บทที่ 1
กลิ่นเหล้าขาวคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ขวดเหล้าสองขวดตั้งอยู่บนโต๊ะตัวเตี้ย ส่วนอีกสามขวดล้มกลิ้งอยู่บนพื้น เจ้าของบ้านไม้สักทองกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟา ในมือถือขวดเหล้าขาวดีกรีแรงที่เหลืออยู่ครึ่งขวด ก่อนจะกระดกดื่มให้ฤทธิ์สุราคลายความทุกข์ในใจ ไม่สนใจว่ากระเพาะอาหารจะพัง
“เธอมันผู้หญิงแพศยา เลี้ยงไม่เชื่อง นางผู้หญิงกากี”
ปากพูดใจเคียดแค้น ความเสียใจครั้งนี้ มากที่สุดในชีวิตลูกผู้ชาย เมื่อคนรักที่กำลังจะแต่งงานกันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หนีตามลูกชายเจ้าของร้านขายกระเบื้องในตัวเมืองไปอย่างสิ้นเยื่อใย ปล่อยให้เขาจมอยู่กับความเสียใจและอับอาย
ไม่เพียงแค่นั้นยังนำขโมยทรัพย์สินของเขาไปอีกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นเงินสดร่วมห้าแสนบาท ทองคำแท่งหนักยี่สิบบาท รวมทั้งรถยนต์บีเอ็มดับบลิวรุ่นใหม่ล่าสุดอีกหนึ่งคัน จักรินทร์ทั้งโกรธและแค้นเคืองบุหลันเป็นอย่างมาก ตั้งปฏิญาณไว้ว่า เจอหน้าหญิงชั่วเมื่อไหร่ เขาจะเอาคืนให้สาสม
และเมื่อว่าที่เจ้าสาวหนีหาย จักรินทร์ก็ตกอยู่ในความเศร้าเคล้าความแค้น มีสุราเป็นเพื่อน เป็นเครื่องดับความรู้สึกทั้งปวง
“นายหัวครับ นายหัว” เสียงเรียกชื่อเจ้าของเหมืองดังมาจากหน้าประตูบ้าน อึดใจต่อมาเจ้าของเสียงก็เดินเข้ามาในบ้าน “นายหัวครับ นายหัว”
“มึงจะเรียกกูอีกนานม้ายยย กูหนวกหู เดี๋ยวกูยิงทิ้งซะนี่”
คนกำลังกินเหล้าโวยวาย พูดข่มขู่เสียงอ้อแอ้ กระดกขวดเหล้าดื่มไปหลายอึก
“อิงฟ้ามาที่นี่ครับนายหัว” ไข่นุ้ยบอกเจ้านายเป็นภาษาใต้ สีหน้าของคนบอกมีความตกใจเกลื่อนทั่ว
“ใครวะ อิงฟ้า กูม่ายรู้จัก เอิ๊ก!”
ด้วยฤทธิ์สุรา ทำให้สมองของจักรินทร์จำหญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปี หลานสาวของบุหลันที่เขาส่งเสียให้เรียนมาตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่งไม่ได้
“ก็อิงฟ้าหลานสาวบุหลันไงครับนายหัว”
ชื่อของหญิงชั่วที่เขาจำฝังใจ ทำให้คนเมาถึงกับคืนสติ ดีดตัวลุกขึ้นนั่งมองหน้าไข่นุ้ยนิ่ง
“แล้วตอนนี้ฟ้าอยู่ไหน” ยังไม่ทันที่ไข่นุ้ยจะตอบเจ้านาย เสียงหวานใสของสาวน้อยแสนสวยที่เดินเข้ามาในบ้านก็ลอยเข้ามาในหู
“ฟ้าอยู่นี่คะอาดิน”
อิงฟ้ายิ้มให้ว่าที่อาเขย เป็นรอยยิ้มที่ใครได้เห็นจะต้องเคลิบเคลิ้ม เพราะทำให้ความสวยของเธอเพิ่มขึ้นเป็นกอง และการมาของเธอในครั้งนี้ อิงฟ้าไม่รู้ที่เกิดอะไรขึ้นระหว่างบุหลันอาสาวกับจักรินทร์ แล้วไม่รู้ด้วยว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับตน
................
หกเดือนต่อมา
จักรินทร์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยร่างกายเปลือยเปล่า เขาไม่สนใจที่จะหาผ้าขนหนูมาพันเอว ปกปิดของรักของหวง เพราะคิดว่าใส่ไปอีกไม่กี่อึดใจก็ต้องถอด แล้วจะใส่เสื้อผ้าไปเพื่ออะไร ก่อนที่เท้าหนาจะมาหยุดยืนริมเตียง มองร่างอวบอิ่มของสตรีคนหนึ่งที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง
“มองอยู่นั่นแหละ ไม่เคยเห็นหรือไง”
คนถูกทักหน้าแดงระเรื่อ แม้ว่าจะเคยเขาอยู่ในสภาพนี้มาหลายครั้งหลายหน ทว่าเธอก็ยังรู้สึกเขินอายไม่หาย กลับตื่นเต้นทุกครั้งที่จะได้สัมผัสอวัยวะกลางร่างกายของจักรินทร์ที่เวลานี้กำลังพองตัว และเหมือนจะรู้หน้าที่ เธอขยับตัวมานั่งริมเตียง ถอดชุดคลุมผ้าลินินสีชมพูออกจากกาย เผยให้เห็นเรือนร่างแสนโสภา เป็นความสวยงาม ที่ทำให้คนมองถึงกับใจสั่น อยากจะพุ่งตัวฟัดร่างงามจนตัวเนื้อสั่น
มือเล็กอันอ่อนนุ่มของอิงฟ้า เอื้อมมาจับต้องกายแกร่ง แล้วจับรูดขึ้นลงอยู่หลายครั้ง ก่อนจะใช้ปากของตนสร้างความเสียวกระสันให้จักรินทร์ ที่ก้มมองดูการปรนนิบัติของเธอด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
อิงฟ้าทำอย่างเช่นทุกครั้งที่เดินเกมสวาท เธอใช้ปลายลิ้นทักทายส่วนปลายของความเป็นชาย ตวัดลิ้นไปรอบๆ ปากก็ดูดเม้มแผ่วเบาคล้ายกับว่ากำลังหยอกเล่น แต่สร้างความรัญจวนให้ร่างหนาไม่น้อย เขาถึงกับกายสั่น ร้อง “อูว์” ออกมาเบาๆ
และความเสียวซ่านก็เพิ่มมากขึ้น เมื่อเธอครอบครองความใหญ่โตด้วยปาก ขยับเข้าออกอยู่ตลอดเวลา โดยมีมือเล็กที่แทบจะกำขนาดของมันไม่เต็มมือคอยจับรูดท่อนเนื้อชายไปด้วย และบางครั้งเธอก็ไล้เลียไปรอบๆ ลากลิ้นยาวขึ้นลง ตวัดไล้ไปมาจากล่างสู่บน แล้วดูดเบาๆ ตรงปลายยอด เม้มเป็นการส่งท้าย ก่อนจะอ้าอมความเป็นเพศชาย ขยับปากดูดกลืนไม่หยุด เขาถึงกับคราง ร่างกายสูงใหญ่สั่น ความกระสันซ่านแผ่กระจายไปทั่วกายดุจดังไฟเผาไหม้กองฟาง
“อืม...อา...ดีมากฟ้า เยี่ยมไปเลย เม้มตรงนั้น...อา...ดี”
จักรินทร์วางมือลงบนกลางศีรษะของอิงฟ้า ขยับเอวหนาเพื่อให้ความเป็นบุรุษเพศที่อยู่ในปากของเธอเคลื่อนไหว ไม่ใช่ว่าอิงฟ้าขยับปากกลืนกิน ตอนนี้กลายเป็นว่า อิงฟ้าอ้าปากคอยรับแรงกระชั้นของแก่นกายชายที่ผลุบเข้าผลุบออกช่องปากของตน ด้วยจังหวะความเร็วค่อนข้างแรง แต่ไม่ได้ลึกจนถึงลำคอ เขากะระยะได้อย่างดีเยี่ยม เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของขนาดความใหญ่โต ส่วนเธอเองได้เม้มปากจนแก้มตอบ เพื่อให้ช่องปากของตนกระชับความอลังการ ความเสียวกระสันแล่นพล่านทั่วกายเขาและเธอ