ตอนที่4. ลูกชายของเพื่อนแม่
ขวัญข้าวเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ตามมารยาท เห็นคนตัวสูงหิ้วตะกร้าแมวเดินนำไปที่รถกระบะโฟร์วิลสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก เธอก็รีบวิ่งตามทันที เขาเปิดประตูแล้วแล้ววางเป้กับตะกร้าแมวไว้ที่เบาะนั่งด้านหลัง แต่หญิงสาวรีบคว้าตะกร้าไว้ก่อน
“ขอนั่งกับแมวได้ไหมคะ”
“ถ้าเธอนั่งข้างหลังพี่ก็กลายเป็นคนขับรถนะสิ” ตุลาขมวดคิ้ว
“แล้ว...” หญิงสาวทำตาปริบๆ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี
“นั่งหน้าสิ” ตุลาโคลงศีรษะไปมาแล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ เขามองหญิงสาวร่างผอมบางอย่างแปลกใจ ทำไมตอนเด็กๆ ถึงได้อ้วนนักนะ ตอนนี้เจ้าก้อนกลมๆ หายไหนหมด
หญิงสาวจัดแจงวางตะกร้าแมวตรงพื้นด้านล่าง รถของเขากว้างมากสามารถวางตะกร้าได้สบายๆ เธอปลอบใจเจ้าแมวที่ส่งเสียงร้องแทบตลอดเวลาแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเกรงใจ
“มันจะร้องแบบนี้ตลอดทางหรือเปล่า”
“ขอโทษนะคะ น้องคงกลัว” ขวัญข้าวหน้าเสียกลัวเขารำคาญและไล่แมวไป
“ช่างเถอะ” เขายักไหล่แล้วสตาร์ทรถ “ถนนเส้นหลักถูกน้ำท่วม เราต้องอ้อมไปอีกเส้นนะ ไกลหน่อยแต่ไม่ต้องฝ่ารถติดและน้ำท่วมเข้าเมืองกัน”
“ค่ะ”
“หิวหรือเปล่า กินอะไรมาหรือยัง” ตุลาขับรถออกมาใช้ด้วยความระมัดระวัง ถนนบางช่วงมีน้ำขัง บางช่วงแห้งสนิท เมื่อเช้าเขาขับรถอ้อมอีกอำเภอหนึ่งเลยทีเดียวแต่ก็ดีกว่าเสียเวลากับรถติดที่ต่างคนต่างพยายามจะไปจุดหมายของตน
“ตอนเช้ากินขนมปังกับนมมาแล้วค่ะ”
“ถ้างั้น พ้นเส้นน้ำท่วมแล้ว เจอร้านอาหารจะแวะกินข้าวก็แล้วกัน พี่อยู่บ้านคนเดียวที่บ้านเลยไม่ค่อยมีของสดอะไร เอ่อ...เมื่อวานแม่พี่ก็โทรมาบอกตอนพี่เลิกงานพอดี พี่ยังไม่ได้ทำความสะอาดห้องให้เราเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวข้าวจี่ทำเองได้” เห็นเขาพูดดีด้วย หญิงสาวก็เริ่มผ่อนคลายลง แต่เจ้าแมวยังคงส่งเสียงร้อง เธอจึงเปิดฝาตะกร้าแล้วยื่นมือลูบหัวแมว
“ฟูฟู เป็นเด็กดี อย่างอแงนะ หรือว่าเจ็บแผล”
“แมวเจ็บเหรอ” ตุลาถามพลางปรายตามองแมวในตะกร้า
“ค่ะ น้องหางเป็นแผลค่ะ น่าจะเป็นมานานแล้วจนติดเชื้อ”
“หือ? ไม่ใช่แมวของเราเหรอ” เขาถามอย่างแปลกใจ หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ
“แมวหนีน้ำท่วมมาติดอยู่ที่หอค่ะ” เธอตอบแล้วปิดฝาตะกร้าลง “คนอื่นๆ ย้ายออกไปแล้ว จะทิ้งแมวไว้ก็เป็นห่วง เลยต้องเอามาด้วยค่ะ แต่...ข้าวจี่บอกคุณน้ารัศมีแล้วนะคะ คุณน้าก็อนุญาตให้พาแมวไปด้วยได้ค่ะ”
“ไม่เห็นแม่พูดสักคำว่ามีแมวมาด้วย” ตุลาบ่นงึมงำ แม่ก็รู้ว่าเขาเคยถูกแมวกัดแผลลึกต้องเย็บตั้งสามเข็ม แล้วนี่ให้เขามาดูแลทั้งคนทั้งแมวอีก แม่หนอแม่ เห็นเขาว่างมากหรือไงนะ
“แต่ข้าวจี่บอกคุณน้าแล้วจริงๆนะคะ” เธอยืนยันกลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดว่าโกหก
“อื้ม รู้แล้ว” เขาพยักหน้ารับ “มิน่าถึงบอกว่าหาโรงแรมที่พักไม่ได้ ที่แท้มีแมวมาด้วย”
“โรงแรมอะไรหรือคะ” คราวนี้หญิงสาวงุนงง อาทิตย์ที่แล้วเริ่มมีประกาศเตือนเรื่องการระบายน้ำออกจากเขื่อน เธออยู่ที่นี่มาสองปีแล้ว ปีที่แล้วก็ประกาศแบบนี้แต่น้ำไม่ท่วมหนักขนาดนี้ ที่จริงก็คิดจะออกมาหาห้องพักรายวันอยู่แต่ติดปัญหาที่เธอทิ้งเจ้าแมวฟูฟูไม่ลง เธอปรึกษากับแม่หลังจากนั้นคุณน้ารัศมีก็โทรมาพูดคุยสอบถาม และตกลงให้เธอไปพักที่บ้านในตัวเมืองชั่วคราวจนกว่าทุกอย่างจะเป็นปกติ ซึ่งเธอคิดว่าคงไม่กี่วัน
“แมวหางเจ็บต้องหาหมอไหม” เขาถาม ถึงไม่ชอบแมวแต่จะทำเป็นไม่สนใจก็ไม่ได้
“ค่ะ...” เธอพูดเสียงเบาแล้วลอบสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย “แล้วก็ต้องซื้อกระบะทรายแมวกับทรายแมวแล้วก็อาหารแมวด้วย”
“อื้ม บอกก่อนแบบนี้ก็ดีจะได้ซื้อของก่อนเข้าบ้าน” เขาขับรถออกพ้นเขตของมหาวิทยาลัยแล้ว ถนนเป็นปกติดี แต่อ้อมเส้นนอกเมืองแบบนี้ใช้เวลาชั่วโมงเศษ หากใช้เส้นทางปกติก็เพียงแค่ยี่สิบนาที แต่เพื่อเลี่ยงน้ำท่วมเขาจึงมาเส้นทางนี้ “ถึงแม่จะอนุญาตให้เอาแมวมาอยู่ด้วยได้ แต่ห้ามปล่อยแมวเดินไปมานะ ห้ามปีนป่ายทำผ้าม่านพังไม่ได้เด็ดขาด”
“เข้าใจแล้วค่ะ คุณน้าบอกว่ามีกรงพับได้อยู่ในห้องเก็บของค่ะ”
“อืม น่าจะยังอยู่นั้นแหละ มันเคยเป็นกรงหมามาก่อน แต่หมาตายไปนานแล้วล่ะ” ตุลามองเห็นร้านอาหารข้างหน้าก็เอ่ยปากถาม “อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม หรือมีอะไรที่กินไม่ได้หรือเปล่า”
“ไม่แพ้อาหารค่ะ พี่ตุลย์กินอะไร ข้าวจี่ก็กินแบบเดียวกันได้ค่ะ”
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ว่าง่ายๆ แบบนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย เขาเปิดไฟเลี้ยวแล้วจอดรถที่ร้านอาหารริมทางแต่บรรยากาศดี
“ก๋วยเตี๋ยวเป็ดร้านนี้อร่อยมากนะ”
“แต่ข้าวจี่อยากกินข้าว...”
“แล้วเมื่อกี้บอกว่าพี่กินอะไรก็กินเหมือนพี่ไง”
“ก็นึกว่าจะจอดร้านที่เพิ่งผ่านมานี่...”
“แล้วจะกินไหม ก๋วยเตี๋ยวนะ”
