บท
ตั้งค่า

4

“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ว้าย! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” เพียงขวัญกรีดร้องเมื่อโดนกระชากกระเป๋า แถมเกือบโดนคมมีดกรีดเข้าให้ที่แขน

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงเข้มดังขึ้น ก่อนที่ร่างของกรพักตร์จะปรากฏกาย เขาเข้าไปช่วยเพียงขวัญโดยการเตะต่อยจัดการกับคนร้าย จนมันหนีหายไป

“คุณเป็นยังไงบ้างครับ” เขาเอ่ยถามด้วยความห่วงใย

“ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ คุณล่ะคะ เลือดไหลเต็มเลย” เธอรีบเข้าประคองเขาเอาไว้เพราะเขาโดนคมมีดปาดเข้าที่แขน

“ขอบคุณคุณกรพักตร์มากนะคะ รีบไปทำแผลก่อนเถอะค่ะ” เธอรีบบอก รถเธอเสีย เธอเลยเดินออกมาเรียกรถด้านนอกร้าน และแถวนี้ก็ไม่มีกล้องวงจรปิดด้วย นั่นทำให้ไม่สามารถเห็นหน้าคนร้ายได้ และคนร้ายก็สวมหมวกไอ้โม่ง แถมยังปลอดคน มีเพียงเธอกับกรพักตร์เพียงสองคนเท่านั้น

“ไม่ไกลกันนี้มีคลินิกค่ะ คุณกรพักตร์รีบไปทำแผลดีกว่าค่ะ เลือดไหลเต็มเลย” เขาประคองเธอพาไปยังคลินิกที่ใกล้ที่สุด

ที่คลินิกแห่งนี้มีแผนกฉุกเฉินด้วย ถ้าไม่ได้บาดเจ็บมากมายจนต้องประสานกับโรงพยาบาลเพื่อส่งตัวไปรักษา ทางคลินิกก็สามารถทำการรักษาเองได้

“คุณกรพักตร์เป็นยังไงบ้างคะ” เพียงขวัญเอ่ยถามด้วยท่าทีเป็นกังวล

“ไกลหัวใจครับ ผมไม่เป็นอะไรหรอก”

“ฉันไม่รู้จะขอบคุณคุณกรพักตร์ยังไงดีค่ะ คุณเป็นผู้มีพระคุณช่วยเหลือชีวิตฉันเอาไว้”

“ปกติคุณจำชื่อลูกค้าทุกคนแบบนี้เหรอครับ”

“ฉันเป็นคนมีความจำดีน่ะค่ะ ยิ่งลูกค้าที่ใจบุญอุดหนุนขนมไปเลี้ยงเด็กกำพร้า ฉันยิ่งต้องจำค่ะ เพราะฉันจะได้ร่วมทำบุญด้วยไงคะ”

“เรียกผมว่ากรก็พอครับ”

“ค่ะคุณกร”

“ผมต้องไปก่อนนะครับ พอดีผมมีธุระ”

“แล้วคุณจะไปยังไงเหรอคะ”

“เดี๋ยวผมให้ลูกน้องมารับครับ”

“ฉันเดินไปส่งนะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ แล้วคุณกำลังจะไปไหนเหรอครับนี่”

“กำลังจะออกไปซื้อของน่ะค่ะ กำลังจะเรียกแท็กซี่ก็มีพวกโจรมาฉกกระเป๋า” สีหน้าของเธอยังหวาดกลัวอยู่มาก

“คุณโอเคใช่ไหมครับ”

“ฉันโอเคแล้วค่ะ โชคดีเหลือเกินที่คุณมาช่วยเอาไว้ ถ้าไม่ได้คุณฉันคงแย่น่ะค่ะ”

“คุณจะไปซื้อของที่ไหนเหรอครับ ทำไมไม่ขับรถไปเอง”

“รถเสียน่ะค่ะ ก็เลยจะเรียกแท็กซี่ไปเอง ฉันจะไปห้างแถวนี้เองค่ะ ไม่ไกลกันเท่าไหร่”

“งั้นติดรถผมไปดีกว่าครับ”

“จะดีเหรอคะ ฉันเกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ทางเดียวกันไปด้วยกัน ผมก็กำลังจะไปที่นั่นเหมือนกัน อีกอย่างผมก็เป็นห่วงคุณด้วยครับ ผมอยากส่งคุณให้ถึงห้างอย่างปลอดภัย ผมถึงจะเบาใจน่ะครับ”

“ฉันคิดว่าจะไปแจ้งตำรวจด้วยน่ะค่ะ”

“ถ้าจะไปแจ้งตำรวจก็ต้องบอกรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายอย่างละเอียด ถ้าจำใบหน้าได้ยิ่งดี แต่นี่มันปิดบังใบหน้าแถมกล้องวงจรปิดยังไม่มีอีก ผมคิดว่าถึงแจ้งความไปตำรวจก็คงไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ นี่ผมพูดแบบไม่ได้ดูถูกตำรวจไทยเลยนะครับว่าคดีคงไม่เดินหน้าไปไหน และตามจับตัวคนร้ายไม่ได้ สักพักเรื่องก็คงเงียบ เขาก็ไปทำคดีอื่นที่มีหลักฐานมากกว่า อีกอย่างผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ถ้าคุณจะแจ้งความผมจะพาคุณไปเองครับ”

“ไม่ต้องแจ้งความก็ได้ค่ะ ก็จริงอย่างที่คุณพูด แต่ถ้าเราแจ้งเอาไว้เผื่อตำรวจจะแวะเวียนมาแถวนี้บ้าง โจรพวกนี้อาจจะกลับมาอีกน่ะค่ะ”

“ในความคิดของผม โจรพวกนี้คงไม่กลับมาแถวนี้แล้วละครับ เพราะคิดว่าเราไปแจ้งความ ผมคิดว่า มันคงไปหากินที่อื่นแล้ว น่าจะเป็นโจรที่หากินไปเรื่อย อยู่ไม่เป็นหลักแหล่งไม่งั้นมันคงโดนจับไปนานแล้ว”

“คุณกรพักตร์รู้เรื่องโจรดียังเลยนะคะ”

“ผมเดาเอาน่ะครับ งั้นก่อนไปห้างสรรพสินค้า เราไปแจ้งความกันก่อนโอเคไหมครับ” เขาถามย้ำอีกครั้ง

“จะเสียเวลาคุณกรน่ะสิคะ ก็จริงอย่างที่คุณว่า โจรพวกนี้คงเป็นพวกโจรที่หากินไปเรื่อย มันคงไม่กลับมาที่นี่อีก” เธอกัดปากยังกังวลอยู่มาก เพราะแถวนี้ไม่เคยเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้น

“ถ้าไม่สบายใจผมว่าไปแจ้งความเอาไว้ดีกว่านะครับ คุณไม่ต้องเกรงใจผมหรอก”

“ไม่เป็นไรค่ะ ต่อไปฉันจะระวังตัวให้มากกว่านี้”

“ระวังยังไงก็โจรนะครับ ตำรวจอาจจะมาลาดตระเวรแถวนี้ ทำให้แถวนี้ปลอดภัยขึ้น ผมจะพาคุณไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อนดีกว่าครับ” เขาตัดสินใจเสร็จสรรพทำให้เพียงขวัญตอบรับในทันที เธอก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน

“งั้นผมไปส่งที่ห้างนะครับ” กรพักตร์เอ่ยบอกเมื่อออกมาจากสถานีตำรวจและพากันมาขึ้นรถ เธอรับคำ เขาก็สั่งให้ลูกน้องเคลื่อนรถออกไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลกันนัก

“คุณไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหมคะ”

“คุณอย่ากังวลไปเลยครับ ผมโอเคดี ไม่ได้เป็นอะไรมาก คุณปลอดภัยผมก็ดีใจจริง ๆ ครับ” สีหน้าและแววตาเป็นห่วงของเขาทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจไม่น้อย

พอถึงห้างสรรพสินค้าเธอก็กล่าวลาพร้อมขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินเข้าไปซื้อของ เพียงขวัญรู้สึกตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เหลือเกิน เขาช่วยเหลือเธอเอาไว้ แถมยังเป็นคนใจบุญอีก

เธอจะตกหลุมรักผู้ชายคนอื่นง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ เพราะเธอต้องแต่งงานกับคชากร พี่หมอของเธอเป็นคนดี ยังไงเธอก็ต้องมีความสุขอย่างแน่นอน นั่นคือสิ่งที่เธอบอกตัวเองเสมอ

เพียงขวัญต้องมาเลือกซื้อของด้วยตัวเองเพราะคริสาไม่ไว้ใจให้คนอื่นมาซื้อ กลัวจะซื้อของไม่ได้คุณภาพและกลัวจะอมเงินค่ากับข้าวหรือค่าใช้จ่ายในบ้าน เธอจึงมีหน้าที่ดูแลเงินทองในบ้านตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและต้องทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้ละเอียดลออ เพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมาทีหลัง

“เจ้านายจะทำยังไงต่อไปครับ” วรจักร ลูกน้องคนสนิทเอ่ยถามกรพักตร์

“ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เป็นพระเอกขี่ม้าขาวไปช่วยเธอเข้าพอดี เดี๋ยวฉันจะลงไปช่วยเพียงขวัญซื้อของ นายรออยู่แถวนี้แหละ” กรพักตร์นั่งรออยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเดินลงไปจากรถ เขาเดินไปเรื่อย ๆ แบบไม่รีบร้อน เพราะก่อนที่เธอจะลงไปจากยนต์ส่วนตัวของเขา เธอได้บอกเขาแล้วว่าจะไปซื้อของแผนกไหน ซึ่งเขาก็สามารถตามหาเธอได้ไม่ยาก

“ให้ผมช่วยไหมครับ”

“อุ๊ย! คุณกร มาได้ยังไงคะนี่”

“ผมคุยธุระเสร็จแล้วครับ เลยคิดว่าจะซื้อของไปทำกับข้าวเสียหน่อยน่ะครับ”

“คุณกรไม่เจ็บแขนแล้วเหรอคะถึงจะทำกับข้าวกินเองแบบนี้”

“ผมโดนแขนซ้ายครับ แขนขวายังใช้การได้ ผมชอบทำกับข้าวกินเองมากกว่าครับ”

“แต่ก็ยังดูลำบากนะคะ เจ็บแขนขนาดนี้น่าจะทำอะไรไม่ถนัด ไม่ให้แม่บ้านทำให้ทานล่ะคะ”

“ผมไม่มีแม่บ้านหรอกครับเพราะทำงานหลายที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง จึงไม่ค่อยให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับบ้านช่อง นอกจากจะจ้างบริษัททำความสะอาดมาจัดการบ้านให้เรียบร้อยก่อนผมจะมาพักน่ะครับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel