บทที่ 5 สั่งสอน
“กรี๊ด!” จ้าวหม่านฟางกรีดร้องออกมาเมื่อถูกหยางเพ่ยตงอุ้มพาดบ่าและเดินออกไปจากจวนขององครักษ์ นางโวยวายและด่าทอชินอ๋องมาตลอดทาง
“เจ้ากล้าที่จะตบข้า!”
หยางเพ่ยตงวางนางลงในตำหนักของเขาเรียกว่าแทบจะโยนนางเลยดีกว่า จ้าวหม่านฟางกำลังคิดหาทางหนีและก็ไม่พ้นน้ำมือของชินอ๋อง
“เจ้าจะทำอะไร ปะ ปล่อย”
“ข้าจะฆ่าเจ้า” หยางเพ่ยตรงบีบคอนางด้วยความโกรธแต่พอได้สติว่าทำเกินไปเขาจึงปล่อยนาง แข้งขาอ่อนแรงจนจ้าวหม่านฟางล้มไปกองอยู่ที่พื้น
“ทหาร!”
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
“ในเมื่อเจ้ารู้สึกผิดนั้นก็ถูกโบยเช่นเดียวกับองครักษ์ของข้า” หยางเพ่ยตงให้ทหารนำพระชายาออกไปและสั่งโบยสิบครั้ง ข้าวของเครื่องใช้จึงถูกหยางเพ่ยตงกวาดลงมากองที่พื้นด้วยความโมโหและสับสนต่อความรู้สึกของตัวเอง เขาไม่รอช้าที่จะเดินตามจ้าวหม่านฟางไป
เฟียบ!
เสียงแซ่ฟาดลงที่กลางแผนหลังของนาง จ้าวหม่านฟางไม่แม้แต่จะกรีดร้องออกมาน้ำตาไหลพรากไม่ใช่เพราะความเจ็บแต่เป็นความเสียใจที่ถูกกระทำเช่นนี้ นางผิดที่เผลอควบคัมสติไม่อยู่ลงไม้ลงมือกับชินอ๋อง
“ฮึก คุณหนูเจ้าคะ” เข่อซิงร้องไห้ออกมายามที่แซ่หวายถูกฟาดลงที่กลางแผ่นหลัง นางเลี้ยงดูคุณหนูมาอย่างดีไยท่านอ๋องถึงใจร้ายกับพระชายา
“ขะ ข้ามิเป็นไร” เจ็บกว่านี้นางก็เคยผ่านมาแล้วจ้าวหม่านฟางนอนคว่ำอยู่บนเตียงกว้างโดยมีบ่าวรับใช้กำลังทายาลงที่แผ่นหลังของพระชายา แผ่นหลังที่ขาวเนียนเวลานี้เต็มไปรอยแผลจากการถูกโบย
“เข่อซิงโกรธท่านอ๋องนัก เข่อซิงเลี้ยงดูคุณหนูมาอย่างดี” ทุกคำพูดที่ออกมาจากปากของบ่าวรับใช้ หยางเพ่ยตงที่อยู่หน้าห้องบรรทมจึงได้ยิน สีหน้าและแววตาไม่บ่งบอกอะไรเขาสั่งให้คนเอายามาให้พระชายา หยางเพ่ยตงจึงกลับตำหนัก
“ข้าจะออกไปลาดตระเวนชายแดน”
หยางเพ่ยตงไม่อยากว้าวุ่นเรื่องของจ้าวหม่านฟางจึงออกเดินทางเพื่อไปลาดตระเวนแถวชายแดนเป็นเวลาหนึ่งเดือน ความรู้สึกในหัวใจปั่นป่วนไม่หยุด
จ้าวหม่านฟางหายดีแล้วและไม่ได้ข่าวคราวของพระสวามีอีกเลย นางปลูกดอกไม้รอบตำหนักและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายหากวันไหนว่างก็จะไปสอนหนังสือให้กับเด็กน้อยที่ยากจน หนึ่งเดือนที่หยางเพ่ยตงหายไปจากชีวิต
“ท่านอ๋องทรงออกลาดตระเวนที่ชายแดนเพคะ”
“เข่อซิงข้าอยากรู้หรืออย่างไร” จ้าวหม่านฟางมิอยากได้ยินถึงคนผู้นั้นวันนี้นางจะเดินทางกลับไปเยี่ยมท่านพ่อโดยไร้เงาของพระสวามี นางกับเข่อซิงนักรถม้ามาหยุดอยู่ที่หน้าจวน
“หม่านฟาง” จ้าวลี่หมิ่นเห็นน้องสาวเดินเข้ามาในจวนนางมองหาชินอ๋องผู้โหดเหี้ยมแต่ก็ไร้เงาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก หากชินอ๋องเดินทางมาด้วยนางคงกลัวจนหัวหด หน้าตาคงอัปลักษณ์เพราะนางไม่เคยเห็นใบหน้าของหยางเพ่ยตง
“ไร้เงาพระสวามีถูกไล่กลับมาจวนหรืออย่างไรข้ามิให้เจ้ากลับจวน”
“หมิ่นเอ่อร์ไยเจ้าพูดกับน้องเช่นนี้” ประมุขของบ้านเดินเข้ามาหาบุตรสาวคนเล็กที่แต่งงานออกเรือนไปกับชินอ๋องโดยสมรสพระราชทาน
“ท่านพ่อสบายดีหรือไม่เจ้าคะ” จ้าวหม่านฟางพาท่านพ่อมานั่งที่โต๊ะและพูดคุยกันหลายคำ นางเพิ่งทราบข่าวว่าพี่ใหญ่พรือจ้าวเสียหยุนออกเรือนไปแล้ว
“พ่อมิได้บอกข่าวแก่ลูกเพราะตอนนั้นลูกป่วย” เขาได้ยินข่าวว่าลูกสาวคนเล็กตัดสินใจจะจบชีวิตตัวเองก็เศร้าใจยิ่งนัก แถมยังถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปพบหน้าลูก
“คงจะถูกท่านอ๋องไล่กลับมาหรืออย่างไรถึงกลับมาตัวคนเดียว” จ้าวหลานหรงแม่เลี้ยงของจ้าวหม่านฟาง นางไม่ชอบลูกอนุภรรยาคนนี้เพราะใบหน้าช่างสวยยิ่งหนักแต่ลูกของนางกลับเป็นรองทุกอย่าง
“หลานหรงวันนี้ลูกกลับมาเหนื่อย ๆ หยุนเอ๋อร์จะกลับมาจวนวันนี้ลูกรอพบพี่ใหญ่หน่อยเถิด”
จ้าวหม่านฟางรับปากว่าจะอยู่รอเจอจ้าวเสียหยุนนางจึงเข้าไปไหว้บรรพบุรุษและแม่ของนางน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้เหมือนกับว่าจ้าวหม่านฟางจะรับรู้ได้
“ลูกมาเยี่ยมท่านแม่แทนนางจ้าวหม่านฟางคนนี้จะไม่ยอมตายเด็ดขาด” จ้าวหม่านฟางปักธูปลงและกราบไหว้นางนั่งอยู่สักพักจึงคิดถึงเรื่องราวในวัยเด็ก
จ้าวหม่านฟางเป็นลูกของจ้าวไห่ลี่เป็นคุณหนูสามที่เกิดจากอนุภรรยาแม่ใหญ่และพี่สาวทั้งสองจึงไม่ชอบนาง ท่านแม่ของจ้าวหม่านฟางเสียชีวิตตั้งแต่นางยังแบเบาะ นางจึงอาศัยอยู่ในจวนเหมือนบ่าวรับใช้คนหนึ่ง
“คุณหนูเจ้าคะท่านประมุขให้มาตามคุณหนูไปทานข้าวเจ้าค่ะ”
“ข้าจะตามไป”
จ้าวหม่านฟางมานั่งที่โต๊ะตรงหน้ามีสำรับมากมายพร้อมกับคำดูถูกถากถ่างไม่หยุด
“พี่ต้องขออภัยน้องสามที่ปล่อยให้ออกเรือนกับท่านอ๋อง” จ้าวเสียหยุนนึกเสียดายหยางเพ่ยตงและไปแต่งงานกับลี่ถังที่เป็นเศรษฐีถังแตกหลอกนางสารพัดวันนี้นางต้องหนีกลับมาบ้านเพราะถูกโขกสับไม่ได้
“พี่ใหญ่อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ หม่านฟางยังไม่คิดมากเลยแต่จะฆ่าตัวตายแทน” จ้าวลี่หมิ่นยังไม่หยุดนางเกลียดจ้าวหม่านฟางที่สุด
“หมิ่นเอ้อร์!”
“ท่านอ๋องมิได้เดินทางมาด้วยหรือน้องสาม” จ้าวเสียหยุน อยากพบหน้าชินอ๋องละอยากขออภัยด้วยตัวเองที่ครั้งนั้นนางปฏิเสธ หยางเพ่ยตง
“ท่านอ๋องออกลาดตระเวนเจ้าค่ะ” นางมิรู้ว่าเขาจะกลับมาตอนไหนหรือตอนนี้จะอยู่แห่งหนใด
“ใบหน้าท่านอ๋องคงจะอัปลักษณ์น่าดูฆ่าได้แม้กระทั่งท่านพ่อของตัวเอง”
“หมิ่นเอ้อร์! เจ้าเงียบปากเสียเรื่องแบบนี้ห้ามพูด” ประมุขของบ้านพูดเสียงดังหากใครมาได้ยินเข้าจวนของเขาคงจะเหลือแต่ชื่อเสียง
“ลูกพูดจริงเจ้าค่ะนางกลับมาจวนก็กลับมากับบ่าวรับใช้ ท่านอ๋องรักนางจริงคงมิปล่อยให้นางกลับมาคนเดียว” คุณหนูรองยังคงไม่ยอมแพ้นางอยากจะเจอหน้าของชินอ๋อง
“พี่รองจะอยากรู้ไปทำไมหรือเจ้าคะ”
“ได้แต่งตั้งเป็นพระชายาสักวันคงจะกลายเป็นอนุเหมือนท่านแม่ของเจ้า แพศยา” จ้าวลี่หมิ่นจ้องใบหน้าของนางและยั่วยวนกวนโทสะของจ้าวหม่านฟาง แต่นางมิรู้ว่าจ้าวหม่านฟางคนเดิมไม่มีแล้ว
“ปากสกปรกแบบนั้นต้องเจอกับข้า!”
เพียะ!
“กรี๊ด ท่านพ่อ!”
จ้าวลี่หมิ่นกรีดร้องออกมาเมื่อถูกจ้าวหม่านฟางตบหน้าทุกคนที่อยู่บริเวณต้องตกใจไม่คิดว่าคุณหนูสามจะกล้าทำเช่นนั้น จ้าวหลานหรงเห็นเช่นนั้นจึงทนไม่ไหว
“เจ้ากล้าทำลูกสาวของข้า” จ้าวหลานหรงง้างมือจะตบจ้าวหม่านฟางกลับแต่มีเสียงม้ามาหยุดอยู่ที่จวนพร้อมกับร่างหนาของหยางเพ่ยตงที่เดินมาหยุดที่ข้างกายของจ้าวหม่านฟาง
ร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหล่าทำให้จ้าวลี่หมิ่นจ้องพระพักตร์อย่างไม่วางตา แต่สายตาของชินอ๋องทำให้ทุกคนต้องหลุบตามองต่ำและทำความเคารพ