บทที่ 1
“ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน”
ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี เขาเป็นศิษย์ที่มีความขยัน อดทนมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ในสำนัก มากกว่า2000 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่
ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ
บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองเพียงลำพังตลอดระยะเวลาหลายปีภัยพิบัติคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย
ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างน่าเวทนา
แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก
เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ
การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในตระกูล
ความรักความเอ็นดูจะให้มากเกินไปก็ดูจะไม่ดีต่อตัวเด็กน้อยเป่าฮู่เอง
ดังนั้นอาจารย์จึงปล่อยให้เขาใช้ชีวิตด้วยตนเองเริ่มเรียนรู้ฝึกฝนตั้งแต่ระดับศิษย์ภายนอกของนิกายก่อน
อีกทั้งยังปล่อยให้เขาใช้ความสามารถของตัวเขาเอง ผลักดันตัวเองให้ขึ้นมาจนถึงระดับที่ทุกคนในนิกายยอมรับได้
ด้วยความเพียรพยายาม ความอดทน อดกลั้นทำให้เด็กหนุ่มเป่าฮู่ ที่สู้ฝึกฝนทุ่มเทแรงกายแรงใจ
ด้วยมานะบากบั่นได้นำพาตนเองมาจนถึงตำแหน่งศิษย์ระดับต้นๆ ผู้เป็นศิษย์อันดับหนึ่งของฝ่ายใน
ด้วยความเพียรพยายามเหล่านั้น แต่นั่นก็เป็นวันที่แสนภาคภูมิใจที่แสนสั้นของเด็กหนุ่มเพียงชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อพรรคใหญ่ทั้ง 2 ของแดนศักดิ์สิทธิ์ นำพาเหล่ายอดฝีมือบุกแดนเหนือ ตามคำสั่งของจ้าวแห่งหอคอยยอดยุทธ์ ด้วยสภาพนิกายเสวียนอู่ที่กำลังเสื่อมถอย
เพื่อช่วงชิงตำราลมปราณเทพในตำนานอันทรงพลัง ตำราลมปราณที่เป็นหนึ่งใน 4 ลมปราณที่ยิ่งใหญ่
เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่พรรคสำนักของตน ความโลภเหล่านี้จึงกลับกลายเป็นวาระสุดท้ายของนิกายเสวียนอู่ไปด้วย
เจ้านิกายนาม หลู่กวนผู้นำนิกายเสวียนอู่ด้วยความไม่เอาไหน ไร้พรสวรรค์ จึงทำให้ระดับการบ่มเพาะต่ำต้อยนัก
เพียงหวังให้ทายาทรุ่นต่อๆไปอยู่รอด จึงออกคำสั่งให้ปิดนิกาย และให้ศิษย์ทั้งหลายสลายตัวกลับไปภูมิลำเนาเดิม
จากปัญหามากมายหลายด้านและเป็นการเตรียมสนามรบ ต้อนรับการมาเยือนของ ผู้นำแดนศักดิ์
ชายที่ต่อมาอีก 100 ปี ได้กลายเป็นผู้นำยุทธภพคนแรกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตอนนั้น หลังจากที่ชายหนุ่มนามรับหน้าที่คุ้มกันกล่องไม้ใบเล็กๆให้หนีออกมาจากนิกายด้วยความเร่งรีบ
กลับพบเจอศิษย์นิกายผู้ชั่วช้าทั้งทรยศเหล่าพี่น้องของตน นำพาเหล่าชาวยุทธ์ใต้การนำของแดนศักดิ์สิทธิ์เข้าโจมตีชายหนุ่มเพื่อสมบัติลับ
จนวาระสุดท้ายของชายหนุ่ม ด้วยการนำพาตนเองมาถึงแม่น้ำสายใหญ่ที่เชี่ยวกราดแก่งหินที่สูงและแหลมคม กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราด
จากภูเขาสูงในเขตนอกเมืองเสวียนอู่ทางเหนือ ไหลลงสู่ทะเลดำที่กว้างใหญ่และมากด้วยอันตรายนานาชนิด
ชายหนุ่มตัดสินใจกระโดดลงสู่ห้วงเหวลึก ด้านล่างที่เป็นสายน้ำสุดแสนอันตราย ความเชี่ยวกราดของน้ำที่ซัดสาด ทำให้เกิดแรงกระแทกจนโขดหินต่างๆถูกขัดเกลาจนแหลมคม
แต่เพื่อทำลายกล่องไม้สีดำไปกับตนเองด้วยในคราเดียวกันจำเป็นต้องทิ้งมันลงไปในแม่น้ำสายนี้
แต่ด้วยสิ่งที่เด็กหนุ่มได้ยึดมั่นมาแต่อดีตคือกฏระเบียบของนิกาย
ตัวเด็กหนุ่มไม่มีทางรู้ได้และมิอาจฝืนกฎบังคับของนิกายได้เขาไม่อาจเปิดดูสมบัติลับได้และแล้วโชคชะตาก็เล่นตลก
หลังจากกระโดดลงไปที่เหวลึก กล่องไม้สีดำก็หลุดออกจากมือของเขา ก่อนจะกระแทกเข้ากับโขดหินจนแตกกระจายเพียงเวลาชั่วอึดใจ สิ่งของที่อยู่ในกล่องไม้มาตลอด ได้เผยตัวตนออกมา สิ่งที่ถูกบรรจุอยู่ด้านในกลับเป็นม้วนตำราเล่มหนึ่ง พร้อมก้อนผลึกสีขาวแวววาวราวกับน้ำตาของเทพเจ้า อีกก้อนหนึ่ง ก้อนผลึกที่งดงามนั้นจะแผ่ไอเย็นออกมารอบๆตัวของมันเองอย่างรุนแรง
หลังจากที่กล่องไม้นั้นแตกตัวออกจากลักษณะเดิมที่เคยเป็น
ด้วยแรงกระแทกกับโขดหินสูง เป่าฮู่ เห็นดังนั้นจึงรู้ว่าก้อนสีขาวที่กำลังตกน้ำไปนั้นคือ ผลึกเยือกแข็งหรืออีกชื่อหนึ่งก็คือหัวใจเหมันต์
ยอดสมบัติในตำนานของนิกายเสวียนอู่ที่อาจารย์เคยเล่าให้ฟังเสมอมา
ดังตำนานกล่าวไว้ว่า หัวใจเหมันต์กลั่นมาจากน้ำตาของสัตว์เทพเต่าดำที่ยิ่งใหญ่ และอานุภาพของมันก็ยากจะหยั่งถึง
หากก้อนผลึกแตกออกระยะที่กว้างกว่า 3 ถึง 5 ลี้จะเป็นทุ่งน้ำแข็งไปนานกว่า 1000 ปีนับจากนี้
แต่ของแบบนั้นทวยเทพมิน่าจะมอบลงมายังโลกมนุษย์ช่างเป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลยิ่งนัก
เทพเต่าดำผู้ครอบครองพลังแห่งสายน้ำที่หนาวเหน็บได้กลั่นหัวใจเหมันต์ออกมา ตามบัญชาจอมเทพที่ยิ่งใหญ่และส่งมอบแก่เหล่ามนุษย์ผู้อยู่ในดินแดนทางเหนือ ดินแดนใต้การชี้นำของเทพเต่าดำในอดีต
เพื่อให้เหล่ามนุษย์กลุ่มนั้นได้ใช้ฝึกตนเอง อีกทั้งดูดซับพลังหยิน หนาวเหน็บจนสามารถพัฒนาตนเองต่อไป
............................................................................................
ด้วยไหวพริบที่มีมากมายของชายหนุ่ม ความคิดจะกำจัดศิษย์ทรยศของสำนักที่ติดตามเป่าฮู่มาในระยะ 3 ลี้
เหตุนั้นจึงตามมาด้วยการกระทำที่บ้าบิ่นเช่นนั้น
ก่อนที่หัวใจเหมันต์ร่วงหล่นลงสู่แม่น้ำที่เชี่ยวกราด เป่าฮู่เคลื่อนตัวด้วยพลังลมปราณทั้งหมดที่ชายหนุ่มมี หวังคว้ายอดสมบัติเข้ามาที่ตัว
ด้วยปรารถนาสุดท้ายที่จะได้ชื่นชมก่อนตาย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นการออกแรงบีบหัวใจเหมันต์จนแตกออก โดยไม่ทันรู้ตัวถึงความเปราะบางของผลึกก้อนนั้นและเหตุการณ์ต่อมาก็นับเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เคยมีมา
ก้อนผลึกแตกกระจายในอากาศอยู่นั้นกลับพุ่งเข้าไปในร่างของชายหนุ่ม เพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาของจิตวิญญาณในร่างๆนั้นจนไอเย็นมหาศาลเริ่มแช่แข็งทุกสิ่งตามสายน้ำที่นำพาร่างของชายหนุ่มลอยไปตามสายน้ำ
เมื่อร่างกายของชายหนุ่มดูดซับพลังที่เป็นหัวใจของความเย็นทั้งปวง จนเกิดแก่นแท้น้ำแข็งขึ้นในหัวใจ
แต่ด้วยร่างกายที่ไม่อาจควบคุมพลังอันมหาศาล พลังที่เอ่อล้นออกมาจากผลึกเยือกแข็งนั้น
ไอเย็นที่แผ่กระจายออกมาขณะที่ร่างของชายหนุ่มได้ไหลไปตามลำน้ำ
โดยในมืออีกข้างยังถือม้วนตำราที่ทำขึ้นมาอย่างดีที่สุดด้วยความระมัดระวัง ภาพปรากฏการณ์สายน้ำกลายเป็นธารน้ำแข็งอย่างช้าๆได้เกิดขึ้นแล้ว
ไอเย็นที่ไม่อาจควบคุมได้แผ่กระจายออกมาจากร่างชายหนุ่มจนเส้นผมหรือเส้นขนทั่วร่างผิวหนังถูกแช่นแข็งโดยฉับพลันและพื้นที่โดยรอบที่ร่างชายหนุ่มไหลผ่านเริ่มเกิดเป็นน้ำแข็งทั่วบริเวณในที่สุดร่างของเด็กหนุ่มเป่าฮู่ก็ถูกสายน้ำพัดเข้าไปติดที่ถ้ำแห่งหนึ่ง
เพียงเวลาไม่นานไอเย็นแผ่กระจายออกมาปกคลุม พื้นที่จนกลายเป็นถ้ำน้ำแข็งและแม่น้ำสายนั้นก็เริ่มแข็งตัวกลายเป็นทุ่งน้ำแข็งตามๆกันไประยะของไอเย็นที่แผ่ออกมากลับมากกว่า 5 ลี้
เมื่อเวลาไหลผ่าน ชายหนุ่มผู้ถูกแช่แข็งมานาน ตามกาลเวลาด้วยพลังของ หัวใจเหมันต์ จึงทำให้ชายหนุ่มเป่าฮู่กลายเป็นมนุษย์แช่แข็งและมีแก่นแท้ของน้ำแข็งกำเนิดในหัวใจของชายหนุ่มทำให้ชายหนุ่มอยู่ในสภาวะถูกผนึก
โดยขณะที่ร่างกายถูกแช่แข็งไว้ในถ้ำที่หนาวเหน็บและเป็นศูนย์รวมแห่งไอเย็นจากน้ำแข็งที่น่าอัศจรรย์นั้น
100 ปีผ่านไป
สถานที่แห่งนั้นกลับกลายเป็นจุดที่กำเนิดสำนักยุทธ์ที่มุ่งเน้นการฝึกฝนวิชาธาตุหยิน
จากถ้ำน้ำแข็งแห่งนั้นเสมอมา สำนักเจ้าเมืองของตระกูลหม่าในเมือง อันมีนามว่าซื่อหม่าที่มีระดับชั้นยศที่ยิ่งใหญ่ อันเป็นที่เชิดชูตระกูล ด้วยการมอบชนชั้นของเมืองแห่งนี้จากจักรพรรดิแห่งแดนศักดิ์ (ซื่อ ที่แปลว่าเมือง นั่นเอง)
ณ ถ้ำลับของสำนัก
“ศิษย์น้องในถ้ำนี้ ท่านบรรพชนกล่าวไว้ว่าจะเข้าไปลึกกว่านี้ไม่ได้ เพราะด้านในไอเย็นรุนแรงอยู่มาเป็น100 ปี อาจทำให้พิษเย็นที่หนาแน่นด้านในทำร้ายเจ้าจนต้องบาดเจ็บลงได้หรืออาจนำมาซึ่งความตาย”
เสียงจากศิษย์กลุ่มหนึ่งของสำนักเจ้าเมืองย้ำเตือนเหมือนเป็นคำเตือนแห่งความหวังดีห่วงใย
แต่ใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั้น เบื้องลึกกลับซ่อนมีดที่แหลมคนเอาไว้ด้วยตำแหน่งศิษย์เอกจะมีได้เพียงหนึ่งเดียว วันนี้เด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายนี้กำลังจะถูกกำจัดลงในถ้ำอันมืดมิดนี้ไปตลอดกาล
เพียงกลุ่มศิษย์ภายในกลุ่มนั้นจากไปว่าที่ศิษย์เอกอายุน้อยนางนั้น ก็ได้ถูกเหล่าศิษย์พี่ของนางหักหลัง
ด้วยการรมควันยาสลบในเตาไฟด้านนอก โดยสายลมที่พัดเข้ามาทำให้นางหมดสติไป
ก่อนที่ศิษย์ผู้พี่เหล่านั้นจะนำตัวนางไปทิ้งที่ส่วนลึกด้านในของถ้ำ อันเป็นเขตแดนที่หนาวที่สุด
ก่อนที่นางจะถูกโยนทิ้งไปลูกคุณหนูผู้ดีเหล่านั้นก็จับนางกรอกโอสถพิษปราณหยางพิษที่มีฤทธิ์ร้อนร้ายแรงแฝงอยู่
การทำให้พิษร้อนในกายของนางกัดกินแก่นแท้แห่งชีวิตของนางไปอย่างช้าๆคือผลจากยอดโอสถที่มีราคาสูงจากแดนใต้
เมื่อแผนการเหล่านั้นดำเนินไป พร้อมกับการป้ายร้ายให้ความผิด ให้แก่ศิษย์แซ่เหมยนางนั้น
ด้วยโทษทัณฑ์ที่ไม่อาจให้อภัยในเวลาต่อมาหลังจากเจ้าสำนักรู้เรื่องการขโมยตำราลับของสำนักออกไปด้วยนั้นคือความผิดร้ายแรง
เพียงเจ้าสำนักเข้ามาที่ห้องฝึกยุทธ์ของศิษย์น้อยของตน ก็พบแต่เพียงความว่างเปล่า การหายตัวไปพร้อมเสื้อผ้าอาภรณ์พร้อมทั้งตำราหยินเก้าโคจร
ส่วนแรกที่ได้มาในอดีตข่าวของว่าที่ศิษย์เอกผู้เก่งกล้าอีกทั้งยังมากล้นด้วยพรสวรรค์ แอบขโมยสุดยอดวิชาลับของสำนักไป สิ่งนั้นทำให้นางถูกคาดโทษไว้อย่างสูงสุดหากนางหวนกลับมาที่สำนัก
แต่ขณะเดียวกัน 10 วันผ่านไปในถ้ำเล็กด้านในสุดนั้น ศิษย์นางนั้นตื่นขึ้นมาด้วยผลของโอสถพิษร้อนที่กัดกินร่างกายของนางอย่างทุกข์ทรมาน
หนทางเดียวที่จะทำให้นางรอดตายนั่นก็คือ ขับเอาพลังหยางที่มีในร่างกายออกมา ผู้ฝึกพลังหยินหากพบเจอธาตุปรปักษ์ในร่างหากไม่ขับออกมาให้หมดนั่นหมายถึงชีวิตที่กำลังมอดม้วย สิ่งที่หญิงสาวใช้เวลาต่อสู้มากว่า 10 วันพร้อมความทรมานแสนสาหัสจนในลมหายใจสุดท้าย ความเพียรพยายามกลับสูญเปล่า
อ๊ากกกกกก!
อ๊ากกกกกก !
เสียงแห่งความทรมานใต้ถ้ำที่มืดมิดและหนาวเหน็บกลับมีสตรีนางหนึ่งกำลังทรมานจากฤทธิ์ธาตุไฟเข้าแทรกพิษร้อนทรมานร่างกายของนางภาพความทรมารนั้นทำให้นางเจ็บปวดมากว่า 10 วัน
จนท้ายที่สุดนางไม่อาจฝืนทนได้อีกด้วยพิษร้อนเหล่านั้นกัดกินร่างกายจากภายใน จนตันเถียนของนางถูกพิษร้อนเผาไหม้พิษร้ายชนิดนี้คือหนึ่งในยอดพิษของแดนใต้แดนแห่งเปลวเพลิง
ความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายของนางทำให้แผ่นน้ำแข็งที่ปกคลุม ร่างอันลึกลับของคนแปลกหน้าคนหนึ่งละลายออกมา
พร้อมกับการสิ้นสุดลงของฤทธิ์จากหัวใจเหมันต์ในร่างของ เป่าฮู่เวลากว่า 100 ปีพลังเย็นในหัวใจเหมันต์กระจายออกไปจนอ่อนพลังลง
ไอร้อนจากพิษร้อนในกายเด็กสาวที่ใช้แผ่นหลังที่บอบบางของนางกับแผ่นน้ำแข็งเบื้องหน้าที่มีร่างของเป่าฮู่อยู่นั้นนานกว่า 10 วัน พร้อมปลดปล่อยไอร้อนจนทำให้น้ำแข็งที่เกราะคลุมเริ่มละลาย
ด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้ายของนางที่มี นางเลือกกัดนิ้วตัวเองเขียนจดหมายเลือดระบายความเศร้าโศกลงบนเศษผ้าของนาง เพื่อหวังให้ผู้มาพบเห็นแจ้งข่าวของนางและความเจ็บปวดที่นางได้รับออกมาในครั้งนี้
นางใช้เวลาคิดทบทวนขณะที่ขับพิษร้อนจนเข้าใจ ว่าศิษย์พี่ทั้ง 3 ที่มาขอพบหลังจากที่นางเก็บตัวฝึก อีกทั้งยังนำน้ำชาชั้นดีมามอบแก่นางบังคับให้นางดื่มก่อนที่นางจะหมดสติไปนั้นคือแผนชั่ว
แต่ยาสลบที่นางได้รับไม่ได้มาจากน้ำชาหากแต่เป็นอากาศที่พัดเข้าไปของสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ออกฤทธิ์ร่วมกันกับน้ำชาจนนางสลบไปนั่นต่างหาก
(ข้าแด่ทวยเทพอันศักดิ์สิทธิ์
ข้าเหม่ยฮวา ศิษย์สำนักเจ้าเมือง ขอความเป็นธรรมข้าถูก คนแซ่ ลู่ และคนแซ่หนิว ทำร้ายจนตกมาในสภาพเช่นนี้หากชาติหน้ามีจริงข้าจะกลับมาแก้แค้น)
ด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่หมดไปพร้อมแผ่นน้ำแข็งที่เกราะคลุมร่างของชายหนุ่มปริแตกออกจากการล้มตัวลงไปของสตรีนางนั้น
แคร๊ก!
แคร๊ก!
เพียงเวลาไม่นานต่อจากนั้น แผ่นน้ำแข็งที่เกราะคลุมร่างของชายหนุ่มมากว่า 100 ปี ร่างกายที่ได้รับการปลดปล่อยจากพลังของหัวใจเหมันต์ ก็เริ่มรู้สึกตัวหลังจากนั้นอีก 2 ชั่วยาม