บทที่ 1 นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมโธยา
จ้าวหม่านฟาง หรือ ฟางฟาง นักศึกษาวัยยี่สิบเอ็ดปีภาควิชาวิศวกรรมโยธาและผังเมืองตอนนี้สาขากำลังพามาดูงานที่ต่างเมืองเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืน
“เมื่อคืนฉันฝันไม่ดีเลย”
“เธอฝันว่าอะไร” มีมี่กำลังก้มหน้าก้มตามองไปที่จอโน๊ตบุ๊คที่กำลังเขียนรายงานอยู่สองสาวเป็นเพื่อนสนิทกันมานานตั้งแต่เรียนมัธยมด้วยกัน
“ฝันว่าฉันจมน้ำตาย” จ้าวหม่านฟางกำลังคิดหนักกับสิ่งที่ตัวเองฝันเพราะเหมือนความจริงมาก ความรู้สึกที่ตอนเธอกำลังจะขาดอากาศหายใจช่างทรมานเหลือเกิน
“ฟางฟางแกนอนน้อยไปหรือเปล่า”
“ฉันอาจจะคิดมากไปเอง”
จ้าวหม่านฟางหญิงสาวที่สู้ชีวิตถีบตัวเองจนได้เข้ามหาลัยดีๆ แต่ก็ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอมที่แพง ที่บ้านพ่อของเธอแต่งงานใหม่และมีลูกติดแม่เลี้ยงมาหนึ่งคน
แม่เลี้ยงต่อหน้าพ่อก็ทำดีกับเธอพอหลับหลังก็ด่าทอเธอสารพัดพร้อมกับลูกเลี้ยงที่จองหองกล้าใช้เธอราวกับคนใช้คนหนึ่ง จนมีเรื่องแตกหักที่ทำให้เธอถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน
“เห้อออ”
จ้าวหม่านฟางถอนหายใจออกมาเมื่อคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาพ่อไม่รักเธอแล้วตั้งแต่แต่งงานใหม่ ลูกเลี้ยงพูดอะไรก็เชื่อไปหมดแต่ไม่ยอมเชื่อลูกตัวเอง วันนี้เธอกำลังทำโครงการโมเดลบ้านจำลองแต่ถูกยัยลูกเลี้ยงนั้นเข้ามาพังโครงงานจนเธอทนไม่ไหวเลยตบไปฉอดหนึ่ง
“กลับถึงมหาลัยเดี๋ยวฉันพาไปทำบุญล้างซวย”
“ก็ได้” ตอนนี้หญิงสาวกำลังเดินดูงานแต่เหมือนว่าวันนี้เธอจะไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไรนักอาจารย์พูดอะไรก็ไม่เข้าหูแถมยังเหม่อลอย
“คืนนี้เรามีปาร์ตี้กันนักศึกษาเตรียมตัวด้วยอนุญาตให้เมาได้เต็มที่”
“เย้ๆๆๆ” สิ้นเสียงอาจารย์ประจำภาควิชาพูดจบก็มีเสียงนักศึกษาร้องด้วยความดีใจเพราะตลอดหลายเดือนที่ผ่านนั้นการเรียนถือว่าหนักหน่วงมาก
“กรี้ดดด ดีใจเว่อร์ฉันจะได้ไปแต๊ะอั๋งหยางเฟย”
“ทำดีแค่ไหนเขาก็ไม่รัก”
มีมี่แอบรักหยางเฟยมาเนิ่นนานแต่ชายหนุ่มก็ไม่เหลียวแลจนจ้าวหม่านฟางนับถือในการตามจีบผู้ชายของเพื่อนสาว
กลางดึกเหล่านักศึกษาต่างพากันมานั่งที่สวนที่ทางโรงแรมจัดให้พร้อมกับร้องรำทำเพลงกันไปอย่างสนุกสนานจนจ้าวหม่านฟางอยากเข้าห้องน้ำจึงขอตัวออกมา
“ฟางฟาง”
“หยางเฟยมีอะไรหรือ”
“คือว่าเรา...” หยางเฟยมีสีหน้าที่ดูเขินอายชายหนุ่มแอบรักจ้าวหม่านฟางมาตั้งแต่ปีหนึ่งที่ติดที่มีมี่กำลังตามจีบเขาอยู่ จึงไม่มีโอกาสที่จะบอกความในใจ
“เรารอฟังอยู่”
“เราชอบ ชอบฟางฟาง!” หญิงสาวยืนนิ่งเหมือนเวลาหยุดหมุนไปเพราะไม่คิดว่าหยางเฟยจะมาตกหลุมรักสาวห้าวแบบเธอแต่เพราะมีมี่กำลังตามจีบหยางเฟยเธอจึงต้องปฏิเสธ
“เราขอโทษนะ”
“เพราะมี่มี่ใช่ไหม แต่เราไม่เคยคิดอะไรกับมีมี่เลยคนที่เราชอบก็คือฟางฟาง” หยางเฟยคว้าข้อมือของจ้าวหม่านฟางมากุมไว้เขาต้องรีบบอกความในใจก่อนที่จะแยกย้ายกันไปฝึกงาน
“หยางเฟยเรา…”
“คบกับเราได้ไหม” หยางเฟยยังคงอ้อนวอนหญิงสาวตรงหน้า จ้าวหม่านฟางก็มีท่าทีลำบากใจพอปากจะบอกจะบอกปฏิเสธเพื่อนสนิทก็เดินเข้ามาพอดี
“มีมี่ มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ”
“เราเข้าใจ” มีมี่เดินจากไปด้วยหัวใจที่แตกสลายเธอถูกเพื่อนรักแย่งคนที่ชอบไปแล้ว มีมี่เดินกลับห้องพร้อมน้ำตาและขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ
“หยางเฟยเราไม่ได้คิดอะไรเราเป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้ว” จ้าวหม่านฟางรีบมาตามหาเพื่อนเมื่อเข้ามาในห้องทุกอย่างกลับเงียบสนิทมีเพียงไฟในห้องน้ำที่เปิดอยู่ จึงเดินเข้าไปเคาะประตูอยู่นานสองนาน
“มีมี่ฟังเราพูดก่อน”
“เราเข้าใจหากฟางฟางจะคบกับหยางเฟยเราก็ยินดี” เธอพูดออกไปแบบนั้นแต่ภายในหัวใจก็เจ็บรู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่รักแต่ก็เสียใจและเกลียดตัวเองที่พาลโกรธเพื่อนไปด้วย
“เราไม่ได้จะคบกับหยางเฟย”
“เราง่วงแล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
จ้าวหม่านฟางได้แต่มองดูเพื่อนที่นอนหันหลังให้ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน และเช่นเดิมเธอฝันอีกแล้วมีหญิงสาวสวยสวมชุดจีบโบราณมากระชากแขนเธอให้เดินตามและบอกว่าฝากดูแลพ่อกับแม่ด้วยจนเธอสะดุ้งตื่น
“สายแล้วเหรอ”
แปดนาฬิกาก็ถึงเวลาขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับมหาลัยมีมี่ยังคงไม่ยอมคุยกับจ้าวหม่านฟางทุกอย่างดูเปลี่ยนไปจนจ้าวหม่านฟางก็น้อยใจว่าเธอทำอะไรผิด
“มีมี่”
หญิงสาวจึงหยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลงและหลับตาลงระหว่างที่รถบัสวิ่งไปตามถนนที่สูงชันฝั่งตรงข้ามมีรถบรรทุกสิบล้อวิ่งสวนเลนข้ามเกาะเข้ามาชนรถบัสอย่างจังจนเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหวและเสียงกรีดร้อง
ตู้ม!
ทุกอย่างหยุดนิ่งราวกับโลกหยุดหมุนรถบรรทุกชนเข้าตรงที่จ้าวหม่านฟางนั่งอยู่ติดริมกระจกทำให้โดนอัดเข้าไปเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็รีบเร่งช่วยคนบาดเจ็บ
จ้าวหม่านฟางรู้สึกเจ็บไปทั่วบริเวณขยับร่างกายไม่ได้อย่างจะเปล่งเสียงเรียกให้คนช่วยแต่ก็ไม่มีเสียงออกมา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปหมด จนเธอค่อยๆหลับตาลงเพราะความเจ็บปวดและลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนที่หัวใจจะค่อยๆ เต้นช้าลงและช้าลง
ข่าวรถบัสนักศึกษามหาลัยชื่อดังชนกับรถบรรทุกดังไปทั่วเมืองโดยมีนักศึกษาหญิงอาการสาหัสหนึ่งคนและคนบาดเจ็บอีกมากมาย
ติ้ด! ติ้ด! ติ้ด!
จ้าวหม่านฟางมองดูทุกอย่างที่เลือนรางไปหมดและมองดูหมอกำลังปั๊มหัวใจของเธอ และเสียงเต้นของหัวใจค่อยๆ เบาลงและเบาลงหญิงสาวยังคลต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพราะร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสโอกาสที่จะฟื้นมีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นหากฟื้นขึ้นมาก็อาจจะไม่ครบสามสิบสอง
เฮือก
จ้าวหม่านฟางลืมตาขึ้นมาและรีบลุกขึ้นสำรวจร่างกายของเธอปรากฏว่ายังอยู่ครบสามสิบสองและไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรกำลังจะก้าวขาลงจากเตียง
“พระชายาทรงฟื้นแล้วหม่อมฉันดีใจมากเลยเพคะ”
“พระชายา!” เธอมองไปรอบๆ กายปรากฏว่าทุกอย่างดูเหมือนในซีรีส์จีนไปหมด หรือว่าเธอกำลังฝันจ้าวหม่านฟางจึงตบหน้าตัวเองจนบ่าวรับใช้ต้องรีบเข้ามาห้าม
“อย่าเพคะพระชายา”
“กรี้ดดด”
จ้าวหม่านฟางกรีดร้องออกมาทำไมเธอถึงมีความทรงจำของเจ้าของร่าง นางชื่อจ้าวหม่านฟางหรือคุณหนูสามผู้อ่อนแอที่ใครๆ ก็รังแกนาง นางกระโดดน้ำตายเพราะเสียใจที่จะได้แต่งงานกับชินอ๋องคนที่นางกลัว
นางถูกท่านพ่อและแม่เลี้ยงเลี้ยงดูราวกับใช้แถมพี่สาวทั้งสองยังชอบใช้นางเยี่ยงทาสและการแต่งงานครั้งนี้ก็เป็นราชโองการจากฮ่องเต้คนที่ต้องแต่งงานกับชินอ๋องคือจ้าวเสียหยุนที่ชินอ๋องโปรดปรานแต่นางดันหนีไปมีคนรักสุดท้ายกรรมก็มาตาที่คุณหนูสาม
“ขะ ข้าเป็นอะไร” เมื่อมาอยู่ในร่างของนางจ้าวหม่านฟางก็ไม่มีปัญหาเรื่องภาษาแถมความทรงจำต่างๆ จะกลับมาด้วยและเจ้าของร่างตัวจริงหายไปไหน
“พระชายาทรงตกน้ำเพคะหลับไปสามวันและหยุดหายใจไปแล้วหม่อมฉันคิดว่าพระชายาจะ…”
“หยุดไม่ต้องเล่าแล้ว” จ้าวหม่านฟางลุกขึ้นเดินไปสำรวจตัวเองที่หน้าคันฉ่องใบหน้าช่างเหมือนกันราวกับแฝดเสียอย่างนั้น แถมชื่อยังเหมือนกัน
คุณหนูสามหรือจ้าวหม่านฟางแต่งงานกับชินอ๋องหยางเพ่ยตงที่ใครๆ ต่างเกรงกลัวจ้าวหม่านฟางจมน้ำในวันเข้าพิธีอภิเษกพอดีจนสุดท้ายก็ไม่ได้เข้าห้องหอ แต่ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้อยากกระโดดน้ำ เหมือนจะมีผลักนางลงไป
หยางเพ่ยตงชินอ๋องผู้เลื่องลือเรื่องความโหดเหี้ยมฆ่าคนได้แบบไม่รู้สึกอะไรเพราะเขาคืออดีตท่านแม่ทัพที่ออกรบมานับไม่ถ้วนก่อนจะถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง มีพระเชษฐาคือหยางจงหมิ่นซึ่งขึ้นครองบัลลังก์หลังจากที่เสด็จพ่อสวรรคต และมีน้องสาวหนึ่งคนหยางเผยอิ่ง
“ท่านหมอหลวงมาแล้วเพคะพระชายาให้หมอหลวงตรวจดูอาการหน่อยเพคะ”
หมอหลวงมองใบหน้าของพระชายาและหลบสายตาแปลกใจยิ่งนักพระชายาจมน่ำและหยุดหายใจไปแล้วแต่กลับมาแข็งแรงเช่นเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“กระหม่อมจะให้ยาบำรุงมาทานจนกว่ายาจะหมดค่อยเลิกพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ามีนามว่าอะไร”
“คุณหนูทรงลืมเข่อซิงแล้วหรือเพคะ” เข่อซิงเป็นบ่าวรับใช้ของจ้าวหม่านฟางมาตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อคุณหนูสามแต่งงานนางจึงพอตามเข้ามารับใช้ด้วย
“เอ่อ ข้าเหมือนจะลืม ๆ อะไรไปบ้าง โอ๊ยข้าปวดหัว”
“พระชายามิเป็นอะไรนะเพคะ”
“ข้าหิวเหลือเกิน” จ้าวหม่านฟางเรื่องกินคือเรื่องใหญ่ไม่รู้ว่าอาหารการกินจะถูกปากหรือไม่ บ่าวรับใช้ก็รีบวิ่งวุ่นกันไปหาสำรับให้พระชายา
“ไยเจ้าไม่ตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย” หยางเพ่ยตงเดินเข้ามาในตำหนักของพระชายาที่ทำเขาขายขี้หน้าประชาชนนางอยากตายเพื่อหนีจากการแต่งงาน
“แค่กๆๆๆ ท่านปล่อยข้า” นางหายใจไม่ออกเมื่อชินอ๋องเข้ามาบีบคอของนางอย่างเต็มแรงจนบ่าวรับใช้ต้องคลุกเข้าก้มหน้าของชีวิตพระชายา
“โปรดชินอ๋องเมตตาพระชายาด้วยเพคะ”
“ปล่อยข้า” จ้าวหม่านฟางน้ำตาไหลลงหล่นใส่มือของชินอ๋องเขาจึงยอมปล่อยนาง องครักษ์ไปรายงานว่านางฟื้นขึ้นมาแล้วและไม่เป็นอะไรด้วยนางกล้าหักหน้าหยางเพ่ยตง
“ออกไปให้หมด!”