บท
ตั้งค่า

ว่าจะไม่รัก 1

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียง เรียกให้คนที่กำลังนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย รีบเอื้อมมือคว้าโทรศัพท์ด้วยความเร็ว เหมือนดั่งรอคอยเสียงนี้อยู่ตลอดเวลา ทว่าเมื่อเห็นชื่อของบุคคลที่โทรเข้ามาคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากัน

“ว่าไงต้อง มีอะไรหรือเปล่า โทรมาดึกเชียว...อะไรนะ!...ที่ไหน...อืมๆ แค่นี้ก่อน พี่จะรีบไป” ร่างสูงรีบลงจากเตียง เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าจัดการถอดชุดนอนออก คว้าเสื้อยืดและกางเกงยีนมาสวมใส่ จากนั้นก็รีบออกจากเพ้นท์เฮ้าส์ไปด้วยความเร็ว

รถยนต์คันหรูพุ่งทะยานบนท้องถนนในเวลาเกือบเที่ยงคืนด้วยความเร็ว ทว่ายังไม่เร็วเท่าความร้อนใจของเจ้าของรถในตอนนี้เสียด้วยซ้ำ

เท้าที่เหยียบบนคันเร่งลงน้ำหนักเพิ่มขึ้น สายตาที่มักจะแสดงความเฉยชาออกมาในเวลาปกติเพ่งมองถนนเบื้องหน้าเขม็ง สองมือกำพวงมาลัยรถเอาไว้แน่น ลมหายใจหนักๆ ถูกผ่อนออกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

ทว่ากลับไม่ทำให้ความร้อนรนกระวนกระวายในอกด้านซ้ายลดลงได้เลย มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ

ส่วนคนที่ออกมาดื่มเพื่อลืมความเศร้า ตอนนี้ถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ควบคุมสติไปแล้วมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ใบหน้าเริ่มขึ้นสีเรื่อมากขึ้นกว่าเดิมไล่ลงมาตามลำคอระหง ดวงตากลมโตปรือลงจนแทบจะลืมไม่ไหว ร่างบางโอนเอนไปมาเนื่องจากเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้

“กลับกันเถอะชะนี ร้านจะปิดแล้ว” แอนนี่เอ่ยชวนเพื่อนขึ้น เมื่อตอนนี้ใกล้เวลาร้านปิดเข้าไปทุกที อีกอย่างแม่งานวันนี้ก็ดูเหมือนเริ่มจะเมาแล้วด้วย

“ยังไม่อยากกลับเลย ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอกำลังสนุก”

“กลับเถอะรัก ดึกแล้ว” พอใจเอ่ยขึ้น

“แล้วรักจะกลับยังไง ใครไปส่ง ถ้าไม่มีใครไปส่งเดี๋ยวเราไปส่งเองก็ได้ ยังไงบ้านรักก็อยู่ทางเดียวกับเรา”

“ไม่เป็นไร พอดีเราโทรบอกพี่ตามให้มารับแล้ว” ต้องรีบเอ่ยแทรกขึ้นมา ด้วยรู้ดีว่าเจไดรู้สึกอย่างไรกับเพื่อนสนิทของเธอ คงไม่ดีแน่หากปล่อยให้ไปด้วยกันสองต่อสอง

“ฉันไม่กลับกับเขานะ แกโทรบอกเขาทำไม” คนเมาเริ่มจะโวยวาย เมื่อรู้ว่าเพื่อนโทรบอกผู้ชายที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องออกมาดื่มมารับ

“เอาเถอะน่า ไปๆ รีบเช็กบิลเถอะ” แอนนี่เอ่ยตัดบทขึ้น

“งั้นแกกับเจไดพารักออกไปรอพี่ตามหน้าร้านก่อนไป เดี๋ยวฉันกับแอนนี่เช็กบิลก่อน เสร็จแล้วจะรีบตามออกไป”

“โอเค งั้นก็ได้ ไปรัก” ต้องหันมาพยุงเพื่อนรักให้เดินออกจากร้าน โดยมีเจได้เดินตามหลังมาติดๆ

“ทำไมพื้นมันเอียงจัง” คนเมาเอ่ยออกมา พยายามประคองตัวเองยืนให้ตรง ทว่ากลับไม่ง่ายเอาเสียเลย เจไดได้ยินก็ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู เดินเข้ามายืนข้างหญิงสาวและจับแขนเรียวไว้เป็นการพยุงช่วยต้องอีกทาง

“คออ่อนจริงๆ มา เดี๋ยวเราช่วย”

รถที่แล่นมาด้วยความเร็วสูงเลี้ยวเข้าจอดในลานจอดรถของสถานบันเทิงชื่อดังที่ชายหนุ่มคุ้นเคย ร่างสูงรีบลงมาจากรถ กวาดสายตามองไปยังบริเวณโดยรอบ ก่อนจะสาวเท้ายาวๆ ไปยังหน้าร้าน เมื่อเห็นกลุ่มคนเริ่มทยอยเดินออกมา และที่สำคัญคนกลุ่มนั้น มีคนที่เป็นต้นเหตุทำให้ชายหนุ่มมายืนอยู่ตรงนี้

“ไหวไหมรัก ปวดหัวหรือเปล่า” เจไดเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“อือ หัวรักหนักมากเลยตอนนี้ เหมือนมีใครเอาอะไรหนักๆ มาวางบนหัวแถมพื้นยังเอียงอีก” พึมพำเอ่ยบอกออกมา โดยที่ตาสองข้างหลับลง ได้แต่เดินตามแรงพยุงของเพื่อน เพราะรู้สึกว่าหากลืมตาขึ้นมาเมื่อใด พื้นยังคงเอียงอยู่อย่างนั้น มิหนำซ้ำยังรู้สึกเวียนศีรษะชวนอาเจียน

“เป็นไงล่ะ อยากเมา ได้เมาสมใจเลย” ต้องบ่นให้เพื่อนอย่างอดไม่ได้

“แกก็บ่นฉันยกใหญ่เลย ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง เนาะเจได้เนาะ” เจไดหัวเราะกับคนเมา แต่ถึงอย่างนั้นก็เลือกที่ตอบเอาใจ

“ครับ” เลยได้ค้อนวงใหญ่จากต้องส่งไปให้

“มาแล้วจ้าชะนีและผู้ อวกไปกี่กองแล้วจ๊ะยัยคุณหนู” แอนนี่ส่งเสียงมาก่อนตัว เดินบิดซ้ายบิดขวาเข้ามาหาเพื่อนที่ยืนอยู่ โดยมีพอใจเดินตามหลังมาติดๆ

“ยังไม่ได้อวกเลย” คนเมาเอ่ยตอบกลับมา

“ที่รัก” เสียงเรียกที่ดังอยู่ไม่ไกล ทำให้คนทั้งกลุ่มหันกลับไปมอง และก็พบว่าเจ้าของเสียงนั้นกำลังเดินหน้าขรึมเข้ามาหาคนทั้งหมด

“สะ สวัสดีค่ะพี่ตาม” พอใจรีบเอ่ยทักทายออกไป เช่นเดียวกันแอนนี่ก็เอ่ยออกไปติดๆ

“สะ สวัสดีค่ะ” คนถูกทักทายพยักหน้ารับ ในขณะที่สายตามองคู่หมั้นสาวไม่วางตา ยิ่งเห็นว่ามีมือผู้ชายคนอื่นถูกเนื้อต้องตัวยิ่งไม่พอใจ

“ครับ พี่มารับรักกลับบ้าน” เอ่ยออกไป ทว่าคนที่ชายหนุ่มบอกจะมารับกลับบ้าน กลับส่ายหน้าปฏิเสธรัวเร็ว

“ไม่ ต้องแกกลับไปกับพี่ชายแกสิ ฉันไม่กลับ พอใจแกพาฉันกลับคอนโดแกด้วยนะ”

“แต่ว่า...” พอใจอึกอักขึ้นมา เมื่อเห็นสายตาคมเหลือบมองมาที่ตน

“รักกลับบ้านกับพี่ เดี๋ยวพี่ไฟส่ง”

“พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ว่าจะไปกับพอใจ” ขึ้นเสียงใส่อย่างหงุดหงิดที่บุริศร์พูดไม่รู้เรื่อง

“อย่าดื้อได้ไหม มานี่” ไม่ใช่แค่พูด ทว่าบุริศร์กลับเดินเข้ามารั้งร่างบางมาแนบกาย และนั่นก็ทำให้สุดที่รักดิ้นหนีขัดขืน แต่กลับสู้แรงของบุริศร์ที่โอบรัดไว้ไม่ไหว

“พี่ตามปล่อย รักไม่ไปกับพี่ ปล่อยนะ”

“รักอย่าเมาแล้วดื้อ เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน”

“ไม่ พี่ตามไม่ต้องมายุ่ง รักจะเป็นยังไงก็ไม่ต้องมาสนใจ อยากทำอะไรกับใครที่ไหนก็ไปเลย ไม่ต้องแคร์กัน ทำเหมือนที่เคยทำมาตลอดอะ” คนเมาเริ่มจะฟูมฟายออกมา ความอึดอัดที่เก็บกดฝังแน่นอยู่ในหัวใจ เริ่มไหลออกมาเป็นคำพูด

“เมาแล้วพูดจาไม่รู้เรื่อง ไปกลับบ้าน”

“พี่ตามนั่นแหละพูดไม่รู้เรื่อง ปล่อยรัก อย่ามายุ่งกับรัก” แม้จะไม่พอใจที่คนในอ้อมกอดขับไล่ไสส่งให้ไปไกลๆ แต่บุริศร์ก็เลือกที่จะเก็บความไม่พอใจเอาไว้ และช้อนร่างบางขึ้นอุ้มแนบอก

“เงียบเลยรัก เก็บแรงเอาไว้คุยกับพี่ดีกว่า เพราะเราสองคนมีเรื่องต้องคุยกันยาว...พี่กลับก่อนนะ”

“วันนี้รักบอกที่บ้านว่าจะนอนค้างที่บ้านพอใจ ถ้าพี่ตามจะพารักกลับบ้าน พอใจว่าพากลับคอนโดก่อนดีกว่านะคะ เพราะรักไม่อยากให้ที่บ้านรู้ว่าออกมาดื่ม” บุริศร์พยักหน้ารับ รู้สึกโกรธคนดื้อในอ้อมกอดเสียจริง ที่กล้าโกหกที่บ้านเพื่อออกมาดื่ม

“ครับ” พูดจบก็อุ้มสุดที่รักเดินกลับไปยังรถของตัวเอง แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงัก เพราะเสียงของผู้ชายอีกคนที่ยืนเงียบมานานดังตามหลังขึ้น

“ถ้าคิดว่าทำหน้าที่คู่หมั้นที่ดีไม่ได้ ก็ถอนหมั้นซะ เพราะมีคนที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีมากกว่าคุณ” บุริศร์ขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสันนูนบนแก้ม ไม่พอใจกับคำพูดของผู้ชายคนนี้เป็นอย่างมาก แววตาวาวโรจน์ รู้สึกเหมือนมีคนกำลังต่อยอัดกระแทกเข้าที่ก้อนเนื้อด้านซ้าย

กล้าดียังไงมาบอกให้เขาถอนหมั้น...

“นั่นเป็นเรื่องของผมกับรัก คนนอกไม่เกี่ยว” เอ่ยตอบกลับมาเพียงเท่านี้ โดยไม่หันกลับมามองเจ้าของประโยคชวนโมโหแต่อย่างใด จากนั้นก็เดินอุ้มสุดที่รักไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกล

"ปล่อยสิพี่ตามรักบอกให้ปล่อย" สุดที่รักยังคงโวยวายเสียงดัง แม้ตอนนี้หญิงสาวถูกจับยัดเข้ามาในรถของคนใจร้ายใจดำ ที่ทำร้ายความรู้สึกของเธอซ้ำๆ

ร่างบางพยายามเปิดประตูรถออก เพื่อจะพาตัวเองออกไปจากรถ ทว่าชายหนุ่มกลับรู้ทัน โน้มใบหน้าลงมาใกล้และเอ่ยขู่ออกมา

"อย่าทำให้พี่ต้องเหนื่อยนะรัก เพราะถ้าเรายังดื้อพี่อาจจะพารักกลับไปส่งบ้านในสภาพนี้ก็ได้ คิดเอาเองแล้วกันว่าถ้าคุณน้าทั้งสองเห็นรักในสภาพนี้ท่านจะรู้สึกยังไง ที่มีลูกสาวดื่มเหล้าเมามายกลิ่นเหล้าเหม็นคละคลุ้งเหมือนคนขี้เมา และยังแต่งตัวโป๊มายั่วผู้ชายอีก"

ประโยคสุดท้ายที่ยกมาขู่ คงจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้อารมณ์ของบุริศร์หงุดหงิดขึ้นมาอย่างง่ายดาย จากที่คิดว่าตัวเองเก็บความรู้สึกเก็บอารมณ์เก่ง ทว่าเมื่อเห็นคู่หมั้นสาวใส่ชุดเดรสเกาะอกสีดำที่อวดความขาวเนียนของผิวและความอวบอิ่มที่ล้นออกมา มิหนำซ้ำตัวกระโปรงยังผ่าด้านข้างขึ้นมาจนเห็นต้นขาเรียวขาวก็ถึงกับโมโห

ไหนจะใบหน้าที่แต่งเครื่องสำอางมาอย่างดีนี้อีกล่ะ ปลดล็อกสาวหวานกลายมาเป็นสาวหวานซ่อนเปรี้ยวได้อย่างสมบูรณ์แบบ

"รักไม่ได้ยั่วผู้ชาย ช่วยพูดให้มันดีๆ ด้วย" คนที่สติไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ขึ้นเสียงกลับมาเช่นเดียวกัน มองชายหนุ่มตาขวางอย่างเอาเรื่อง หากเวลาปกติผู้หญิงที่ชื่อสุดที่รัก ไม่มีทางแสดงท่าทางหรือน้ำเสียงแบบนี้ออกมาแน่นอน

"แน่ใจเหรอ ไอ้ผู้ชายที่มันเดินตามเราออกมา มันมองเราทะลุปรุโปร่งไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ไม่รู้หรือไง"

"ไอ้ผู้ชายที่พี่ตามว่าเขาชื่อเจได เป็นเพื่อนรัก อย่าเรียกเขาว่าไอ้นั่น อีกอย่างเจไดจะมองรักยังไงมันก็เรื่องของรัก ไม่เกี่ยวกับพี่ตาม ไม่ต้องมายุ่ง" คนที่โมโหก่อนหน้าถึงกับเลือดขึ้นหน้าที่ดูเหมือนคู่หมั้นจะออกตัวปกป้องผู้ชายคนอื่นต่อหน้า และยังเอ่ยออกมาอย่างไม่คิด ว่าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับเขาไม่ต้องมายุ่ง

“เมาจนสติเพี้ยนไปเลยหรือไง จำไม่ได้เหรอว่าเราเป็นอะไรกัน” สุดที่รักหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น

“พี่ตามนั่นแหละที่จำได้ไหมว่าเราเป็นอะไรกัน เคยคิดว่ารักเป็นคู่หมั้นอยู่ไหม ยังจำได้ไหมว่าตัวเองมีคู่หมั้นอยู่ เอาเลย! ต่อไปนี้จะทำอะไรก็ทำเลย ไม่ต้องมาสนใจกัน อยากจะไปกับใคร ทำอะไรที่ไหนยังไงก็ทำเลย รักจะไม่สนใจพี่ตามเลย รักจะไม่สนใจพี่ตามแล้ว ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก จบ พอแล้ว รักพอแล้ว”

"แน่ใจใช่ไหมที่พูดออกมาว่าเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เดี๋ยวเราจะได้รู้กันที่รัก ว่าตกลงพี่กับรักเกี่ยวกันหรือเปล่าและมันจะจบอย่างที่รักบอกไหม” พูดจบประตูรถก็ถูกปิดกระแทกใส่หน้าสุดที่รักเสียงดัง จนหญิงสาวผงะไปด้านหลัง รีบหันกลับมามองคนที่เปิดประตูฝั่งคนขับเข้ามา

และหลังจากนั้นรถยนต์ก็ถูกกระชากออกไปจากลานจอดรถอย่างแรง จนสุดที่รักหน้าเกือบคะมำยังดีที่หญิงสาวคว้าหลักยึดได้ทัน

ความเร็วของรถที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สุดที่รักรู้สึกเหมือนตัวเองเวียนศีรษะชวนอาเจียน อาการพื้นเอียงที่หายไปเริ่มกลับมาอีกครั้ง หญิงสาวจึงเลือกที่จะหลับตามาตลอดทาง และไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel