” ปาลมีเอ่ยบอกไปก็จะเดินหนีแฟรงก์ เพราะเธอไม่อยากจะเห็นหน้ากวนๆของเขา ไม่รู้ทำไมถึงชอบจิกกัดเธอได้ตลอด นี่ถ้าเขาไม่ใช่น้องชายของพี่ฟรานล่ะก็ เธอจะด่าให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย
“ระวังจากน้องสามี จะกลายเป็นผัวเข้าสักวันละกัน” แฟรงก์พูดทิ้งท้ายไปก็เดินออกไปทันที ปล่อยให้ปาลมียืนงงกับสิ่งที่เขาพูดอยู่ตรงนั้น คอยดูเถอะตราบใดที่เธอยังไม่แต่งกับพี่ชายของเขา เขาก์ยังมีสิทธิ์ที่จะได้เธอเหมือนกัน และเท่าที่เขารู้มาพี่ชายของเขาไม่เคยแตะต้องเธอเลยด้วยซ้ำ
“ไอ้พี่แฟรงก์” ปาลมีได้แต่กัดฟันพูดด่าออกไป ก่อนจะกัดเก็บไว้เมื่อชายหนุ่มเล่นเดินเผ่นหนีออกไปนู้นแล้ว คิดว่าเธอจะยอมให้เขาง่ายๆหรือไง ไม่มีทางหรอก ยังไงเธอก็จะเป็นจะสาวของพี่ฟรานเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น