บทที่5
บทที่5 ไม่ใช่ครอบครัว
เมื่อตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตเป็นหลิวชิงชิงแล้ว หงเหม่ยจึงลุกจากเตียงนอนเดินไปนั่งที่หน้ากระจกเหลืองบานใหญ่ ภาพของดรุณีน้อยปราฏกรบนกระจก แม้หงเหม่ยจะเคยเห็นหลิวชิงชิงมานับครั้งไม่ถ้วน แต่การได้มาสัมผัสเนื้ออุ่นเช่นนี้นางก็อดที่จะตะลึงในความงามของหลิวชิงชิงไม่ได้
เพราะเหตุนี้ใช่หรือไม่เพียงแค่แรกพบสบตาท่านก็ตกหลมรักนางซ้ำๆ
มือบางลูบไล้ดวงหน้าหมดจร ในตอนนี้หลิวชิงชิงอายุเพียงสิบห้าหนาวยังงดงามถึงเพียงนี้ หากผลิบานเติบใหญ่คงจะกลายเป็นดอกไม้งามที่บุรุษทั้งใต้หล้าอยากดอมดม เข้าใกล้ขอเพียงแค่ให้ได้หลิ่นกลายจากนางสักครั้ง
"นั่งฝันเฟื้องอะไรอยู่" เสียงวีดแหวจากด้านหลัง ทำให้หงเหม่ยจำต้องเอี้ยวตัวหันกลับไปมอง นางชักสีหน้าคนที่เสียมารยาทเข้ามาในห้องโดยที่ไม่แม้แต่เคาะประตู
"เจ้ากล้าทำสีหน้าเยี่ยงนี้ใส่ข้างั้นหรือ" หลิวเจี่ยลี่กระเทือบเท้าเร่าๆ ไม่เคยมีสักครั้งที่พี่สาวของตนจะทำบังอาจทำกับนางเช่นนี้
หงเหม่ยครางรับในคำ ตอนที่ผูกวาสนาของมนุษย์ในภพนี้นางก็ได้อ่านเรื่องราวผ่านสายตา บทละครที่หลิวชิงชิงจะต้องผ่านไปให้ได้คือวิบากของคนในครอบครัว ตอนที่นางลงมาจากสวรรค์ก็พบว่าหลิวชิงชิงจมน้ำสิ้นใจแล้ว แต่ก็พอเดาได้ว่าเพราะเหตุใดหลิวชิงชิงที่ว่ายน้ำไม่เป็นถึงได้จมลงสระบัวได้ คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นย่อมไม่เข้าใกล้สระบัว
หลิวชิงชิงถูกน้องสาวต่างมารดาหลิวเจี่ยลี่ผลักตกน้ำ
หงเหม่ยนั่งก้มหน้า นางกำลังคิดว่าหากเป็นหลิวชิงชิงจะทำเช่นไรกับเหตุการในตอนนี้
"ข้าพดด้วยไม่ได้ยินหรืออย่างไร จมน้ำแล้วกลายเป็นคนหูหนวกบ้าใบ้ไปแล้วหรือ ข้าน่าจะห้ามท่านแม่ไม่ให้ตามหมอมาดูเจ้าเลย น่าจะปล่อยให้ตายไปเสีย ดีกว่าเสียเงินรักษาแล้วก็สภาพไม่เต็มคนเช่นนี้"
เอาว่ะ ถ้าก้มหัวก็ต้องก้มตลอดไป
"ข้าไม่ได้เป็นใบ้หรอกเจี่ยลี่ ข้าแค่ไม่รู้จะตอบเจ้าว่าเช่นไร จู่ๆ เรือนของข้าก็มีแขกไม่ได้รับเชิญ"
"หลิวชิงชิง! เจ้ากล้าว่าข้า เจ้าเสียสติไปแล้วจริงๆ " หลิวเจ่ยลี่อ้างปากค้าง แค่พี่สาวที่สงบเสงี่ยมเจี่ยมตนมาโดยตลอดชัดสีหน้าใส่นางก็ตกใจพอสมความแล้ว แต่ถึงขั้นตกหน้านางกลับเช่นนี้บ้าไปแล้ว
"ข้าไม่ได้เสียสติอย่างที่เจ้าว่าหรอก ข้าเพิ่งฟื้นไข้ ข้าว่าวันนี้เจ้ากลับไปก่อนดีกว่า ข้าอยากพักผ่อน"
"เจ้าไล่ข้า" หลิวเจี่ยลี่ชี้นิ้วใส่ นางกล้าไล่ข้า "ข้าจะฟ้องท่านแม่" นางกระเทือบเท้าออกจากเรือนนอนของหลิวชิงชิง ข้าไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ ในเมื่อจมน้ำแล้วยังรอดมาได้ ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ก็เหมือนตายหลิวชิงชิง
หงเหม่ยส่ายหน้ากับอาการคุณหนูเอาแต่ใจของหลิวเจี่ยลี่ บิดาก็ให้ท้าย มารดายิ่งแล้วใหญ่ทูลหัวทูลเกล้ายิ่งกว่าสิ่งใด
ข้าจะไหวไหมเนี่ย ตำราที่เรียนมาก็มีแต่เกี่ยวกับความรักของหนุ่มสาว แล้วนี่ต้องมาอยู่ในครอบครัวเช่นนี้ ข้าจะรอดไหม
ครอบครัวที่ไม่เหมือนครอบครัวสำหรับหลิวชิงชิง ที่เป็นถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลคหบดีแต่กลับต้องมีชีวิตดีกว่าสาวใช้ในจวนเพียงนิดเท่านั้น
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านเป็นอะไรไหม" จางจิ้งรีบวิ่งเข้ามาในเรือน เมื่อครู่นางเดินสวนกับคุณหนูรอง สีหน้าและอารมณ์รุนแรงราวกับพายลูกใหญ่พัดผ่าน คนที่ต้องรองรับออารมณ์นั้นคงไม่พ้นคุณหนูของนางอีกแล้ว
"ไม่เป็นอะไรหรอก นางไม่กล้าลงมือต่อหน้าหรอก ทำได้เพียงผลัดข้าจากข้างหลังเท่านั้นล่ะ" หงเหม่ยหันไปส่องกระจกและนั่งหวีผมต่อ
"ท่าน รู้" จางจิ้งเบิกตากว้าง นางไม่คิดว่าคุณหนูจะรู้ว่าผู้ใดผลักนางตกลงไปในสระบัว
"อือ รู้สิ เจี่ยลี่ไม่อยากให้ข้าเข้าพิธีปักปิ่นที่จะมาถึง ถึงได้ทำอะไรสิ้นคิดเช่นนี้" พิธีปักปิ่นตอนอายุสิบหกหนาว บุตรสาวคนโตและคนรองของคหบดีหลิวจะเปิดตัวเข้าสู่สังคมชั้นสูง แน่นอนคุณชายจากหลายๆตระกูลต้องเข้าร่วม หลิวชิงชิงเปิดตัวด้วยการดีดกู่เจิ้ง และนั่นคือวาสนาท่ทำให้นางได้พบจ้าวเยว่ชิง เหอะชื่อยังมีความหมายคล้ายคลึงกัน พวกเจ้ารักกันขนาดไหนข้าอยากรู้นัก