จุดเริ่มต้นหรือสุดสิ้นสุด (70%)
วินาทีนั้นบอกเลยว่าปิยฉัตรทำอะไรแทบไม่ถูก ร่างบางได้แต่เอนตัวลงไปนอนหลบอยู่ข้างเตียงในสภาพเม้มปาก กลั้นหายใจ หน้าซีด ตัวสั่น รอจนกระทั่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายผล็อยหลับไปอีกครั้ง มีเสียงกรนบ่งบอกว่าหลับสนิทแล้วจริงๆ เธอถึงได้ลุกขึ้น แล้วย่องออกมาจากห้องนั้นด้วยสภาพใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
หลังจากปิดประตูปิยฉัตรก็หันซ้ายแลขวาด้วยท่าทางหวาดระแวง แล้วรีบสาวเท้าก้าวไปยังห้องของตัวเอง ทว่ายังไปไม่ถึงไหนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
“เฮ้! ไอ้ปี่!”
หลังจากหลุดสะดุ้งเฮือกด้วยอาการของวัวสันหลังหวะ ปิยฉัตรก็ยืนหันหลังเม้มปาก กำหมัด หลับตาแน่น ในใจนึกอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้น หากแต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ ฉะนั้นจึงจำต้องกลั้นใจหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่บังเอิญมาเจอเธอเข้า
“มึงจะรีบไปไหนวะ” ทันทีที่เธอหันมาหาปรเมศก็ยืนล้วงกระเป๋าเอ่ยถามด้วยท่าทางนิ่งๆ ทว่านัยน์ตาคมกริบกลับลอบจับสังเกตความผิดปกติไม่ลดละ
“เอ่อ…กูจะกลับห้องน่ะ”
“กลับห้อง” ชายหนุ่มทวนคำอย่างงงๆ
“ใช่”
“อ้าว! แสดงว่าเมื่อคืนมึงไม่ได้นอนที่ห้องตัวเองงั้นสิ”
“อืม…” พยายามตอบหน้าตาย ทั้งที่ในใจร่ำๆ ว่าจะยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองแรงๆ ด้วยความอึดอัดขัดใจกับความช่างสงสัยของไอ้คนที่ดันมาเจอเธอเข้าพอดี
“แล้วมึงไปนอนที่ไหนมาวะ”
“กูถูกสลับกุญแจห้อง ก็เลยต้องไปนอนอีกห้อง”
ปิยฉัตรเอ่ยตอบด้วยวาจาที่คิดว่าสมเหตุสมผลที่สุด เกือบหลุดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แต่แล้วก็แทบจะกรีดร้องออกมาเมื่อปรเมศยิงคำถามชวนแกล้งตายมาอีกหนึ่งคำรบ
“แล้วห้องนั้นเป็นห้องใครวะ”
“เอ่อ…ห้องเจ้าของรีสอร์ตน่ะ” คราวนี้แม่สาวลุคห้าวเป้งเอ่ยตอบไม่เต็มเสียงนัก
“ห้องไอ้จอม!” คุณหมอหนุ่มหลุดอุทานด้วยความลืมตัว
“เออ! มึงจะเสียงดังทำไมวะ”
“เฮ้ย! เมื่อคืนมึงนอนกับไอ้จอมเหรอวะ งั้นก็แสดงว่าพวกมึงสองคน ‘ได้กัน’ แล้วสิ” คราวนี้พ่อหนุ่มมาดนิ่งหลุดอุทานออกมาเสียงดังกว่าเดิม ขณะจ้องหน้าเธอด้วยท่าทางตกใจสุดขีด
“ไอ้บ้า! กูไม่ได้นอนกับมันเว้ย! แค่ถูกสลับกุญแจห้อง มันไปนอนห้องกู ส่วนกูก็ไปนอนห้องมัน แค่นั้นเอง”
คนที่กำลังถูกไล่ต้อนเอ่ยปฏิเสธพัลวัน ถอนหายใจเฮือกเมื่อเสียงมือถือของปรเมศดังขึ้น แล้วก็แทบจะร้องไชโยเมื่อเขาขยับปากเป็นเชิงบอกว่าขอตัวเพราะเป็นสายสำคัญ
หลังจากวิ่งมาถึงห้องปิยฉัตรก็รีบไขกุญแจมือไม้สั่น แล้วลนลานล็อกประตูอย่างแน่นหนา จากนั้นก็รีบเดินไปทรุดกายลงนั่งตรงปลายเตียงด้วยสภาพหมดแรง ยกมือขึ้นลูบหน้า ก่อนจะเอนหลังลง แล้วนอนมองเพดาน อยู่ๆ น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาเสียดื้อๆ ส่วนในใจก็ได้แต่คิดว่าเธอไม่น่ามางานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้เลย ถ้าเธอไม่มาเรื่องบ้าๆ ก็คงจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเธอไม่มาคงไม่ต้องมาเจอเขาให้ปวดใจอีก ถ้าเธอไม่มาคงไม่ได้กับอดีตเพื่อนที่เธอยังคงรักไม่เสื่อมคลาย แถมยังได้กันในสภาพเมาเละแบบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปเสียตัวให้อีกฝ่ายอีท่าไหน จำได้ว่าเมื่อคืนเขาควงสาวสวยหุ่นสะบึมแต่ไหงมาจบลงที่เตียงกับคนที่เขาเกลียดเข้าไส้อย่างเธอได้
คนเกลียดกันได้กัน แล้วมันจะเป็นยังไงวะ?
โอ๊ย! คิดแล้วก็อยากจะบ้าตาย!
หลังจากนอนหมดอาลัยตายอยากมาเป็นชั่วโมง เธอก็ข่มความเสียใจเอาไว้ แล้วตั้งท่าจะไปอาบน้ำชำระร่างกายเพราะตอนสายๆ มีนัดกับธารธารา ทว่าเสียงทุบประตูรัวๆ กลับดังขึ้นเสียก่อน
ปัง! ปัง! ปัง!
“เปิดประตู! กูบอกให้เปิดประตู!”
เจ้าของน้ำเสียงกัมปนาททำให้ร่างบางสะดุ้งสุดตัว ไม่บอกก็รู้ว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือใคร เขาตามเธอมาอย่างนั้นเหรอ ไอ้คนบ้านั่นรู้แล้วเหรอว่าคนที่มันนอนด้วยเมื่อคืนคือเธอไม่ใช่อีตัวที่ไหน
ซวยแล้วสิ!
“ไอ้ปี่! กูรู้นะว่ามึงอยู่ในนั้น! เปิดประตู!”
เสียงออกคำสั่งสิ้นสุดเสียงเคาะประตูรัวๆ ก็ดังขึ้นอีกครา ปิยฉัตรกำหมัดและเม้มปากจนเกือบเป็นเส้นตรง ครั้นจะทำเป็นไม่สนใจคนด้านนอกก็เค้นเสียงเข้มเจือดุดันข่มขู่
“ถ้ามึงไม่เปิดกูจะพังเข้าไป แล้วถ้ากูเข้าไปได้มึงคงรู้นะว่าใครจะต้อง ‘รับผิดชอบ’ ที่ทำให้กูเสียกำลัง พ่อจะเล่นให้กลับกรุงเทพไม่ไหวเลยแม่ง!”
“ไสหัวไปซะ!”
“มึงจะไม่เปิดดีๆ ใช่ไหม ด้ายยย…”
ท้ายประโยคลากเสียงยาวชวนขนลุก จนคนที่อยู่ภายในถึงขั้นนั่งไม่ติด ทว่าก่อนที่เขาจะได้ลงมือพังประตู เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
“จอมคะ”
“คุณมาทำอะไรที่นี่รีญา”
คนที่กำลังทำท่าเหมือนจะพังประตูขบกรามระงับอารมณ์ ก่อนจะหันไปมองยังเบื้องหลัง จ้องหน้าสาวสวยเซ็กซี่ด้วยแววตาเย็นชา แล้วเอ่ยถามเสียงกระด้าง
“ก็เมื่อคืนคุณไม่ไปหารีญาที่ห้องตามที่ได้สัญญาไว้ รีญาก็เลยมาตามทวงสัญญาไงคะ”
คนที่คิดว่าตัวเองสำคัญสำหรับเขา คิดว่าตัวเองเหนือกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา เพราะเป็นคู่ควงของเขามาเกือบสองเดือนเอ่ยด้วยท่าทางแง่งอน ทว่าสายตากลับเชิญชวนอย่างเปิดเผย
น้ำคำสนทนาจากอีกฟากของประตูทำให้คนที่เดินมาหยุดลงตรงประตูย่นจมูก ปิยฉัตรไม่ได้อยากจะสอดรู้สอดเห็นเรื่องส่วนตัวของเขานักหรอก แต่แค่เดินมาหวังจะเอาหูแนบประตูให้แน่ใจว่าเขาไม่อยู่แล้วเท่านั้น
“ผมจำได้ว่าไม่เคยสัญญาอะไรกับคุณทั้งนั้น”
ท่าทางเย็นชาและวาจาไม่แคร์ความรู้สึกทำให้แม่นางแบบสาวทรงสะบึมนึกอยากกรีดร้องออกมาด้วยความคับข้องใจ ทว่าหากหล่อนทำอะไรสิ้นคิดเช่นนั้นไม่แน่ว่าเขาอาจจะเขี่ยหล่อนออกไปจากชีวิต หล่อนตั้งใจจะไม่โวยวายให้ดูน่ารำคาญแล้ว หากสายตาไม่ไปสะดุดเข้ากับรอยตรงคออีกฝ่ายเสียก่อน
“ที่คุณไม่ไปหาฉัน เพราะไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นมาใช่ไหม คอคุณถึงได้มีทั้งรอยดูดรอยข่วนขนาดนั้น อีหน้าไหนมันกล้ามายุ่งกับคุณ หรือว่าคนที่คุณกำลังข่มขู่ให้เปิดประตูอยู่นี่เป็นคนที่คุณนอนกกทั้งคืน”
“กลับไปซะ! นี่ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาหาผม” มาเฟียหนุ่มผู้ไม่เคยแยแสต่อความรู้สึกของสตรีหน้าไหนเอ่ยเสียงห้าวห้วน แล้วหันไปทุบประตูอีกสามครั้งติดๆ
ปัง! ปัง! ปัง!
“ไอ้ปี่! กูบอกให้มึงเปิดประตูไงโว้ย!”
“อย่ามายุ่งกับกู!” หลังจากหลุดสะดุ้งเฮือก เธอก็เค้นเสียงแข็งๆ ออกไป
“เวรเถอะ! ถ้ากูเข้าไปได้มึงเจอดีแน่!”
จอมพลหลุดสบถด้วยท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่าน อาการมาดหลุดของคนที่ชอบทำตัวเย็นชาไร้ความรู้สึกทำให้นางแบบสาวที่ยังไม่ไปไหนแทบสติแตก
“หรือว่านังผู้หญิงที่อยู่ในห้อง คือเมียที่คุณซุกเอาไว้ตามที่วงในเขาลือกัน”
ทนไม่ไหวรีญาก็โพล่งขึ้นด้วยความคับข้องใจ ท่าทางของเขาทำให้หล่อนชักจะสงสัยในข่าวลือที่ว่าเขาไม่ได้โสด หลังจากเมียรักตายอาจจะมีมูลความจริง เพราะข่าววงในบอกว่าเจ้าสัวทรงพลพ่อของเขาเป็นคนหลุดปากเรื่องนี้ออกมาเอง เพียงแต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าผู้หญิงคนไหนกันที่เป็นเมียของเขาคนปัจจุบัน
“คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องส่วนตัวของผม เพราะผมบอกคุณแล้วว่าคุณจะเป็นได้แค่คู่ควงตามแผนธุรกิจเท่านั้น และจะไม่มีวันเปลี่ยนสถานะมาเป็นคู่รักหรือคู่นอนเด็ดขาด”
“แต่คุณก็ไม่ปฏิเสธตอนที่คุณพ่อของฉันจับคู่เราสองคน”
คราวนี้คนที่ยังไม่ได้ขึ้นเตียงกับเขาสักครั้ง ทำได้ก็แค่เพียงชูคอเชิดหน้าควงเขาร่อนไปมาให้ผู้หญิงคนอื่นอิจฉาถึงกับหมดสิ้นความอดทน
“ก็เพราะผมเห็นแก่หน้าพ่อคุณไง”
“ถ้าคุณเห็นแก่หน้าพ่อฉัน คุณจะไม่โง่ไปคว้าผู้หญิงคนอื่น ทั้งที่มีคนที่ดีพร้อมอย่างฉันอยู่เคียงข้างคุณ” หญิงสาวขึ้นเสียงใส่ด้วยท่าทางเดือดดาลสุดขีด
“ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนอยู่เคียงข้างผม นอกจากเมียของผม”
“หึ…เมียที่ตายไปแล้วน่ะเหรอ ต่อให้คุณอาลัยอาวรณ์นังนั่นมากแค่ไหนมันก็ไม่ฟื้นกลับมาหรอก” วาจาอวดดีทำให้นัยน์ตาสีสนิมเหล็กกล้าวาวโรจน์ขึ้นในบัดดล
“หุบปากแล้วไสหัวไปซะรีญา! และอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก!”
เจ้าพ่อมาเฟียหนุ่มเค้นเสียงขุ่นคลั่กขับไล่ พร้อมส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลมาลากตัวหล่อนไปให้พ้นหูพ้นตา ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความคับข้องใจเหลือคณา
“เฮ้อ…ไปซะได้ก็ดี”