ตอนที่ 5 แค่ข้าวต้มก็ยังแปลก
“เจ้าสองคนมาช่วยแม่ถือถ้วยกับปลาย่างหน่อยสิ” บัวบอกลูกที่ยังยืนมองไม่ไปไหน ได้กลิ่นหอมของอาหารแล้วก็มีท่าทางอยากรู้อยากเห็นว่าแม่ทำอะไรถึงได้หอมน่ากินขนาดนี้ กลิ่นข้าวกล้องบวกกับเผือก และใบเตยมันหอมจนน้ำลายสอต้องยืนกลืนน้ำลายอยู่หลายอึก
สองคนนั้นได้ยินคำว่าแม่หลุดออกจากปากยายอ้วนที่พวกเขาไม่เคยได้ยินเลยตั้งแต่จำความได้ก็รู้สึกแปลกใจ เหตุใดนางจึงแทนตัวเองว่าแม่ทั้งที่ไม่เคยมาก่อน แต่เอาเถอะเผื่อสมองของเธอยังไม่เข้าที่เข้าทางเธออาจจะสติเลอะเลือนอยู่ก็เป็นได้
สองพี่น้องมองหน้ากันอย่างลังเล เพราะความกลัวที่ว่าแม่จะตียังมีเหลืออยู่
“เอาเถอะ ๆ แม่จะไม่ตีพวกเจ้าโดยไม่มีเหตุผลอีก ตอนนี้มาหยิบชามให้แม่ก่อน ท่านพ่อของพวกเจ้าคงหิวแย่แล้ว เอาสามชุดก็พอ ละอองถือกระบวยนี่มาให้แม่ด้วย” บัวบอกลูก เธอเห็นชามสังกะสีเคลือบขาวอยู่ห้าใบ และช้อนสังกะสีเคลือบสีเขียวเข้มอีกจำนวนเท่ากัน จากนั้นก็ใช้ผ้าผืนเล็กสองผืนรองมือจับหูหม้อดินแล้วยกออกมา
ได้ยินดังนั้นเด็กทั้งสองจึงเดินเข้ามาใกล้ หยิบถ้วยเปล่าและถ้วยใส่ปลาย่างและช้อนสังกะสีตรงไปยังห้องนอนของพ่อ
ไม่เข้าใจโชคชะตาจริง ๆ ว่าจะให้เธอมาอยู่ในที่ที่ขัดสนขนาดนี้ทำไม ยังไม่อยากจะคิดหากเธอปวดหนักปวดเบาจะทำเช่นไร เพราะตอนที่ลงไปเอาใบเตยเธอเห็นแล้วว่าบ้านหลังนี้ไม่มีห้องสุขา และแน่นอนน่าจะไม่มีกันทุกครัวเรือน เพราะโดยรอบรายล้อมไปด้วยป่า ทุ่งนา และพงหญ้ารก
ได้ยินเสียงเดินของฝีเท้าหลายคู่สมิงจึงลืมตาตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นหน้าภรรยาก็มองด้วยสายตาเคียดแค้นเพราะเธอคนเดียวที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ชีวิตของเขาที่ผ่านมาต้องอยู่กินกับหญิงที่ไม่ได้รักเพราะเธอขึ้นมานอนบนบ้านกับเขาเองจนเขาต้องโดนจับแต่งงานทั้งที่มีหญิงคนรักอยู่แล้ว หนำซ้ำตอนนี้ยังพิการเพราะห่วงลูกที่จะโดนเธอตีจนต้องตกเขา
เมฆวางถ้วยปลาย่างและถ้วยเปล่าลงกับเสื่อ บัววางหม้อข้าวต้มห่างจากที่นอนของสามีเล็กน้อยไม่ได้สนใจสายตาที่เขามองมาอย่างดูแคลน พอเปิดฝาหม้อข้าวออกสายตาทุกคู่มองไปที่ข้าวต้มสีสันแปลกตาและส่งกลิ่นหอมเป็นตาเดียว
“ยายอ้วนใส่อะไรลงไปในข้าวต้มหรือเจ้าคะ ทำไมมันถึงมีสีเขียวอ่อนน่ากินจัง” ละอองถามด้วยความใคร่รู้
“ใส่ใบเตย” บัวตอบเสียงเรียบความจริงข้าวต้มก็มีทั้งสีเขียว ม่วง และขาวปนกันแต่โดยรวมแล้วก็น่ากิน สมิงได้แต่มองแล้วครุ่นคิด เขาไม่เคยทานข้าวต้มใส่เผือกใส่ใบเตยมาก่อนเหตุใดหญิงผู้นี้ถึงคิดแก้ไขสถานการณ์ขาดแคลนในครั้งนี้ได้ จริงอยู่เผือกที่เขาหามาเอาไว้ต้มกินยามข้าวสารหมดแต่ก็ไม่มีใครนำมาต้มใส่ข้าวเช่นหล่อน ใบเตยนั้นปกติก็เป็นพืชที่ขึ้นอยู่ทั่วไปไม่มีใครคิดเอามาทำอาหารเหมือนเธอ
“พวกเราเพิ่งจะเคยกินครั้งแรก” เมฆบอกกับบัวไม่มีใครทำข้าวต้มหน้าตาน่ากินเพียงนี้ตั้งแต่พวกเขาได้กินมา ต้มข้าวใส่น้ำเปล่าและเกลือนั่นคืออาหารชั้นยอดแล้ว หรือถ้าเป็นข้าวเหนียวแค่โรยเล็กน้อยก็อร่อยที่สุดแล้ว
บัวตักข้าวให้ทุกคนครบแต่ลูกทั้งสองยังนั่งมองหน้าเธอด้วยความเกรงใจ
“พวกเจ้าไม่กินรึ”
“พวกข้ากินได้แล้วหรือขอรับ” เมฆถามเพราะก่อนหน้าต้องรอให้แม่สั่งก่อนพวกเขาค่อยกินข้าวได้
“ได้แล้วสิ” สิ้นคำผู้เป็นแม่ลูกทั้งสองก็ยิ้มออกมา
“ยายอ้วนไม่กินหรือ” ละอองถามผู้เป็นแม่ เห็นนางไม่ได้ไล่ตีเหมือนก่อนลูกสาวจึงกล้าเอ่ยปาก ปกติผู้เป็นแม่จะชอบแย่งอาหารของลูก ๆ จนทั้งสองได้กินเพียงนิดเดียว พอโดนสามีเอ็ดก็ทะเลาะกันใหญ่โตแล้วนางก็จะลงไปนอนกลิ้งกับพื้นเรือนราวกับเด็ก สมิงจึงไม่อยากเถียงด้วย แต่ครั้งนี้นางทำราวกับไม่อยากกิน
“พวกเจ้ากินเถอะ แม่จะกินทีหลัง” เธอสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะต้องลดน้ำหนักให้ได้ ตอนส่องกระจกเธอเห็นตรงลำคอมีรอยขี้ไคลขึ้นอยู่หลายเส้นถ้าเป็นสร้อยก็คงจะดีแต่นี่…คิดมาแล้วเศร้าไม่คิดดีกว่า เจ้าของร่างเดิมคนนี้คงขี้เกียจอาบน้ำเป็นที่สุด เย็นนี้เธอต้องจัดการกับตัวเองเสียยกใหญ่
“ท่านพ่อกินก่อนสิ” เมฆพูดขึ้นและไม่กล้าตักอาหารเข้าปากก่อนผู้เป็นพ่อ
“พ่อยังไม่หิว”
“แต่ท่านพ่อกินอาหารน้อยทุกวันเลยนะขอครับ” ตั้งแต่เขาบาดเจ็บเมฆสังเกตเห็นผู้เป็นพ่อทานน้อยทุกวัน
บัวคิดตามที่เมฆว่า สาเหตุหนึ่งก็คงเป็นเพราะเขาอยากให้ลูกทั้งสองกินอิ่ม และกลัวว่าอาหารจะหมดก่อนลูก หรืออีกอย่างก็คงเป็นเพราะ…