บทที่ 10 นางหายไปแล้ว
"ข้าไม่ได้หลอก ข้าเคยถูกลอบฆ่าจริง แต่ตอนนั้นเจ้าอยู่ชายแดน และข้าก็รอดปลอดภัยดีวันนี้เพียงแต่แจ้งข่าวให้เจ้ารู้ ข้าบอกเจ้าว่าถูกลอบฆ่า แต่ไม่ได้บอกว่าวันใดเช่นนั้นทุกสิ่งล้วนคือความจริง" ทรงสรวลอีกครั้งอย่างสำราญพระทัย
"กระหม่อมไม่อยากโต้เถียงกับพระองค์ กระหม่อมมีเรื่องสำคัญที่ยังติดค้างต้องสะสางให้หมด กระหม่อมทูลลา"
โจวเจ๋อฮั่นหาได้สนใจไม่ คนผู้นี้พบหน้าเท่านี้ก็พอแล้ว ต่อไปยังต้องได้พบเขาทุกวันเหตุใดต้องรีบร้อน บัดนี้เขามีสิ่งที่สำคัญรออยู่ การคาดคั้นสตรีผู้นั้นว่าเหตุใดจึงเข้าห้องเขามาได้
เหล่ากงกงผู้เป็นบ่าวรับใช้ใกล้ชิดโอรสสวรรค์ถึงกับตาเหลือกเมื่อได้ยินคำกล่าวชวนให้ศีรษะหลุดออกจากบ่าของท่านอ๋องหนุ่มผู้นี้
เหล่ากงกงรู้ว่าฮ่องเต้ทรงรักท่านอ๋องมากเพราะเติบโตมาด้วยกัน แต่ไม่คิดไม่ถึงว่าจะมีใครในใต้หล้านี้กล้ากล่าวคำพูดไม่แยแสฮ่องเต้เช่นนี้
"เดี๋ยวก่อนน้องข้า เสด็จพี่ของเจ้าคิดถึงเจ้ามากขนาดต้องออกอุบายให้เจ้าเข้าวัง เจ้าจะทิ้งข้าไปทำสิ่งใดอย่างนั้นหรือ ข้าอุตส่าห์จัดเตรียมสุราหายากมาเพื่อต้อนรับเจ้า วันนี้ห้ามเจ้าไปไหนทั้งนั้น"
ฮ่องเต้ตรัสเสียงวางอำนาจแต่พระเนตรอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง ฝ่าบาทเอื้อมมือมาโอบไหล่ของโจวเจ๋อฮั่นอีกทั้งยังพาเดินไปด้วยกัน
ด้านหน้านั้นโจวเจ๋อฮั่นเห็นแล้วว่ามีอาหารและสุราเตรียมพร้อมมากมายเพียงใด วันนี้เขาไม่มีอารมณ์ดื่มแล้วจึงเอ่ยขึ้น
"กระหม่อมเหนื่อยต้องการพักผ่อน นี่ดึกมากแล้ว"
"เจ้าอย่าดื้อ ดื่มสุรากับพี่เสียหน่อย ที่ผ่านมาข้าผู้เป็นพี่ชายคิดถึงเจ้าจริงๆ เจ้ากลับมาแล้วยังไม่ยอมเข้าวังมาหาข้าจนข้าต้องลวงเจ้าเช่นนี้ ไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือ"
"แต่เสด็จพี่ กระหม่อมเหนื่อยจริงๆ ได้โปรดเข้าพระทัย"
โจวเจ๋อฮั่นในที่สุดก็เสียงอ่อนลง คนผู้นี้น่าชังนักแต่รู้ทั้งรู้ว่าเขาเจ้าแผนการเพียงใดก็เป็นโจวเจ๋อฮั่นที่ใจอ่อนทุกครั้งไป
"เจ้านี่ดื้อยิ่งนัก ข้ารู้ว่าเจ้าคิดว่าข้าเป็นผู้เอาแต่ใจตนเอง แต่เจ้าไม่รู้ตัวหรือคนที่ดื้อดึงยิ่งกว่าข้าก็คือเจ้าต่างหาก วันนี้อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องร่วมดื่มกับข้า" ตรัสเสร็จฮ่องเต้ก็ลากมืออ๋องหนุ่มมานั่งร่วมโต๊ะ เอาอกเอาใจรินสุราให้เขาจนทำให้เหล่ากงกงอ้าปากค้างอีกครั้ง
ฮ่องเต้ผู้งดงามเคร่งขรึม มักจะมีไอสังหารแผ่รอบพระวรกายอยู่เสมอ พระองค์เป็นที่น่าเกรงขามของเหล่าขุนนาง
บัดนี้กลายเป็นเพียงหนุ่มเสเพลซุกซนเมื่ออยู่กับพระอนุชา ยังไม่ถือพระองค์รินสุราให้ท่านอ๋อง ตอนนี้เหล่ากงกงรู้แล้วว่าใครคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับฝ่าบาท
เหล่ากงกงผู้นี้ขึ้นมารับตำแหน่งกงกงใหญ่ข้างกายฝ่าบาทได้เพียงไม่กี่ปี แทนท่านพ่อบุญธรรมของเขาที่ชราและล้มป่วย
เขาได้รับรู้เรื่องราวของสองพี่น้องมาไม่น้อยแต่เมื่อประสบกับตนเองจริงๆ ก็ยังคาดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะทรงให้ความสำคัญกับท่านอ๋องโจวผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง
หลังจากบังคับน้องชายให้ร่วมดื่มสุราได้ดั่งใจ ฮ่องเต้ผู้หนึ่งเริ่มตรัสรำลึกถึงความหลังตั้งแต่ยังเยาว์วัยกับพระอนุชาด้วยพระองค์ไม่ได้รู้สึกปล่อยวางและมีความสุขมานานตั้งแต่พระอนุชาผู้เป็นทั้งน้องและเพื่อนต้องไปเป็นแม่ทัพรักษาชายแดน
"ฮั่นเออร์ เป็นข้าที่ผิดต่อเจ้าต้องทำให้เจ้าลำบากมาหลายปี วันนี้ขอตอบแทนทุกสิ่งที่เจ้าทำเพื่อข้ามาข้าดื่ม เจ้าดื่ม ร่วมร่ำสุราให้คนอื่นอิจฉาที่ข้ามีน้องชายเช่นเจ้าอยู่ข้างกาย"
"ข้าหาได้ทำเพื่อท่าน ที่ทำเพราะเบื่อท่านที่ร่ำไรเป็นสตรีจนต้องรีบหนีไปอยู่ชายแดนต่างหาก"
"เฮะ เจ้านี่มันยังเป็นคนเดิม ปากร้ายเช่นนี้แหละที่เป็นน้องของข้า มาเราพี่น้องดื่มกันอีกจอก"
โจวเจ๋อฮั่นกลอกตา ฝ่าบาทผู้นี้ต่อหน้าผู้อื่นดูเป็นบุรุษเคร่งขรึม เมื่อมีโทสะก็ตวาดขุนนางจนหวาดกลัวจนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ แต่ครั้นอยู่กับเขาเพียงลำพังกลับทำตัววอแวงอแงเช่นเด็กๆ เขาผู้เป็นน้องคิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกอับจนยิ่งนัก
"คนสองหน้า"
"ใช่เจ้ากล่าวถูกต้อง น้องรัก ข้ามันคนสองหน้า"
โจวเจ๋อฮั่นเงียบแล้ว เขาได้แต่ปล่อยให้พี่ชายรินสุราให้อีกทั้งยังร้องเพลงประหลาดตั้งแต่ครั้นยังเป็นเด็กออกมา
น้ำเสียงหาได้แผ่วหวานน่าฟัง ทำให้เขาเวียนศีรษะยิ่งนัก จวบจนสุดท้ายก็เป็นฝ่าบาทที่ทำให้เขาหัวเราะออกมาจนได้ ความรู้สึกเช่นนี้ใช่ว่าโจวเจ๋อฮั่นจะไม่โหยหา
การห่างกายพี่ชายไปอยู่ชายแดนใช่ว่าเป็นสิ่งที่เขาเลือกเพียงแต่ว่าเป็นสิ่งที่เขาต้องทำด้วยหน้าที่อันใหญ่หลวงที่ติดกายมาตั้งแต่เกิด
สองพี่น้องผู้สูงศักดิ์พูดคุย หัวเราะอย่างสนุกสนาน ฮ่องเต้ยังสนพระทัยฟังท่านอ๋องเหล่าเรื่องราวเมื่อครั้นยังอยู่ชายแดน
เวลาผ่านไปจนล่วงเลยจวบจนฟ้าใกล้สางแล้ว เขาจึงพยุงร่างกายปวกเปียกของพี่ชายไปนอนที่เตียงอีกทั้งยังห่มผ้าให้เขาอย่างเบามือ
ผู้เป็นพี่แม้จะเมาจนคุมสติไม่ได้แล้วมือยังไขว่คว้าหาน้องชาย ปากก็ร่ำร้องจะดื่มต่อให้จงได้
"พ่ะย่ะค่ะ"
เหล่ากงกงผู้คอยรับใช้อย่างซื่อสัตย์รับคำ อีกทั้งยังออกไปสั่งการให้คนเตรียมนำน้ำแกงที่เตรียมไว้แล้วเข้ามาอย่างเร่งด่วน
"ไม่ ข้าไม่ยอมแพ้ คืนนี้ข้าจะร่ำสุรากับเจ้าทั้งคืนน้องข้า ไม่เมาไม่เลิก ไม่เมาไม่กลับ ฮ่าฮ่าฮ่า"
"กระหม่อมทูลลา ทรงแพ้แล้วก็ยอมรับเถิดนี่ก็จะเช้าแล้ว ไม่ออกว่าราชการหรือไร"
"เอาไว้ก่อนเถิด หากข้าไม่ไหวต้องเป็นเจ้าแทนแล้ว"
"กล่าวไร้สาระ"
ท่านอ๋องไม่สนใจฟังเสียงโหวกเหวกดั่งเช่นพ่อค้าขายปลาในตลาดที่ดังออกมาจากโอษฐ์ของฮ่องเต้ผู้เมามายแม้แต่ประโยคเดียว
โจวเจ๋อฮั่นเพียงความเคารพแล้วสะบัดชายเสื้อเดินหันหลังจากมาอย่างสง่างาม เขาเร่งฝีเท้าเพื่อออกจากตำหนักมังกร
ยามนี้จวนจะเช้าแล้วจนบัดนี้ไม่มีใครมารายงานเขาสักคนว่านางผู้นั้นฟื้นหรือยัง
เมื่อพ้นตำหนักเขาพบว่าเจ้าอี้เหวินยืนรอเขาอยู่ด้านนอก ในมือของคนผู้นั้นยังถือพัดเล่มหนึ่งใบหน้างดงามของเจ้าอี้เหวินดูตื่นตระหนกจนเห็นได้ชัด
"ทูลท่านอ๋อง นางหายไปอย่างไร้ร่องรอยพ่ะย่ะค่ะ ทหารเฝ้าประตูรวมถึงทหารยามอีกหลายคน ถูกทำร้ายจนหมดสติด้วยควันสลบ กระหม่อมคิดว่าน่าจะเป็นชายที่มากับแม่นางผู้นั้นเป็นคนพาตัวนางไปเพราะทั้งบ่าวรับใช้อีกทั้งองครักษ์ของนางก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย"