บทที่ 5 รักษา
หลังจากที่นำอาหารไปให้กงเหล่ยแล้ว ไต้ฝูหรงก็กลับมาจัดการล้างถ้วยชามที่เหล่าทหารกินและเอามาแช่ไว้ นางทำงานเหล่านี้ได้อย่างขยันขันแข็ง แต่ไหนแต่ไรนางก็ทำงานพวกนี้มาหลายปีจนชินมือไปเสียแล้ว จึงนับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด
เซียวเย่ยืนมองไต้ฝูหรงอยู่ไม่ไกลด้วยความสนใจ เขาไม่ได้ชมชอบนางฉันท์ชู้สาวอันใดเทือกนั้น เพียงแค่รู้สึกว่าสตรีที่ทรหดและทำงานหยาบเช่นนี้ได้โดยไม่่บ่นสักคำนั้นช่างหาได้ยากยิ่ง
"ศิษย์น้องเล็ก เจ้ามองอันใดอยู่หรือ?"
เซียวเย่สะดุ้งคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปมอง ก็พบว่าเป็นเฉิงซาน ศิษย์พี่รองของเขานั่นเอง
พวกเขาอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันมาตั้งแต่เล็ก
กงเหล่ยเป็นบุตรของเซี่ยอ๋อง มีฐานะสูงศักดิ์กว่าพวกเขา แต่กลับไม่เคยถือตัว เฉิงซานเป็นหลานชายของท่านเฉิงซุน ส่วนเขาและหลัวเยี่ยเป็นเด็กกำพร้าที่เซี่ยอ๋องเก็บมาเลี้ยงดูและสอนทุกอย่างให้ ในใจของเขานั้น อดีตเซี่ยอ๋องเปรียบดั่งบิดา ส่วนกงเหล่ย เฉิงซาน และหลัวเยี่ยก็เปรียบดั่งพี่ชาย พวกเขาสี่คนเติบโตมาพร้อมกันในจวนอ๋อง จึงรักใคร่ปรองดองกันเป็นอย่างมาก
ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดพวกเขาก็ผ่านมันมาร่วมกัน จนมีวันนี้
"ศิษย์พี่รอง เหตุใดจึงมาไม่บอกไม่กล่าวเช่นนี้เล่า ข้าตกใจหมด!"
เฉิงซานเบ้ปากคราหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นมากอดคอเซียวเย่พลางเอ่ยถาม
"เจ้ามองอันใดอยู่กัน?"
เซียวเย่ทำท่าทางพยักพเยิดไปทางไต้ฝูหรง เฉิงซานเมื่อได้มองเห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับดวงตาทอประกายทันที
"ในค่ายทหารเรามีหญิงงามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?"
"อย่าได้คิดเกาะแกะนางเชียว นั่นน่ะ เป็นสตรีของศิษย์พี่ใหญ่กง"
"สตรีของศิษย์พี่ใหญ่กงหรือ ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เขาสนใจสตรี?"
"ข้าก็ไม่รู้ แต่เขาตาถึงใช้ได้เลย ข้าว่าสตรีนางนี้ไม่ธรรมดา นางไม่เหมือนกับสตรีทั่วไป ไม่อ่อนแอ ทำงานหนักได้ น่าชื่นชมจริงๆ หากเป็นพี่สะใภ้ของพวกเราจริงๆ ข้าก็ยอมรับได้"
เฉิงซานเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นตบหัวเซียวเย่คราหนึ่ง
"เพ้อเจ้ออันใดกัน ศิษย์พี่ใหญ่น่ะหรือจะแต่งภรรยา เขาเอาแต่สนใจการออกรบจนไม่มีเวลาสนใจสตรีเลยด้วยซ้ำ ยามนี้ช่วงล่างคงตายด้านไปแล้วกระมัง"
"ท่านตบหัวข้า ข้าจะฟ้องพี่ใหญ่ ฟ้องเรื่องที่ท่านกล่าวหาว่าช่วงล่างของเขาตายด้านด้วย!"
"ไปฟ้องเลย เด็กเปรต!"
คนทั้งสองทะเลาะและวิ่งไล่ตีกันเหมือนเด็กๆ ไต้ฝูหรงเมื่อได้ยินเสียงก็เงยหน้าไปมองแต่ทว่าไม่ได้สนใจเท่าใดนัก
ในขณะที่นางกำลังล้างจานอยู่นั้น ก็มีนายทหารผู้หนึ่งมาบอกนางว่ากงเหล่ยต้องการพบนาง หญิงสาวรีบเช็ดไม้เช็ดมือให้สะอาดและเดินตามทหารผู้นั้นไปทันที เมื่อเข้ามาในกระโจมก็พบว่านอกจากกงเหล่ยแล้ว ยังมีท่านเฉิงซุนและชายชราอีกผู้หนึ่งที่สะพายล่วมยายืนอยู่ในกระโจมด้วย นางเดินเข้ามาและทำความเคารพพวกเขา พลางมองไปที่กงเหล่ย
ไม่รู้เพราะเหตุใด กงเหล่ยจึงรู้สึกว่าไม่อยากจะสบตาไต้ฝูหรงสักเท่าใด แววตาของนางคล้ายจะมีบางอย่างที่ทำให้ใจของเขาอ่อนยวบราวกับเต้าหู้
เขารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยกับนาง
"มาแล้วหรือ นี่คือท่านหมอเทวดาจ้าว เขาเป็นท่านหมอประจำตัวของข้า"
ไต้ฝูหรงยิ้มให้ท่านหมอจ้าวคราหนึ่ง กงเหล่ยที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยกับท่านหมอจ้าว
“ท่านหมอจ้าว ข้าเคยได้ยินท่านเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้เคยรักษาคนใบ้ผู้หนึ่งจนหายเป็นปกติ นางก็เป็นใบ้เช่นกัน ท่านลองรักษานางดูหน่อย"
ไต้ฝูหรงหันไปมองกงเหล่ยทันที นางไม่คิดว่าเขาจะให้ท่านหมอประจำตัวช่วยรักษาอาการป่วยของนาง
ในใจของนางพลันรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาหลายส่วน แววตาที่มองเขาก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก
กงเหล่ยถึงกับชะงักไปชั่วขณะ รู้สึกว่าตนเองวางมือไม้ไม่ถูกขึ้นมาเสียดื้อๆ ชายหนุ่มหันรีหันขวาง ท่าทีดูแปลกประหลาดจนท่านเฉิงซุนลอบขบขัน
กงเหล่ยพยายามควบคุมสติตน ก่อนจะเอ่ยกับไต้ฝูหรงด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ
"ไต้ฝูหรง เจ้าแจ้งอาการของเจ้าให้ท่านหมอเทวดาจ้าวทราบ ดูว่าจะมีแนวทางรักษาเช่นไรได้บ้าง ส่วนข้าจะไปจัดการเรื่องทหาร อีกไม่นานต้องนำทัพออกรบ เจ้าก็รักษาตัวไป ระหว่างนี้ไม่ต้องทำสิ่งใด รอข้ากลับมาก็พอ"
นางพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองเขาเดินจากไป
ท่านหมอจ้าวมองสตรีน้อยตรงหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามอาการของนาง ไต้ฝูหรงพูดไม่ได้ จึงให้ท่านเฉิงซุนช่วยเป็นล่ามสนทนาให้ ท่านหมอจ้าวเมื่อได้ทราบว่าแท้จริงแล้วนางไม่ได้เป็นใบ้มาตั้งแต่กำเนิดก็ดีใจมาก
"เช่นนี้นับว่าดียิ่ง การรักษาย่อมง่ายขึ้น หากเป็นใบ้แต่กำเนิดข้ายังหนักใจว่าอาจจะรักษาไม่ได้ แต่เจ้าเป็นใบ้เพราะป่วยทางใจ ฝังเข็มสักสามวัน ดื่มยาสักสองสามเทียบ อาการก็ดีขึ้นแล้ว"
ไต้ฝูหรงเมื่อได้ยินก็ยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจ ท่านเฉิงซุนเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็อดยิ้มตามไม่ได้
หวังว่าการที่เขาช่วยไต้ฝูหรงสนทนากับท่านหมอจ้าวในวันนี้ิ จะทำให้เกิดผลบุญส่งไปถึงน้องสาวของเขาที่อยู่บนสวรรค์ ขอให้ชาติหน้านางเกิดมามีเสียงที่ไพเราะกว่าสตรีใดในใต้หล้าแห่งนี้
เมื่อพูดคุยกันจนเข้าใจแล้ว ท่านหมอจ้าวก็เริ่มฝังเข็มเพื่อทำการรักษาให้ไต้ฝูหรงทันที อีกทั้งยังรักษาควบคู่ไปกับการดื่มยาต้ม วันแรกที่ฝังเข็มไต้ฝูหรงกระอักโลหิตออกมาไม่น้อย แต่ท่านหมอจ้าวบอกว่าเช่นนี้ดียิ่ง จะได้เอาเลือดไม่ดีภายในออกมาให้หมด ทำให้ภายในปลอดโปร่งโล่งสบาย ลมปราณภายในคงที่ และยังเป็นผลดีต่อการรักษาอีกด้วย
ในขณะที่ไต้ฝูหรงรักษาตัว กงเหล่ยก็นำทัพออกรบกับแคว้นเว่ยในเวลาเดียวกัน
