บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 เว่ยอ้ายเหมย 1/1

เสียงน้ำไหลเบา ๆ ของแม่น้ำ กล่อมให้คนที่กำลังเอนหลังอยู่บนโขดหินนั้นเคลิบเคลิ้ม สาวน้อยคนหนึ่งกำลังเอนกายบนโขดหินอย่างสบายใจโดยท่าทางของเธอนั้นไม่สำรวมเลยสักนิดเดียว เท้าสองข้างหย่อนลงมาจากโขดหิน ส่วนมือข้างหนึ่งถือถุงขนมและมืออีกข้างก็หยิบขนมออกมากินอย่างสบายใจ บางครั้งก็หันไปหยิบก้อนหินมาโยนลงไปในน้ำ

ถึงแม้ว่าจะมีใครหลายคนจะคอยเตือนเธอเรื่องนี้ว่า การนอนกินไม่ใช่กิริยาที่ดีนักแต่เธอกลับไม่สนใจ อีกทั้งยังสวนกลับด้วยว่าเธออยากจะทำตัวยังไงมันก็เรื่องของเธอ ทำไมคนอื่นจะต้องมายุ่งด้วย

“อ้ายเหม่ย อาหารเย็นเสร็จแล้ว” เสียงพี่สะใภ้ตะโกนเรียกมาจากริมแม่น้ำเพื่อบอกน้องสามีว่าอาหารเสร็จแล้ว

ทันทีที่ได้ยินเสียงของพี่สะใภ้เรียกตนเองให้ไปกินข้าว เด็กสาวที่กำลังเอนกายหย่อนขาอยู่บนโขดหินอย่างสบายใจก็เด้งตัวลุกพรวดขึ้นมาทันที ก่อนจะพ่นลมออกทางจมูกเล็กน้อย เมื่อนึกได้ว่ากับข้าววันนี้ก็คงจะเป็นผัดผักหรือไม่ก็ผักดองอีกตามเคย

“น่าเบื่อที่สุด กับข้าวมีแต่แบบเดิม ๆ” เธอบ่นเบาๆ เธอยัดขนมชิ้นสุดท้ายใส่ปากแล้วตะโกนออกไป

“เดี๋ยวฉันตามไป” จากนั้นเธอก็กระโดดลงจากโขดหิน ก่อนจะรีบสวมรองเท้าแล้ววิ่งตามพี่สะใภ้ของตนไปตามทางเพื่อกลับบ้าน

ชาวบ้านที่มาตักน้ำบริเวณนี้พอเห็นพฤติกรรมของเด็กสาวต่างก็ส่ายหัวอย่างเอือมระอา จะว่าไปก็น่าสงสารบ้านรองเว่ยไม่น้อย ที่มีลูกสาวไม่เอาไหนอย่างนี้

เว่ยอ้ายเหม่ยเป็นลูกสาวคนเล็กของบ้านรองเว่ย อายุสิบสามปี หากมองเพียงรูปร่างหน้าตาก็ถือว่าเธอเป็นเด็กสาวที่สะสวยและน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ถ้าเกิดมีผู้ใหญ่หมู่บ้านอื่นเดินผ่านมาและรู้จักเธออย่างผิวเผินแล้วละก็ ไม่ว่ารายใดก็ต้องชมว่าเธอสวย น่ารักอย่างแน่นอน แต่ผิดกับชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันที่รู้จักเธอดี ทุกคนต่างก็พากันส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่ายใจให้กับเธอทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่คนบ้านใหญ่เว่ยหรือบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงกัน

บ้านเว่ยแบ่งออกเป็นสองบ้าน บ้านใหญ่จะปกครองโดยคุณปู่เว่ยและจะส่งต่อให้ลุงใหญ่ นอกนั้นก็จะมีปู่ ย่า ลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ แล้วก็ลูก ๆ ของเขา ส่วนบ้านรองเว่ยก็จะเป็นบ้านของเว่ยอ้ายเหม่ย ซึ่งสมาชิกในครอบครัวจะมีพ่อ แม่ เว่ยอ้ายเหม่ย พี่ชายสองคนและพี่สะใภ้อีกสองคน แล้วก็ยังมีหลานชายกับหลานสาวอีกสองคน

เว่ยอ้ายเหม่ยเป็นหญิงสาวที่ขี้เกียจ ไม่ชอบทำงานบ้านและเอาเปรียบทุกคนในบ้านอยู่เสมอ วันทั้งวันไม่ยอมอยู่ติดบ้านเพราะเธอไม่อยากทำงาน ส่วนมากก็จะออกไปเที่ยวเล่นที่แม่น้ำ บางวันก็เดินเข้าไปในเมืองแม้จะไม่ได้นั่งเกวียนเพราะไม่มีเงินก็ตาม แต่เด็กสาวก็มีความพยายามที่จะเดินเท้าไปแทน เกิดวันไหนฟ้ามืดหรือหิมะตกแล้วทำให้ต้องอยู่บ้าน เด็กสาวก็จะนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร มีทำแค่สองสามอย่างคือลุกขึ้นมากินข้าว กินข้าว แล้วก็นอนต่อ

“อ้ายเหม่ย ไปไหนมาจนมืดค่ำ ไม่รู้จักกลับบ้าน นี่คงไปเที่ยวเล่นจนลืมเวลาอีกแล้วสินะ” หลี่ฟางเจียวพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวตัวดี เพิ่งจะเดินตามพี่สะใภ้กลับมาบ้าน

“ใช่ค่ะแม่ ไปนั่งเล่นที่ริมแม่น้ำมาค่ะ ที่นั่นเย็นสบายดีนั่งได้ทั้งวัน” เว่ยอ้ายเหม่ยตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน เพราะคิดว่าเธอเองก็ทำแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วแม่จะมีโวยวายกับเธอทำไม

“นี่ถ้าพี่สะใภ้ไม่ไปตาม เธอก็คงไม่กลับมาใช่ไหม” เว่ยอู๋ซินพี่ชายคนรองถามเสียงดุเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมน้องสาวของตนเองถึงได้มีนิสัยแบบนี้ แต่แล้วอย่างไร ไม่ว่าชาวบ้านจะรังเกียจเว่ยอ้ายเหม่ยแค่ไหน แต่สำหรับเขา อย่างไรอ้ายเหม่ยก็คือน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา

“กลับมาสิ ไม่กลับได้ยังไง หิวข้าวจะตาย พี่รองก็ถามแปลก” เด็กสาวตอบกลับพร้อมทำคิ้วขมวดใส่พี่ชาย และคิดว่าพี่ชายถามมาได้อย่างไรคำนี้ หากไม่กลับบ้าน แล้วจะให้เธอไปหาข้าวกินที่ไหนกันล่ะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel