บทที่1.สาวน้อยผู้อาภัพ 1/4
บทที่1.สาวน้อยผู้อาภัพ
บ้านสีขาวขนาดสองชั้น ปลูกติดริมถนนใหญ่ ประตูรั้วเป็นต้นไม้พุ่มหนา ด้านในเป็นกำแพงอิฐสีเข้มมีไว้ป้องกันโจรอีกชั้น เนื้อที่รอบบ้านมีอาณาเขตมากพอที่จะปลูกไม้ดอก และไม้ประดับได้ แต่ส่วนมากที่มองเห็นแออัดด้วยดอกไม้กอเล็กๆ เป็นส่วนใหญ่ บ้านหลังนี้เป็นบ้านของพันเอกประพจน์ กับภรรยาคู่ทุกข์ นางแจ่มจันทร์ สุขแสวง ตัวภรรยาเปิดร้านขนมอบอยู่ในตลาด และลูกชายคนเล็กกำลังเป็นนักเรียนอยู่ในโรงเรียนนายร้อย ส่วนลูกสาวสุดสวย ชื่อพิศตรากำลังเป็นนักศึกษาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย คนสุดท้ายที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังนี้ด้วย...คือเด็กสาววัยละอ่อน หน้าตาจิ้มลิ้ม ใบบัว สุขแสวง เด็กสาวที่เป็นกาฝาก ในสายตาของทุกคน...
และไม่มีชีวิตใคร...น่าเวทนาได้เท่ากับใบบัว สุขแสวง เด็กสาวที่เกิดมาอาภัพตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเติบใหญ่ บิดา มารดาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ เธอเลยต้องมาอยู่ใต้การดูแลของลุง แต่...ก็ไม่ต่างอะไรกับคนใช้หรอก เมื่อตั้งแต่ลืมตา จนถึงนอนหลับในห้องเล็ก ที่ถูกสร้างขึ้นลวกๆ ต้องทำงานแลกข้าว แลกการได้ออกไปเรียนหนังสือนอกบ้าน เพราะเธอเป็นแค่กาฝากที่เพิ่มภาระให้กับเจ้าของบ้าน ลุงประพจน์เป็นพี่ชายของบิดาเธอ เป็นนายทหาร...มียศนายพันและกำลังจะเลื่อนขั้นเป็นนายพลในอีกไม่กี่ปี แจ่มจันทร์ภรรยาของท่าน เป็นแม่บ้าน แต่ก็มีกิจการร้านขนมเป็นของตัวเอง ใบบัวกลับจากโรงเรียน...ก็ต้องรีบกระวีกระวาด...สายตัวแทบขาดในแต่ละวัน เริ่มจากการทำความสะอาดบ้าน และรีบออกไปเป็นลูกมือทำขนมในร้าน ผิดกับบุตรสาว และบุตรชายของลุงกับป้า เขาใช้ชีวิตเหมือนลูกคุณหนูทั่วไป ไม่หยิบ ไม่แตะงานบ้านอะไรเลย แม้แต่แค่การรินน้ำดื่ม เธอจึงเป็นลูกไล่ให้พิศตรา แต่ใบบัวก็จำต้องทน เมื่อเธอไม่มีที่ไป
“บัว บัว...อีบัว! เอาน้ำเย็นๆ มาให้ฉันกินหน่อยสิย่ะ” เสียงตวาดที่ค่อยๆ ทวีความดังขึ้น เสียงแหลมปรี๊ดของ พิศตรา หรือคุณผิง ลูกสาวคนโตของลุงกับป้า เธอแผดเสียงก้องตะโกนเรียกใบบัว จนหญิงสาวต้องรีบละมือจากงานที่ตัวเองกำลังทำ “คุณผิงคงพึ่งกลับมาจากวิทยาลัยฯ” ใบบัวพูดกับตัวเองเสียงอ่อนๆ รีบกระวีกระวาดจัดเตรียมสิ่งที่เธอต้องการไปให้
“เบาๆ ก็ได้พี่ผิง...ยังไงบัวก็เป็นน้องเรานะ เรียกจิกหัวแบบนั้นน่ะ คนนอกได้ยินเขาจะว่าได้ว่าพี่ไม่มีคุณสมบัติผู้ดี” พัฒนะ บุตรชายคนเล็กของแจ่มจันทร์แย้งเสียงขุ่น เขากำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนเตรียมทหารมีความเมตตาให้กับใบบัวในระดับหนึ่ง
“หุบปากไปเลยนะตาพัฒ!...อีบัวนะ! ถ้าไม่กดมันไว้ มันลำพองตายเลยล่ะ โธ่เอ๋ย! หลานคุณพ่อ มีแต่ตัวมาแท้ๆ คุณแม่รับเลี้ยงไว้ก็บุญหัวแล้วล่ะย่ะ”
“ผมไม่เห็นบัวเขาจะเป็นแบบนั้นเลย พี่นั่นแหละ...ทำเหมือนบัวเป็นแค่คนใช้”
“มีแต่ตัวมาแบบนั้นน่ะ ทำงานแลกข้าวแลกน้ำให้เราแทนสิ” หญิงสาวยังไม่วายแย้ง “แกเองก็เถอะ... เห็นมองมันตาเป็นมัน หากคิดจะเอามันมาทำเมีย คุณแม่แหกอกแกแน่ตาพัฒ”
“บ้า! ใครจะไปคิดอะไรอกุศลพรรณนั้น ผมไม่ได้ตาต่ำขนาดนั้นหรอกน่าพี่ผิง...ข้างนอกนั่นมีแต่คนสวยๆ ให้เกลื่อนไปหมด ทำไมต้องมองเด็กกะโปโลอย่างบัวด้วยล่ะ”
“ดีแล้วล่ะ...แต่ถ้าแกจะแอบกินมัน...ก็ได้นะย่ะ แต่อย่าให้คุณแม่กับคุณพ่อรู้”
พิศตราพูดลอยๆ ใบบัวสะสวยไม่ใช่เล่น ผิวของหล่อนขาวนวลเป็นยองใย ผิวสีขาวเหลือง เหมือนมารดาที่เป็นคนเหนือแต่กลับละเอียดเนียนไม่ตกกระจนน่าเกลียด พิศตราแอบอิจฉาในใจลึกๆ ขนาดมันอยู่แต่ก้นครัว... กินแค่กับข้าวเหลือๆ มันยังผุดผาดบาดตาชวนมองได้ เธอเลยจัดงานหนักๆ ให้ทำ แถมเหยียดหยันด้วยคำพูดแดกดันทุกวัน ไม่รู้สึกกดดันหรือน้อยเนื้อต่ำใจก็ให้มันรู้ไปสิ และสิ่งที่เธอทำสำฤทธิ์ผล ใบบัวกลายเป็นเด็กเก็บตัว ไม่เผยอหน้าสู้เธอให้ระคายตา
“น้ำค่ะคุณผิง” หญิงสาววางแก้วน้ำเย็นเฉียบไว้ตรงด้านหน้าหญิงสาวโสภา แล้วค่อยๆ ถอยหลังไปยืนสงบอยู่ด้านหลัง
“อ้อยสร้อยอะไรอยู่ย่ะ ทำไมเพิ่งมา!” พิศตราตวาดแว๊ด! เธอรีบยกแก้วน้ำเย็นเฉียบขึ้นจิบ