บทที่3
บทที่3
ซินเทียกับหลงกู๋เห็นบุตรสาวทำสีหน้าไม่พอใจก็ปล่อยมือออกจากบรรดาของเหล่านั้น แต่ก็รับกระต่ายมาแล้วเพราะมันก็แค่กระต่ายตัวหนึ่ง ของมีค่าและแพงกว่านี้ยังรับมาได้กะอิแค่กระต่าย อย่างไรผู้ชายหลายคนก็ใช้วิธีนี้หาทางเข้าหาฟางเหนียงอยู่แล้ว
หลังจากกระดาษและของกินไม่กี่อย่างทั้งสองก็ไม่กล้าจะรับอะไรอีกเพราะกลัวลูกสาวจะไม่พอใจ ก่อนที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะเร่งเดินตามลูกสาวให้ทัน แต่กลับเจอฟางเหนียงรออยู่ที่หน้าบ้าน
“เมื่อเช้าหนูบอกกับพ่อแม่แล้วว่าถ้าพ่อแม่รับของใครอีกหนูจะแต่งงานกับเขาไปให้จบ ๆ พ่อแม่คิดว่าหนูพูดเล่นเหรอคะ หนูบอกชัดเจนแล้วว่าให้เลิกนิสัยรับของคนอื่นไปเรื่อยแบบนี้”
แม้ว่าจะคุยกันระหว่างพ่อแม่ลูก แต่ชายหนุ่มหลายคนก็ได้ยินคำของหญิงสาวชัดเจน
“ก็ลูกทำตัวเหมือนกับผีเข้าตั้งแต่เมื่อวานแม่จะไปรู้ได้อย่างไรว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนไม่จริงล่ะฟางเอ๋อร์” ซินเทียกระซิบบอกลูกสาว
ฟางเหนียงถอนหายใจก่อนจะหันมองบรรดาชายหนุ่มที่มาออกันอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเธอ แต่ไห่ฮวนกลับยืนอยู่ที่มุมหนึ่งหน้าประตูด้วยท่าทางเจียมตัวกว่าคนอื่น
“ฟางเหนียงเมื่อครู่แม่ของคุณรับของจากผมไปแล้วนะเช่นนั้นก็แสดงว่าเป็นผมใช่หรือเปล่าที่คุณจะแต่งด้วย”
ลูกชายแม่ค้าซาลาเปาในหมู่บ้านเอ่ยอย่างได้ใจเมื่อครู่เขาเอาขนมที่เพิ่งออกขายใหม่ของที่ร้านมาฝากกับมารดาของฟางเหนียง
“วันก่อนผมเองก็ให้ผ้าพันคอแม่ของคุณนะ ฟางเหนียง” ชายหนุ่มอีกคนเริ่มพูด
“เน็กไทของพ่อคุณเป็นผ้าชั้นดีผมเป็นคนเอามาให้” อีกคนรีบบอก ดูแล้วของที่เขานำมาให้น่าจะมีค่ามากที่สุด อย่างนั้นเขาก็มีโอกาสมากที่สุดใช่ไหม
ฟางเหนียงหันไปมองบิดามารดา สายตาของเธออดไม่ได้ที่จะตำหนิ เพราะการกระทำที่ไม่ได้คิดอะไรของคนทั้งสองทำให้คนมากมายคิดไปไกลขนาดนี้
“ของเก่าแบบนั้นไม่นับสิ วันนี้ผมเอาเครื่องประดับมาให้ในนี้ไม่มีของใครมีค่าเท่าของของผมแน่ ๆ” เฟิ่งหลุนที่เพิ่งเดินมาถึงเอ่ย บรรดาชายหนุ่มในหมู่บ้านเห็นเขาเดินเข้ามาก็หลีกทางให้ เพราะพ่อแม่บางคนก็ยังทำงานกับบริษัทและห้างร้านของตระกูลหวังจะขัดใจมากก็ไม่ดี
“ขอบคุณนะคะ แต่ไม่เอา” ฟางเหนียงมองคนมาใหม่อย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินไปหยิบเอากระต่ายที่แม่เธอรับมาจากไห่ฮวน
แม่เธอก็เป็นเสียอย่างนี้จะถูกจะแพงก็แค่ยิ้มแล้วรับมาเฉย ๆ เพราะคิดว่าไม่ต้องมีค่าตอบแทน วันนี้เธอจะทำให้แม่ของเธอเห็นว่าการรับของจะต้องมีค่าตอบแทนเช่นไร
“กระต่ายนี่เป็นของคุณใช่ไหมคะ” ฟางเหนียงเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มที่ยืนหลบมุมตรงหน้าบ้านเธอ ใบหน้าที่เธอเคยหลงรักดูตื่นตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็คิดว่ามันน่ารักดี
“ฉันจะแต่งกับคุณค่ะ”
จบคำนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น
พ่อของฟางเหนียงได้ยินดังนั้นก็ตกใจ เขาไล่ทุกคนให้ออกไปทันทีที่ลูกสาวของเขาทำอะไรไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้
ใครก็รู้ว่าชายหนุ่มเมื่อครู่ที่ฟางเหนียงบอกว่าจะแต่งด้วยนั้นเป็นใคร
ไห่ฮวนแค่คนเก็บของบนเขาในป่าใกล้หมู่บ้าน ไม่ก็ล่าสัตว์ เงินไม่รู้ว่าจะหาได้หรือเปล่า เวลาเอาของมาฝากก็พวกไก่ป่า กระต่าย จำได้ว่าเคยมีหมูป่ามาให้หนึ่งครั้ง แต่ก็แค่นั้นถ้าเป็นสมัยก่อนหน้าก็คงช่วยเหลือให้ไม่อดอยากได้ แต่ตอนนี้จะมีประโยชน์อะไรกัน
ฟางเหนียงถูกลากเข้ามาในบ้านเธอยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นว่าไห่ฮวนยังคงยืนอึ้งอยู่เช่นนั้นแม้จะถูกบิดาเธอไล่ ช่างเถอะเธอรู้ ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นคนถอดใจง่าย ๆ เช่นนั้น ไม่อย่างนั้นก็คงไปตั้งแต่โดนเจ้าของบทนี้จริง ๆ ด่าเอาแล้ว ไม่เท่านั้นแม่ของนางร้ายในเรื่องนี้แท้จริงแล้วก็ไม่ใช่เล่นเลย
“นี่ลูกทำอะไรลงไป ไปพูดอย่างนั้นมันเสียหายนะ ทำไมไม่รับของจากคุณชายหวังซะ เขารวยและดีที่สุดในหมู่บ้านนี้แล้ว”
ฟางเหนียงมองไปที่พ่อแม่ด้วยสายตาเบื่อหน่าย
“เขาอาจจะร่ำรวยจริงแต่ดีไหมแม่กับพ่อไม่มีทางรู้หรอก”
คนเป็นพ่อถอนหายใจ “แล้วเจ้าพรานหลงยุคนั่นมันช่วยเราได้หรืออย่างไร สมัยนี้ใครเขาทำอาชีพนี้กันบ้าง
เมื่อก่อนเจ้านั่นก็แค่ไปทำงานของทางการแลกตั๋วแลกคูปองไปวัน ๆ จะเอาปัญญาที่ไหนมาเลี้ยงลูก”
ฟางเหนียงเองก็ไม่พอใจที่บิดาของตนดูถูกไห่ฮวน
“การค้าเสรีก็เปิดแล้ว หนูมีเงินเก็บอยู่บ้าง ความรู้ก็มี แค่ลงทุนทำอะไรดู อีกไม่นานพวกเราก็มีได้บ้าง อีกอย่างหนูเตือนแล้ว ว่าอย่าทำแบบนี้อีก ทั้งย้ำแล้วก่อนไปเรียนว่าถ้าพ่อกับแม่ยังทำหนูจะแต่งกับคนแรกที่เอาของมาให้พ่อกับแม่ แต่พ่อกับแม่ก็รับมา โดยไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร”
หลังจากการพูดคุยกันยาวนานสุดท้ายวันต่อมาข่าวว่าฟางเหนียงสาวงามที่สุดในหมู่บ้านกำลังจะแต่งงานกับไห่ฮวนใครได้ยินก็ต้องร้องถามด้วยความตกใจ แม้แต่ไห่ฮวนเองก็กังวลว่าข่าวนี้จะไม่จริง แต่เมื่อพ่อของหญิงสาวบอกให้เจ้าตัวจัดการเรื่องการแต่งงานก็ทำให้ชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูก
เย็นวันนั้น เธอเห็นไห่ฮวนเดินผ่านมาในหมู่บ้าน เขาถือกระต่ายและสัตว์อื่น ๆ ที่เขาล่าได้ ฟางเหนียงตัดสินใจว่าเธอต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่องเกี่ยวกับอนาคตของทั้งคู่
“ไห่ฮวน!” เธอเรียกเขา เขาหันมามองเธอด้วยความสงสัย
“ฟางเหนียง มีอะไรเหรอ” เขาถามด้วยความสุภาพ
“เราต้องคุยกัน เรื่องอนาคตของเรา” ฟางเหนียงพูดอย่างจริงจัง
ไห่ฮวนตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมตามเธอไปยังที่เงียบสงบในหมู่บ้าน ทั้งสองนั่งลงบนหินริมแม่น้ำ
“ไห่ฮวน ฉันรู้ว่าเราต่างก็มีความฝันและความหวัง แต่ฉันไม่ต้องการให้ชีวิตของเราถูกกำหนดโดยคนอื่น” ฟางเหนียงเริ่มต้น
“ผมเข้าใจ แต่จะทำยังไงล่ะ” ไห่ฮวนถาม
“เราต้องสร้างชีวิตของเราเอง ฉันกำลังศึกษาเรื่องการบริหารธุรกิจ ฉันอยากจะเริ่มทำธุรกิจเล็ก ๆ ด้วยกัน คุณช่วยฉันได้ไหม” ฟางเหนียงเสนอ
ไห่ฮวนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตอบตกลง “ได้สิ ผมพร้อมจะช่วยคุณ”