บท
ตั้งค่า

บทที่ 1/1

ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก

ณ ปัจจุบัน ปีพุทธศักราช 2564

ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก...

เป็นประโยคที่หญิงสาวรูปร่างสะโอดสะองมีส่วนเว้าส่วนโค้งยั่วยวนตา ถูกซ่อนไว้ภายใต้ชุดเดรสสีชมพูน่ารักสดใส เดินเข้ามาภายในโรงแรมของตระกูลวิรชัชกุลอย่างคุ้นเคย ใช้ปลุกใจตัวเองมาร่วมสองปี

ใบหน้ารูปไข่เรียวสวยบัดนี้มีรอยยิ้มหวานประดับบนใบหน้า ริมปากอิ่มสีชมพูระเรื่อเป็นธรรมชาติคลี่ยิ้มให้พนักงานที่อยู่บริเวณนั้นอย่างคนอัธยาศัยดี ดวงตากลมโตมีแพนขนตางอนงามดูมีเสน่ห์น่ามอง ทอดมองไปยังลิฟต์เบื้องหน้าอย่างไม่วางตา เมื่อคิดว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ลิฟต์ตัวนั้นจะพาเธอขึ้นไปหาคนรักบนห้องทำงาน

สุดที่รักยืนมองชายหนุ่มในชุดสูทเรียบหรูที่มองแบบผิวเผิน ก็รู้ว่ามูลค่าของสูทตัวนั้นราคาไม่ใช่น้อย ร่างสูงยืนหลังตรง มือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง กำลังยืนคุยอยู่กับเลขาหน้าห้อง ใบหน้าคมคายดูเรียบเฉยแลจริงจังเมื่ออยู่ในเวลาทำงาน ใบหน้าคมพยักหน้ารับทุกคำพูดของเลขาที่กล่าวรายงานความคืบหน้าของงานให้ฟัง

สุดที่รักเดินเข้าไปหาชายหนุ่มทั้งสองด้วยรอยยิ้ม ทำให้คนที่กำลังคุยงานอยู่ก่อนหน้า ละสายตามามองเล็กน้อย

“สวัสดีค่ะพี่ก้อง นี่ค่ะ รักทำขนมมาฝาก” กล่องขนมคุกกี้ที่เธอตั้งใจทำ เพื่อนำมาฝากก้องกล้าเลขาของบุริศร์ รวมไปถึงทำมาให้คนที่ยืนมองมาที่เธออยู่ตอนนี้เช่นเดียวกัน

“ขอบคุณมากครับคุณรัก” ก้องกล้ายื่นมือไปรับกล่องขนมมาถือไว้ จากนั้นก็ถอยหลังห่างออกมา เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้านายของตนกับคู่หมั้นได้คุยกัน

“รักทำมาฝากพี่ตามด้วยนะคะ เยอะแยะเลย” ไม่ใช่แค่พูดทว่ายังยกขวดแก้วที่ตนเองตั้งใจบรรจุใส่ลงไปด้วยความประณีตและความรักให้ชายหนุ่มดู

“พี่ไม่ชอบกินขนม” มือที่ยกถุงขนมขึ้นแทบจะอ่อนแรงลง ใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มค่อยๆ เจือนลง หันไปมองหน้าก้องกล้า ที่ก็มองมาอยู่ก่อนแล้วด้วยความสงสารสุดที่รักที่มักจะถูกเจ้านายตัวเองปฏิเสธอยู่บ่อยครั้ง จึงรีบเอ่ยแก้ไขสถานการณ์ไม่ให้แย่มากไปกว่านี้

“แหม เจ้านายครับ ขนมที่ไหน นี่คุกกี้นะครับ ทานกับกาแฟตอนเช้าอร่อยจะตาย มาครับคุณรัก เดี๋ยวผมเอาไปเก็บในห้องทำงานของเจ้านายให้”

“ขอบคุณค่ะ” สุดที่รักส่งยิ้มขอบคุณให้ก้องกล้าพร้อมกับยื่นถุงขนมให้ชายหนุ่ม และหันกลับมาหาคนที่ยังคงยืนตีหน้านิ่งอยู่ข้างกัน

“เที่ยงนี้พี่ตามมีนัดทานข้าวกับใครไหมคะ ถ้าไม่มีเราไปทานข้าวกันนะ” บุริศร์มองหน้าหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของตัวเองด้วยสายตาเฉยชาดังเดิม วันแรกที่รู้ว่าต้องหมั้นกับเธอ เคยมองเธอด้วยสายตาเช่นไร วันนี้ชายหนุ่มก็ยังคงมองหญิงสาวเช่นนั้นไม่มีเปลี่ยน

“พี่มีงานต้องคุยกับนุ่นตอนบ่าย ถ้าจะกินก็สั่งมากินที่นี่แล้วกัน เพราะพี่ไม่สะดวกออกไปข้างนอก” ชื่อที่บุริศร์เอ่ยออกมาสะกิดหัวใจของสุดที่รักอย่างช่วยไม่ได้

นุ่น คือเจ้าของบริษัทออแกไนเซอร์รับจัดงานที่เข้ามาเป็นลูกค้าประจำ ในการใช้สถานที่โรงแรมของบุริศร์ในการจัดงานต่างๆ

สุดที่รักจะไม่รู้สึกอะไรเลย หากผู้หญิงที่ชื่อนุ่นนั้นไม่ใช่ผู้หญิงที่บุริศร์แอบชอบมาตั้งแต่สมัยเรียน และเหมือนทั้งคู่กำลังจะศึกษาดูใจกัน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ต้องหยุดลง เมื่อบุริศร์ต้องมาหมั้นกับเธอเสียก่อน และนี่ก็คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้บุริศร์ตั้งป้อมไม่ชอบเธออย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้

“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา กินที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีพี่ตามอยู่ด้วย รักกินได้ทั้งนั้น ไปค่ะ เข้าไปในห้องทำงานพี่ตามกัน” ว่าแล้วก็ถือโอกาสจับมือบุริศร์เป็นการบังคับให้ชายหนุ่มเดินตามเข้ามาในห้อง ซึ่งคนถูกจับมือก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา และก็ไม่ได้ขัดขืนเช่นเดียวกัน เดินตามหญิงสาวเข้ามาแต่โดยดี

การทานอาหารผ่านพ้นไปอย่างเรียบง่าย เพราะอาหารที่สั่งมาเป็นอาหารจานเดียว ที่สั่งจากห้องอาหารของโรงแรม หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย สุดที่รักก็ดึงทิชชูเปียกที่อยู่ในกระเป๋าสะพายของตัวเองออกมา หันหน้ามาหาบุริศร์ที่ยังคงนั่งอยู่ที่โซฟาตัวเดียวกับเธอ

"รักขอมือพี่ตามหน่อยค่ะ" คนถูกขอมือหันมองหน้าหญิงสาวในทันใด เพราะประโยคที่เอ่ยออกมานั้นคล้ายกับใช้พูดกับสุนัขอย่างไรอย่างนั้น และดูเหมือนเจ้าของคำพูดจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปจึงรีบปฏิเสธ

"รักไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ รักแค่จะเช็ดมือให้พี่ตามค่ะ" ครั้งนี้สุดที่รักไม่พูดเปล่า ยังถือวิสาสะจับมือบุริศร์มาเช็ดให้ เพื่อยืนยันคำพูดและเจตนารมณ์ของตัวเอง

สุดที่รักมองแหวนที่อยู่ในมือของชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มสุขใจ เธอรู้ว่าบุริศร์ไม่ได้อยากหมั้นกับเธอ และคิดว่าการหมั้นเป็นความต้องการของเธอเสียอีก แต่การที่เขาใส่แหวนหมั้นติดนิ้วไว้ตลอดเวลาแบบนี้ ก็ทำให้เธออิ่มเอมในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

สายตาที่เคยเย็นชาทอดมองการกระทำของสุดที่รักอ่อนโยนลงอย่างไม่รู้ตัว นั่งมองหญิงสาวที่กำลังเช็ดมือให้ตัวเองไม่วางตา ริมฝีปากหยักยกขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับความคับแน่นที่หัวใจข้างซ้ายก็เหมือนจะขยายตัวพองขึ้นจนแน่นหน้าอก

“เรียบร้อยค่ะ...พี่ตามคะ อีกยี่สิบนาทีจะได้เวลาทำงาน รักขอใช้เวลานี้คุยกับพี่ตามได้ไหมคะ” บุริศร์เลิกคิ้วขึ้น เหลือบสายตามองเวลาจากนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือ ก็เห็นว่ายังพอมีเวลาจึงพยักหน้ารับ

“มีอะไร”

“พี่แสนอยากให้รักเรียนต่อค่ะ แต่รักอยากทำงานมากกว่า อยากแบ่งเบาภาระพี่แสนกับคุณพ่อ ช่วงนี้พี่แสนออกต่างจังหวัดและไปต่างประเทศบ่อย คุณพ่อก็เลยต้องเข้าบริษัท” คนฟังหันมองเจ้าของประโยคเล็กน้อย คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม สุดที่รักจึงอธิบาย

“พี่ตามว่ารักควรเรียนต่อดีไหม และถ้าเรียนจะเรียนที่ไหนดีคะ เรียนที่ไทยหรือต่างประเทศดี”

สิ่งที่สุดที่รักเอ่ยถามออกไป คือสิ่งที่หญิงสาวได้คิดไตร่ตรองไว้เรียบร้อยแล้วทั้งสิ้น ทว่าที่เธอต้องนำมาถามบุริศร์ เพราะเธอต้องการมีเรื่องพูดคุยกับเขา เธออยากคุยกับเขา

ด้วยรู้ดีว่า หากเธอชวนเขาคุยเรื่องสัพเพเหระ เขาไม่มีทางคุยกับเธอเป็นแน่ ทั้งที่ใจจริงเธออยากพูดคุยหยอกล้อเหมือนดั่งคนเป็นแฟนเขาทำกัน แต่เธอกลับไม่กล้า เหมือนมีเส้นบางๆ มาขวางกันเธอไว้ ให้เธอก้าวข้ามไปหาเขาไม่ได้เสียที

“โตแล้ว เรียนจบแล้ว รักควรจะมีความคิดเป็นของตัวเองสักที ไม่ใช่ใครให้ทำอะไรก็ทำ” ประโยคสุดท้ายนั้นแฝงความหมายบางอย่างเอาไว้ ซึ่งสุดที่รักรู้อยู่เต็มอกว่าชายหนุ่มนั้นหมายถึงอะไร ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องหมั้นอย่างแน่นอน

“ถ้าถามความคิดรัก รักอยากทำงาน แต่งานของรักก็ต้องอาศัยความรู้เข้ามาช่วยด้วย หรือถ้ารักจะเรียน รักว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน ที่ประเทศเราก็ได้ เพราะรักไม่อยากห่างพี่ตามไปไหนไกล รักคิดถึงพี่ตาม แล้วพี่ตามล่ะคะ คิดถึงรักไหม” นัยน์ตาเฉยชาวูบไหวไปเล็กน้อย จากนั้นร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน

“พี่มีงานต้องทำ ขอตัวนะ” พูดจบบุริศร์ก็เดินไปนั่งลงเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่

ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องโดยปริยาย ชวนให้อึดอัดเหมือนอากาศในห้องมีน้อยหายใจไม่เต็มปอด โดยเฉพาะสุดที่รัก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหายใจไม่อิ่ม ออกซิเจนในร่างกายต่ำ มันอึดอัด มันแย่ จนเธออยากยอมแพ้และหอบเอาร่างกายที่มีแต่บาดแผลไปรักษาตัวที่อื่น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel