บทย่อ
บารเทนเดอร์ผู้อาภัพ กลับต้องทะลุมิติมาเป็นฮูหยินของท่านโหวใจร้าย นางจะสามารถมีความรักที่ดีและอบอุ่นได้หรือไม่?
บาร์เทนเดอร์
“คุณอลิษาใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
“กระผมสารวัตรสมเจตน์ครับ ทางเราโทรมาแจ้งให้ทราบว่าตอนนี้นายราเชนทร์ได้ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว เนื่องจากหลักฐานที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอที่จะดำเนินคดีกับเขาได้”
“ค่ะ...”
“ถ้าเขายังมาก่อกวนคุณหรือสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างอีก โปรดติดต่อผมได้ทันทีที่เบอร์นี้นะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ คุณสารวัตร”
ช่างเป็นบทสนทนาสั้นๆ ที่สามารถทำให้หนักใจได้เสียจริง
ในยามค่ำคืนที่เงียบสงบของกรุงเทพมหานคร ใครหลายคนกำลังหลับใหล แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่ยังคงวุ่นวายกับการทำงาน และอลิษาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ซ่าาา"
“เชค เชค เชค”
“แกร๊กๆ แกร๊กๆ”
เสียงเขย่าขึ้นลงของแก้วเชคที่มีน้ำแข็งและส่วนผสมของเหล้าอยู่ในนั้น กำลังถูกสร้างสรรค์โดยอลิษา มันเป็นเครื่องดื่มเมนูซิกเนจอร์ของผับ “เดอะริช” สถานที่ท่องราตรีที่มีชื่อเสียงมากในขณะนี้
“ฉ่อก ฉ่อก” เครื่องดื่มซิกเนเจอร์กำลังถูกเทลงในแก้วค็อกเทลสีใส จังหวะการเขย่าของอลิษานั้นคลอเคลียไปกับเสียงเพลงมันส์ในยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี
ท่ามกลางเสียงและบรรยากาศที่ดูสนุกและเมามันส์นั้น มือที่เขย่าอย่างเอาเป็นเอาตายนั้นกลับซ่อนความอ่อนแรงเอาไว้ภายในใจ
เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ราเชนทร์เพื่อนที่โตมาด้วยกันกลับกลายเป็นเงามืดที่คอยตามหลอกหลอนชีวิตของเธอ เขาเริ่มต้นจากการเฝ้าติดตามทุกฝีก้าว ก่อนจะพยายามหาเรื่องและทำร้ายเพื่อนชายคนหนึ่งของเธอ ซึ่งได้เช่าอพารท์เมนท์อยู่ที่ตึกเดียวกัน แต่ยังไม่ทันได้ก่อเหตุร้ายแรง ราเชนทร์ก็ถูกตำรวจจับกุมตัวไปเสียก่อน
นึกไม่ถึงว่าในที่สุดราเชนทร์จะสามารถพ้นโทษออกมาได้ อลิษาพลางนึกว่าหากราเชนทร์กลับมาวุ่นวายกับเธออีก เธอจะสามารถพึ่งพาใครได้บ้าง เพราะที่ผ่านมานั้นหญิงสาวต้องสู้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยจนกลายเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนคบ
“ขอวิสกี้ที่หนึ่งครับ” เสียงทุ้มนุ่มลึกเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
อลิษาเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะชะงักเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“ได้ค่ะ นั่นวายุใช่ไหม?”
เธอถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ แต่ในใจกลับมั่นใจว่านี่คือ "วายุ" หนุ่มฮอตที่เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นในมหาวิทยาลัยห้องเดียวกับเธออย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าจะเคยเจอกันมาก่อนตอนเรียนมหาวิทยาลัย แต่อลิษากลับไม่เคยมีโอกาสได้พูดคุยกับเขาเลย
“อืมม ผมเอง” ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย วายุก็ยังพูดน้อยเหมือนเช่นเคย หลังจากที่ได้วิสกี้แล้วเขาก็กลับไปนั่งอยู่คนเดียวลำพัง
ตั้งแต่มาถึง เขาก็เอาแต่นั่งจ้องมองมายังเคาน์เตอร์บาร์ที่อลิษากำลังทำงาน แม้จะมีหญิงสาวมากมายพยายามเข้ามาชนแก้วหรือชวนเค้าไปเต้นด้วยกัน แต่วายุก็เอาแต่ปฏิเสธและยังคงนั่งหลังตรง ราวกับกำลังรอคอยใครสักคนอยู่
จนในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงานของหญิงสาว อลิษาจึงเดินออกจากทางด้านประตูหลังของผับ ระหว่างที่กำลังเดินไปยังบันไดเหล็กแคบอยู่นั้น
“ว้าย!” ฝ่ามือเย็นเฉียบของใครบางคนได้ผลักเธอจนตกบันได อลิษาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ข้อเท้าเล็กพลิกไปตามแรงผลัก
ขณะที่ร่างของอลิษาจะตกกระทบถึงพื้นปูน แขนแกร่งของใครบางคนก็โอบอุ้มเธอไว้ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงจางๆ ผสมกับลมหายใจอุ่นของชายหนุ่มทำให้เธอต้องหยุดชะงัก
“ระวังหน่อยสิ อลิษา...”
“วายุ ขอบคุณนะ... ว่าแต่นายมาทำอะไรที่ประตูหลังกัน ลูกค้าของเดอะริชต้องออกทางประตูหน้านะ”
“มาสูบบุหรี่น่ะ” เขาพูดพลางหลบสายตาคู่งามของอลิษา ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครต่อบทสนทนากับใคร ราวกับว่ามีกำแพงกั้นขวางคนทั้งคู่ไว้
แต่ความสงบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงฝีเท้าหนึ่ง ที่วิ่งหนีไปอย่างเร่งรีบและหายไปในความมืดมิด
“ใช่หมอนั่นไหม ที่เคยตามตอแยคุณตอนเรียน”
“คุณยังจำได้อยู่หรือคะ วายุ?”
ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามใดๆ สักพักก็มีรถยนต์หรูคันหนึ่ง มาจอดที่ด้านหลังผับ วายุเดินขึ้นรถไปทันทีโดยไม่ได้หันกลับมาพูดคุยหรือล่าอลิษาแต่อย่างใด
“หมอนี่ยังคงพูดไม่เก่งเหมือนเดิมสินะ”
อลิษาเอ่ยขึ้นมาก่อนจะส่ายหัวเบาๆ และเดินกลับบ้านไป ระหว่างที่เธอเดินไปก็เอาแต่นึกถึงใบหน้าและกลิ่นตัวที่หอมจางๆ ของวายุ จำได้ว่าเขาเป็นคนที่ฮอตมากในหมู่ผู้หญิง
สมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน รอบตัวเขามักจะมีรุ่นพี่รุ่นน้องเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังมากมาย แต่หนึ่งในบรรดาสาวๆ นั้นไม่มีอลิษาอย่างแน่นอน
ด้วยความที่เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในบ้านเด็กกำพร้า ทำให้อลิษาต้องทุ่มเทชีวิตให้กับการหาเงินมากกว่าการมีความรัก เพราะเธอเชื่อว่าไม่มีใครจะช่วยเหลือหรือเป็นที่พึ่งพิงได้นอกจากตัวเธอเอง
โดยไม่ทันสังเกตุว่ามีใครบางคนที่สวมหมวกดำและแจ็คเก็ตซอมซ่อกำลังมองตามหลังเธอไป