13 แต่งค่ะ
“จริงครับ ไม่เชื่อก็หันมามองสิครับ จะได้รู้ว่าหน้าคนคิดถึงเราทุกลมหายใจเป็นยังไง”
“คะ? ...พี่ธีร์!!” พอหันไปมองตามคำบอกของเสียงปริศนา ดวงตากลมก็เบิกกว้างในทันที เป็นเขา! คนที่เข้ามาวนเวียนอยู่ในหัวเธออยู่ตลอดเวลา เมื่อความคิดถึงมันมีมากจนไม่อาจจะทนไหว พิมพกานต์ก็โผเข้ากอดคนตรงหน้าในทันที ซ่อนจะซุกซบใบหนาลงกับอกของเขา
“คิดถึงจังเลยค่ะ...” เสียงหวานพูดอู้อี้กับอกแกร่งของเขา
“ว่ายังไงนะครับ พี่ไม่ได้ยินเลย”
“ข้าวบอกว่าคิดถึงค่ะ” บอกเขาครั้งที่สองก็ยังพูดเสียงเบาตามเดิม แต่เธอก็มั่นใจว่าเขาจะได้ยินมัน เพราะว่าเธอไม่ได้พูดเบาถึงขนาดนั้น
“ครับ?” สีหน้าขึ้นเครื่องหมายคำถาม ก่อนจะก้มลงมองคนในอ้อมกอด
“ยังไม่ได้ยินอีกหรอคะ” พิมพกานต์เองก็เงยหน้าขึ้นมองเขาเช่นกัน
“ได้ยินครับ แต่อยากได้ยินดัง ๆ ชัด ๆ” ว่าจบก็ส่งยิ้มให้ ทำเอาเธอแถมจะหลอมละลายไปกับอกของเขาเลยทีเดียว
“ข้าวคิดถึงพี่ธีร์ค่ะ คิดถึงมาก ๆ” ดวงตาคู่สวยที่ช้อนขึ้นมองเขามีหยาดน้ำสีใสคลออยู่น้อย ๆ จนชลธีอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปเช็ดให้
“คิดถึงพี่มากขนาดนั้นเลยหรอครับ หืมม” อ้อมกอดถูกกระชับให้แน่นขึ้น ก่อนจะก้มลงพูดกับคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ริมฝีปากหนาจะจูบเบา ๆ ที่หน้าผากมน
“ค่ะ...” พิมพกานต์ตอบรับ ก็เธอคิดถึงเขาจริง ๆ นี่ คิดถึงทุกวินาที เฝ้ารอเขาอย่างคนบ้า ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมาเสียที แถมหัวใจดวงนี้ก็ไม่อยากที่จะปิดบัง หลบหนีความรู้สึกของตัวเองอีกแล้ว เธออยากจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตกับเขา มีครอบครัวอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตนี้ของตัวเองจะพบเจอมัน
พูดจบก็ก้มหน้าซบอกแกร่งของเขาอย่างไม่กล้าสบตา แต่ก็ถูกเขาเชยค้างขึ้นไม่ยอมให้เธอก้มหนีไปไหน
“ถ้าคิดถึงพี่มากขนาดนี้...คำตอบของพี่ล่ะครับ ข้าวพร้อมจะให้คำตอบพี่รึยัง”
“ค่ะ ข้าวพร้อมแล้ว...”
“...” ได้ยินแบบนั้นชลธีก็สบตาเธอนิ่งไม่ตอบอะไรไป ก่อนจะเลื่อนสายตามาจดจ้องที่ริมฝีปากบางอวบอิ่มแทน รอคอยว่ามันจะขยับตอบเขาว่าอย่างไร แต่ภายในใจเขานั้นมั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเธอต้องตกลงอย่างแน่นอน หึ
“ตกลงค่ะ ข้าวจะแต่งงานกับพี่ธีร์...อื้อออ” พูดจบเสียงหวานก็ถูกกลืนหายไปในลำคอทันที เมื่อคนตัวสูงโน้มตัวลงมามอบจูบแสนหวานให้ ปากหนาบดเบียดเข้ากับริมฝีปากบางอ่อนนุ่มของคนตัวเล็กก่อนลิ้นร้อนจะล่วงล้ำเข้าไปควานหาความหวานภายใน ซึ่งคนตัวเล็กก็ให้ความร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดี แม้จะเงอะงะไปบ้าง แต่ก็ทำให้เขาครางหึมอย่างพอใจทีเดียว แขนเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาเอาไว้เมื่อแข้งขาเริ่มอ่อนแรงจากการรุกรานของเขา เอวบางถูกเขาเกี้ยวรั้งไปประชิดตัว
เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มขาดอากาศหายใจ ชลธีจึงผละออกจากริมฝีปากบางอย่างเสียดาย ก่อนใบหน้าคมจะเคลื่อนต่ำลงมาเรื่อย ๆ เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เป็นบางสิ่งที่ถูกห่อหุ้มไว้ภายใต้ผ้าถุงอาบน้ำสีเข้มแทน
“ยะ อย่าค่ะ” พิมพกานต์ร้องห้ามทันทีเมื่อเขากำลังปลดปมผ้าขนหนูของเธอออก
“ข้าวไม่รักพี่หรอ...” น้ำเสียงแหบพร่าร้องถาม คลอเคลียอยู่ที่ตนคอขาวของเธอ
“ระ รักสิคะ แต่ว่าแบบนี้มัน...” เรื่องการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบชายหญิงนั้นรู้ดีว่าสักวันมันต้องเกิดขึ้นกับตัวเอง เพียงแต่มันเกิดขึ้นโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว อีกอย่าง... เธอก็พึ่งรู้จักเขาได้ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ถ้าเธอยอมให้เขา เธอกลัวว่าเขาจะคิดว่าเธอใจง่าย
“หึ” เสียงแสยะยิ้มเบา ๆ ของคนตัวสูงที่กำลังซุกอยู่ที่ต้นคอของเธอ ก่อนที่เขาจะผละออกแล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ ไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ
“พี่เข้าใจแล้วครับ”
“ขึ้นจากน้ำเถอะ แช่น้ำนานเดี๋ยวจะไม่สบายเอา” ว่าจบก็หันหลังเดินขึ้นฝั่งในทันที ทิ้งให้เธอได้แต่มองตาม ดวงตากลมไหวสั่นน้อย ๆ เธอผิดหรอ ที่ปฏิเสธเขา...
“คลุมไว้ครับ ด้วยจะหนาว” เมื่อเห็นเธอเดินขึ้นฝั่งตามมา ผ้าขนหนูผืนหนาก็ถูกยื่นให้ทันที พร้อมกับเสียงทุ้มของเขา ที่แสดงถึงความเป็นห่วง ทำให้คนที่พึ่งปฏิเสธเขาไปเมื่อครู่ อดรู้สึกผิดไม่ได้
“ขอบคุณค่ะ” หลังจากรับผ้าขนหนูจากเขามาแล้ว เขาก็แย่งเอาอุปกรณ์อาบน้ำของเธอไปถือด้วย ทำให้ตอนนี้เธอเดินตัวเปล่าตามเขากลับบ้านไป โดยที่ในหัวนั้นเอาแต่คิดเรื่องของเขาอยู่ตลอดทาง รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขามาในบ้านแล้ว แล้วได้ยินเสียงเขาพูดบอก
“ข้าวแต่งตัวไปนะ พี่เองก็จะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อเหมือนกัน”
“เดี๋ยวค่ะ” ก่อนที่เขาจะเดินพ้นประตูบ้านไป ก็ถูกเธอเรียกไว้ซะก่อน แต่เขาเพียงหันหน้ามาตามเสียงเรียกเท่านั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ทำเอาคนเรียกใจหายไม่น้อย... เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
“พี่ธีร์จะกลับมากินข้าวกับข้าวใช่ไหมคะ...” พิมพกานต์ร้องถามเขาแผ่วเบา ภายในใจนึกกลัวว่าเขาจะปฏิเสธ แต่คำตอบที่ก็พอทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมาเลย
“ครับ”
“ในกล่องมีอาหารสดเยอะแยะเลยนะ พี่ซื้อมาจากฝั่งถ้ายังไงข้างลองดูก็แล้วกัน” สายตาคมหันมองไปที่กล่องโฟมใส่สีขาวขนาดกลางที่เขานำมาวางไว้ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเมื่อเห็นว่าเธอรับรู้ โดยไม่หันกลับมามองอีก เดินพ้นบ้านออกมาไม่นานรอยยิ้มร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ด้านพิมพกานต์หลังจากเขาเดินจากไปแล้วเธอเองก็เข้าไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่เขาบอก โดยใส่เป็นเสื้อคอกระเช้าและผ้าถุงอย่างที่เธอใส่เป็นประจำในเวลานอน...เพราะว่าเธอก็มีอยู่เท่านี้ เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ทุกวันเป็นเสื้อผ้าที่ป้าสายนำมาให้ ไม่ก็เป็นเสื้อผ้าที่หมอกเอามาให้
เมื่ออยู่ถิ่นเขาไม่มีทางเลือกอะไรมาก และเธอก็ไม่ได้เป็นคนเรื่องมากอะไรอยู่แล้ว เพราะงั้นใครให้อะไรมาเธอก็ใส่ แต่เสื้อคอกระเช้าเผยไหล่แบบนี้เธอก็จะใช้ผ้าคลุมสีฟ้าน้ำทะเลผืนบางที่ขอป้าสายมาคลุมไว้ ด้วยเป็นคนไม่ค่อยชอบแต่งตัววาบหวิวเท่าไหร่นัก อีกอย่างก็มีพี่ธีร์ที่แวะมาหา มานอนเฝ้าอยู่เกือบตลอด เธอกลัวว่าเขาจะมองไม่ดี
หลังจากแต่งตัวแล้วเสร็จ ลังโฟมสีขาวสะอาดตาก็ถูกยกขึ้นเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะถูกเปิดออก และทันทีที่หยิบของออกมาจากกล่องทีละอย่างน้ำตาก็คลอเบ้าในทันที ของที่เขาซื้อมาฝากมีแต่ของดี ๆ ทั้งนั้นเลย ปลาตายังตาใส เนื้อกดแล้วยังแน่นไม่ได้ยุบตัวตามนิ้ว พวกกุ้งหมึกปูก็ขนาดใหญ่พอควร แถมยังสดใหม่ พิจารณาคร่าว ๆ แล้วลังนี้ไม่ต่ำกว่าสามพันเป็นแน่
“ข้าวจะทำสุดฝีมือ เพื่อเป็นการไถ่โทษเรื่องเมื่อหัวค่ำแล้วกันนะคะ” หลังจากเห็นวัตถุดิบชั้นดี วิญญาณเชฟสาวในตัวก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ก่อนจะเริ่มคิดเมนูเพื่อทำให้เขาทาน
ปลากะพงตัวขนาดพอดีอิ่มสำหรับสองคนถูกนำมาขอดเกล็ด ตัดครีบอย่างเรียบร้อย ก่อนที่ด้านคมของมีดจะกดลงบริเวณส่วนเนื้อที่ติดอยู่กับหัว จากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่สันหลังของตัวปลา กรีดไล่เข้ามาเรื่อย ๆ เพื่อเลาะเอาเนื้อออก ตัวมีดบางและคมขยับช้า ๆ อย่างชำนาญ โดยส่วนของมีดนั้นแนบติดกับส่วนของตัวก้างเพื่อให้ได้เนื้อมากที่สุด ใช้เวลาไม่นานก็ได้เนื้อปลากะพงขาวหั่นเป็นชิ้นพอดีคำเพื่อเตรียมทำเมนูปลากะพงผัดขึ้นฉ่าย
หลังจากเตรียมปลากะพงเสร็จแล้วก็หันมาเตรียมเมนูอื่นต่อ
โดยที่กุ้งนั้นเธอก็แกะเปลือกพร้อมกับล้างและดึงเอาสิ่งสกปรกออกอย่างดี ส่วนหมึกนั้นเธอก็ล้างทำความสะอาดด้วยเกลืออย่างดีเพื่อลดกลิ่นคาว ส่วนปูนั้นเธอกับนำไปนึ่งรอไว้เพื่อจะนำมาแกะภายหลัง
“หวังว่าพี่ธีร์จะชอบนะคะ” ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงกว่าเมนูทุกอย่างจะแล้วเสร็จ อาหารหน้าตาหน้าทานถูกจัดการอย่างสวยงาม และก็ไม่ได้สวยงามเพียงแค่หน้าตาเท่านั้น รสชาติก็ล้ำเลิศด้วยเธอมั่นใจ
อาหารเสร็จแล้วขาดก็แค่คนมากิน...ทว่านั่งรอเขาอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมงก็ไม่เห็นเขามาสักที หากนับรวมเวลาที่เขาไปเปลี่ยนชุด เวลาที่เธอทำอาหารแล้วก็ถือว่านานอยู่พอสมควร เมื่อไม่เห็นว่าเขาจะมาสักที
จากที่นั่งรออยู่ภายในบ้านก็ย้ายตัวเองออกมารอเขาอยู่หน้าบ้านแทน ยืนรออยู่ร่วมสิบนาทีก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา ชะเง้อแล้วชะโงกอีก ก็ยังไม่เห็นเขา ในใจนึกไปต่างๆ นานา ว่าเขาจะยังโกรธอยู่จึงไม่ยอมมาหา ความคิดบางอย่างแวบขึ้นมาในหัวแต่ก็ต้องพับเก็บลงไปเพราะเธอไม่รู้ว่าบ้านพักของเขาอยู่ไหน ไปตามก็คงไม่ได้
“หายไปไหนของเค้านะ...หรือว่าคุณธีร์อะไรนั่นจะเรียกไปใช้อีก” เมื่อยืนรอหน้าบ้านอยู่นานแล้วไม่เห็นเขามา ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปรอในบ้านดังเดิม เพราะยืนมืด ๆ นาน ๆ เธอก็รู้สึกกลัวอยู่เหมือนกัน แม้จะมีแสงสว่างจากภายในบ้านออกมาก็ตาม
“อ้ะ” คนที่กำลังหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน ยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองป้อย ๆ ทันที เมื่อกันกลับไปแล้วไปชนกับอะไรแข็ง ๆ บางอย่างเข้า
“มายืนทำอะไรตรงนี้ครับ”
“พี่ธีร์...”
“ครับ พี่เอง”
“พี่ธีร์มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมข้าวไม่เห็นเลย” พิมพกานต์เงยหน้าถามคนตัวสูง เธอทั้งนั่งรอ ทั้งยืนรอเขาอยู่หน้าบ้านตั้งนานสองนานก็ไม่เห็นว่าเขาจะเดินมา แล้วนี่ทำไมอยู่ ๆ ก็มาโผล่ข้างหลังเธอได้ แต่ก็อดยอมรับไม่ได้เลยจริง ๆ ว่ารู้สึกดีไม่น้อยที่เห็นเขา
“พี่มาตั้งนานแล้วครับ แต่เข้าไปเห็นข้าวตั้งใจทำกับข้าวอยู่เลยไม่อยากกวน พี่เลยไปนอนรอที่เปล”
“แต่สงสัยคงจะเหนื่อยจากงานมากไปหน่อย นอนเล่น ๆ เลยเผลอหลับจริง”
“พี่ทำให้ข้าวรอรึเปล่า?”
“เปล่าค่ะ ข้าวพึ่งทำกับข้าวเสร็จแล้วออกมายืนรอ” พูดจบก็ส่งยิ้มน้อย ๆ ให้เขา
“หึ” ชลธีหัวเราเบา ๆในลำคอ
“งั้นเราไปกินข้าวกันเลยดีไหมคะ...ทิ้งไว้นานเดี๋ยวจะเสียรสชาติ”
“ครับ”
