10 : เจ้ากล้าสาบานไหมซือซือ
หลังจิบน้ำต้มจอกที่สองจนหมด นางถานถึงรู้สึกหายใจคล่องคอขึ้น อาการไอก่อนหน้าหยุดลง ตัวนางนั้นย่อมรู้ดีว่ามันจะหยุดแค่ชั่วคราว สักพักจะกลับมาไอรุนแรงอีกครั้ง เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา
“เอาล่ะ ๆ ข้าดีขึ้นมากแล้ว มาว่าเรื่องของเจ้าต่อซือซือ เจ้ารีบไปเก็บของแล้วตามข้ากลับบ้านเถอะ”
เซี่ยซือซือมองนางถานอีกหน มองให้ลึกไปถึงความเป็นจริงตรงหน้า ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ บ้านหลังเก่าทรุดโทรมแห่งนี้ ด้วยอายุของเจ้าของร่างกับอายุของน้องทั้งสองคน อันตรายเกินกว่าจะปล่อยให้อยู่ตามลำพังได้
“ท่านป้าถานเจ้าคะ ท่านรู้เรื่องแยกบ้านของข้าแล้วใช่ไหม”
“ข้าย่อมรู้ดี ข้าไปหาแม่เฒ่าเซี่ยมาก่อนหน้า นี่ใบซื้อขายตัวของเจ้า” นางถานดึงเอกสารซื้อขายตัวออกมาจากอกเสื้อตนเอง “แต่แม่เฒ่าเซี่ยไม่ยอมพาเจ้าออกมาให้ข้า บอกว่าแยกบ้านกันแล้วให้ข้ามาตามเจ้าที่บ้านสามเอง พวกเขาช่างกั้นกำแพงได้รวดเร็วยิ่งนัก ข้าล่ะนึกแปลกใจจริง ๆ”
เซี่ยซือซือสัมผัสได้ถึงความเห็นอกเห็นใจในคำพูดของนางถาน พลอยทำให้นางรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย อย่างน้อยแม่สามีของนางก็ไม่ได้มีจิตใจเลวร้ายเหมือนแม่เฒ่าเซี่ย เรื่องนี้มีผลต่อการตัดสินใจของนางด้วย
“ท่านป้าถานเจ้าคะ อาซานของข้าถูกทำร้ายจนไม่ได้สติ ตอนนี้ยังนอนแน่นิ่งอยู่ในห้อง ข้าไม่อยากจากน้อง ๆ ไปในยามนี้เลย ขอเวลาให้ข้าได้ดูแลพวกเขาสักปีสองปีได้หรือไม่”
“เจ้าเอ่ยอันใดออกมาซือซือ ข้าจะไปรอถึงวันนั้นได้อย่างไรกัน !” นางถานหน้าถมึงทึงขึ้นในทันใด นางยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ
“หากข้าไปกับท่านวันนี้ แล้วน้อง ๆ ของข้า ใครจะดูแลล่ะเจ้าคะ”
“เจ้าก็ช่างโง่นัก อยู่ดีไม่ว่าดีไปขอแยกบ้านออกมาทำไม อย่างไรเสียวันนี้เจ้าก็ต้องกลับไปกับข้า แม่เฒ่าเซี่ยรับเงินไปแล้ว ใบซื้อขายตัวก็อยู่ในมือข้า เจ้าอย่าได้คิดเบี้ยวข้าเด็ดขาดซือซือ !” นางถานไม่ยอมใจอ่อนเด็ดขาด เรื่องนี้นางตัดสินใจแน่วแน่มาตั้งแต่ต้น กระทั่งลูกชายของนางก็ห้ามไม่ได้
เซี่ยซือซือเม้มปากเข้าหากันแน่ ข้อเสนอนี้ถูกนางถานปัดทิ้งอย่างไม่แยแส นางสูดลมหายใจเขาปอดลึก ๆ “เช่นนั้นท่านป้าถานพอจะให้น้องทั้งสองคนของข้า ไปอยู่ด้วยได้หรือไม่”
“อันใดนะ !”
“ท่านป้าถาน ท่านใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะไม่รบกวนเงินทองของท่านเด็ดขาด เรื่องอาหารการกินข้าจะเป็นคนจัดหาให้น้อง ๆ เอง ส่วนที่อยู่อาศัยขอห้องเก็บของ หรือห้องเก็บฟืนก็ได้เจ้าค่ะ”
“เจ้า ! เจ้าช่างกล้า มาร้องขอในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้นะซือซือ”
“ท่านป้าถานข้าขอร้องท่าน ได้โปรดเมตตาพวกข้าสามคนพี่น้องด้วยเถิดเจ้าคะ” เซี่ยซือซือใช้ไม้ตายคุกเข่าขอร้อง
แอด ! เซี่ยซือหยางที่แอบฟังอยู่ในห้อง เปิดประตูออกมาดึงเสื้อพี่สาว พร้อมร้องตะโกนปาว ๆ ออกมา “ท่านพี่ ๆ ท่านอย่าไปนะ ท่านอย่าไป !”
“เสี่ยวซือหยางเจ้าทำอันใด เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยพี่สาวเจ้าเสีย” เสี่ยวซือหยาง เป็นชื่อที่คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน ใช้เรียกขานเด็กน้อยอย่างเซี่ยซือหยาง
“ท่านป้าถาน ท่านอย่าเอาท่านพี่ข้าไปเลย แง ๆ ๆ” ไม้ตายอีกคนมาช่วยเซี่ยซือซือแล้ว นางกลอกตาอยู่ในใจ น้องชายของนางจะเสแสร้งเก่งเกินไปแล้ว
กระนั้นนางถานก็ยังนั่งนิ่งไม่ยอมรับปากใด ๆ
เซี่ยซือซือพยายามคิดหาเหตุผลในการขอร้อง เรื่องไหนสำคัญสุดสำหรับนางถาน ปัง ! เสียงพลุแตกดังขึ้นในใจ เมื่อนางคิดออกแล้ว ใครที่นางควรเอ่ยถึงในยามนี้
“ท่านป้าถานข้าขอร้องท่าน ได้โปรดอย่าพรากพวกเราสามคนพี่น้องออกจากกันเลยนะเจ้าคะ ข้าสัญญาว่าข้าจะเป็นภรรยาที่ดีของลูกชายท่าน จะไม่มีวันทอดทิ้งเขาเป็นอันขาด” น้ำเสียงอันหนักแน่นของเซี่ยซือซือ ส่งผลให้บรรยากาศรอบตัวดูน่าเชื่อถือขึ้นมา
แววตาของนางถานไหววูบ เพราะคำว่าพูดสุดท้ายของเซี่ยซือซือ จ้องมองเด็กสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า ด้วยสายตายากจะคาดคะเนได้ “ที่ว่าจะไม่มีวันทอดทิ้งจ้านเออร์ของข้า เจ้ากล้าสาบานไหมซือซือ”
“กล้าเจ้าค่ะ ข้าเซี่ยซือซือขอสาบานต่อหน้าฟ้าดิน ขอเพียงท่านป้าถานยอมให้น้องทั้งสองคนของข้า ติดตามข้าไปอยู่ที่บ้านของท่านด้วย ข้าจะไม่มีวันทอดทิ้งพี่ถานจ้าน ลูกชายของท่านป้าถานเป็นอันขาด หากผิดคำเมื่อใด ขอฟ้าดินจงลงทัณฑ์ ให้ไม่ได้ตายดี !”
“ท่านพี่...” เซี่ยซือหยางตะลึงในคำสาบานอันทรงพลังของพี่สาว ถึงขั้นน้ำตาแห้งเหือดในทันที
นางถานถอนหายใจเบา ๆ ออกมา มองสองพี่น้องที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอีกครา พลันสะท้อนความรู้สึกหดหู่ใจขึ้นมา ภายในห้องนั้นยังมีเด็กอีกคนที่นอนไม่ได้สติอยู่
“เจ้าต้องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจนะซือซือเรื่องคำสาบานของเจ้าในวันนี้ และจงตระหนักไว้ว่าบ้านข้านั้นยากจน ไม่สามารถเลี้ยงดูน้องทั้งสองคนของเจ้าได้”
“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับข้าเจ้าค่ะ ข้าบอกท่านแล้วว่าข้าจะรับผิดชอบเรื่องอาหารการกินของพวกเขาเอง ไม่ให้กระทบลูกชายท่านป้าถานอย่างแน่นอน”
“เช่นนั้นเจ้าไปเก็บของเถอะ”
“ท่านป้าถานแล้วน้องของข้าล่ะเจ้าค่ะ”
“เมื่อเจ้ากล้าสาบานว่าจะไม่ทอดทิ้งจ้านเออร์ของข้า ข้าย่อมยินยอมให้น้องของเจ้าไปอยู่ด้วย รีบไปเก็บของเถอะ ส่วนซานซาน...”
“ข้าจะแบกนางไปเองเจ้าค่ะ”
“เจ้าแบกไหวรึ” นางถานทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ
“ไหวเจ้าค่ะ ข้าวของของพวกเราสามพี่น้องไม่ได้มีอะไรมาก แค่เสื้อผ้าคนละสองสามชุดกับผ้าห่มผืนเก่า ๆ”
“เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าหิ้วของเอง ส่วนซานซานเจ้าแบกนางไปก็แล้วกัน”
“ขอบคุณท่านป้าถานมากเจ้าค่ะ น้องเล็กรีบโขกหัวขอบคุณท่านป้าถานเร็วเข้า พวกเราไม่ต้องแยกจากกันแล้ว” นางกระตุกแขนเสื้อน้องชายเบา ๆ เซี่ยซือหยางหัวไวใช่เล่น รีบทำตัวพี่สาวในทันที
“ขอบคุณท่านป้าถานขอรับ”
สองพี่น้องโขกศีรษะขอบคุณนางถาน ความจริงแล้วเด็กน้อยเซี่ยซือหยางนั้นมิได้รู้ความมากนัก เพียงแต่กระทำเลียนแบบพี่สาวของตัวเองเท่านั้น
เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา ผู้ใหญ่หนึ่งกับเด็กอีกสามก็มาถึงประตูบ้านสกุลถาน ซึ่งตั้งอยู่ตรงตีนเขาฝั่งตะวันออกของหมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ความจริงแล้วหมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่มีอยู่สามสิบกว่าหลังคาเรือน ทุกเรือนใช้แซ่อวี่เหมือนกันหมด
เมื่อสิบกว่าปีก่อน บ้านสกุลเซี่ยกับบ้านสกุลถาน เป็นผู้ลี้ภัยน้ำท่วมมาจากเมืองอื่น ทางการได้จัดหาที่ดินอยู่อาศัยให้ที่หมู่บ้านแห่งนี้ อีกทั้งยังให้ผู้ใหญ่บ้านมอบที่นาทำกินให้ตามความเหมาะสมอีกด้วย ยามนั้นนางถานเป็นเพียงแม่ม่ายลูกยังเล็ก ไม่ถนัดทำนาจึงปล่อยให้คนเช่าไป ต่างจากบ้านสกุลเซี่ยที่มีคนเยอะสามารถใช้แรงงานได้ดี
บ้านถานมีลานหน้าบ้านค่อนข้างกว้าง ด้านในเป็นห้องโถง ด้านข้างเป็นห้องครัว ภายในมีสามห้องนอน สภาพบ้านค่อนข้างเก่า มีร่องรอยซ่อมบำรุงอยู่บ่อยครั้ง นับว่ายังดูดีกว่าบ้านเก่าของเซี่ยซือซือ
“ซือซือข้าเตรียมห้องไว้ให้เจ้าแล้ว เจ้าพาซานซานเข้าไปด้านในก่อนเถอะ” นางถานเดินนำหน้าสามพี่น้อง เข้าไปยังห้องฝั่งปีกขวา
“ห้องนี้มีเตียงเดียว พวกเจ้านอนเบียดกันหน่อยก็แล้วกัน”
“ได้เจ้าค่ะท่านป้าถานพวกข้าอยู่ได้ นี่ยังดูดีกว่าที่บ้านเก่าของพวกข้าอีกเจ้าค่ะ” เซี่ยซือซือค่อย ๆ วางน้องสาวลง นางแสดงได้แนบเนียนมาก จนเผลอคิดไปว่านางหลับอยู่บนหลังของตนเสียแล้ว
“ให้ซานซานอยู่ที่นี่ ส่วนพวกเจ้าสองคนตามข้าไปทักทายจ้านเออร์ก่อน”
“เจ้าค่ะ” เซี่ยซือซือจูงมือน้องชายเดินตามหลังนางถาน ไปยังห้องฝั่งปีกซ้าย คาดว่าคงเป็นห้องนอนของถานจ้าน
นางถานหยุดอยู่หน้าประตู “จ้านเออร์แม่ของเจ้าเอง”
“ขอรับท่านแม่” มีเสียงตอบรับจากคนด้านใน นางถานจึงยื่นมือไปเปิดประตูออก
ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง แสงแดดทอแสงเข้ามาให้เห็นถานจ้านในชุดผ้าฝ้ายสีขาวหม่น ใบหน้าหล่อเหลาแลดูดั่งเทพเซียนก็ไม่ปาน ช่างไม่เข้ากับความยากจนของบ้านหลังนี้เลย บนโต๊ะมีกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวอักษร เหมือนเขากำลังคัดลอกตำราอยู่
“เจ้ามองพอรึยัง” น้ำเสียงตวาดด้วยความหงุดหงิด ที่ถูกเด็กสาวผอมแห้งจ้องมองจนเขาแทบพรุนไปหมดทั้งตัว
“เอ่อ ข้า” เซี่ยซือซือติดอ่างในทันที นางถูกรูปลักษณ์เด็กหนุ่มคนนี้ทำให้ตกตะลึงได้อย่างไร ก็แค่เด็กวัยรุ่นหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง ไม่ได้ ๆ นางจะมาหลงใหลในรูปร่างหน้าตาของผู้ชายไม่ได้ ว่าไปเขาคงสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรเห็นจะได้ หากยืนขึ้นคงจะรู้ชัดกว่านี้
“ข้าชื่อเซี่ยซือหยาง แต่คนอื่นมักเรียกข้าว่าเสี่ยวซือหยางขอรับ” เจ้าตัวน้อยกลับมีสติดีกว่าพี่สาว แนะนำตัวเองเสร็จสรรพ
“ข้าชื่อเซี่ยซือซือ ท่านเรียกข้าว่าซือซือก็ได้” ใครจะคาดคิดว่านางจะเกิดอาการประหม่า ต่อหน้าเด็กหนุ่มน้ำแข็งคนนี้ เพียงเขาปรายตามองมา นางก็กลายเป็นฝุ่นผงในอากาศไป สีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์แบบนี้คืออะไร นางยังไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้เขาเสียหน่อย
ถานจ้านปรายตามองเซี่ยซือหยาง ที่สูงยังไม่ถึงเอวของเซี่ยซือซือด้วยซ้ำ หัวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันแน่น หันไปทางมารดาด้วยสายตาซับซ้อน “เหตุใดถึงมีเด็กมาด้วยล่ะท่านแม่ ไม่ใช่ว่าท่านซื้อภรรยามาให้ข้าหรอกหรือ นางมีลูกติดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”