จอมเผด็จการ (60%)
“ก็เมื่อคืนผมเมา”
“เมาหรือขึ้นกันแน่วะไอ้ลูกชาย”
“ถ้าป๊าไม่ให้คนมอมเหล้าผม อย่าหวังว่าผมจะไปนอนกับยัยนั่น” มาเฟียหนุ่มเอ่ยอย่างฉะฉาน ท่าทางมาดมั่นและเย่อหยิ่งทำให้คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนนึกหมั่นไส้เหลือคณา
“ป๊านึกว่าแกคิดถึงเมีย เห็นไม่ได้ไปหาเขานานหลายปี ขึ้นเชียงใหม่ทีก็ไปแค่เฉียดๆ แบบคนขี้ขลาดตาขาว ป๊าก็เลยจัดให้ไงวะ” เจ้าสัวทรงพลเอ่ยหน้าตาย แต่ยังไม่วายเหน็บแนมในที
“ผมไม่เคยคิดถึงยัยทอมนั่น อีกอย่างป๊าก็เลิกหวังลมๆ แล้งๆ เสียที ว่าจะได้หลานสาวจากยัยนั่น ต่อให้นอนด้วยกันอีกร้อยหนเขาก็ไม่มีหลานสาวให้ป๊าหรอก”
“ทำไมวะ หรือว่าแกไม่มีน้ำยา”
“ผมมีน้ำยาร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ที่คิดว่าป๊าจะไม่ได้หลานสาวสมใจก็เพราะว่ายัยนั่นเป็นหมอ คงมีวิธีป้องกันไม่ให้ตัวเองท้องสารพัด” คนยืดอกประกาศว่าตัวเองมีน้ำยาสาธยายถึงเหตุผลเสียยาวเหยียด
“มันก็ไม่แน่หรอกว่ะ ตอนบ่ายเมื่อวานป๊าให้แม่บ้านแอบไปค้นในกระเป๋าหนูปี่ดูแล้ว ปรากฏว่าไม่มียาคุม” คนอยากได้หลานสาวมาเชยชมจนตัวสั่นเอ่ยด้วยท่าทีเปี่ยมความหวัง
“นี่ป๊าให้คนไปค้นกระเป๋าเขาเลยเหรอ!” คราวนี้เจ้าของรีสอร์ตถึงกับตกใจ เพราะไม่คิดว่าตาเฒ่าเจ้าเล่ห์และเหลี่ยมจัดจะกล้าทำมากถึงเพียงนี้
“ก็เออสิวะ! ป๊าอยากได้หลานสาวนี่หว่า ก็ต้องทำทุกวิถีทางสิ”
“แต่เขาเป็นแขกของรีสอร์ตเรานะป๊า”
“แขกที่ไหน นั่นเมียแก และเขาก็เป็นลูกสะใภ้ของป๊าด้วย” คนแก่แย้งทันควัน
“ป๊าจะรับก็รับไป แต่ผมไม่รับ ยัยนั่นไม่ใช่เมียผม ทอมแบบนั้นผมเอาไม่ลง”
“เอาไม่ลงบ้าอะไรวะ ถึงล่อเขาเสียงดังลั่นห้องจนเกือบถึงเช้าขนาดนั้น” วาจารู้ทันของคนแก่ทำให้คนฟังอ้าปากค้าง โหนกแก้มขึ้นสีระเรื่อแบบปัจจุบันทันด่วน
“นี่ป๊าให้คนไปเฝ้าผมถึงห้องเลยเหรอ!” คราวนี้ไอ้หนุ่มมาดนิ่งเผลอขึ้นเสียงด้วยความลืมตัว เพราะไม่คิดว่าพ่อของตนจะบ้าดีเดือดถึงเพียงนี้
“ไม่ต้องเฝ้าหรอก แค่เดินผ่านก็ได้ยินเสียงครางชัดเจนแจ่มแจ๋ว บ่งบอกว่าลูกชายป๊าโคตรจะคิดถึงเมีย ก็อย่างว่าล่ะเนอะ นอนกับหญิงอื่นหรือจะสู้นอนกับเมียตัวเอง”
“ผมบอกแล้วไง ว่าผมไม่เคยคิดถึงยัยนั่น และผมก็ไม่เคยนับว่ายัยนั่นเป็นเมีย” จอมพลปฏิเสธเสียงแข็ง ท่าทางหงุดหงิดจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงทำให้คนแก่ยิ้มตรงมุมปากด้วยความพอใจ
“ก็แล้วแต่แกเถอะไอ้คนปากไม่ตรงกับใจ เออ…ว่าแต่เมื่อคืนนี้มีเปอร์เซ็นต์ที่ป๊าจะได้หลานสาวไหมวะ แกทำตามท่าที่ป๊าส่งรูปไปให้หรือเปล่า”
วาจาในท้ายประโยคทำให้จอมพลแทบไปไม่เป็น ยอมรับว่าพ่อเขาโคตรจะเหลี่ยมจัด เป็นจอมวางแผน และชอบบงการ แถมยังเป็นคนแก่ที่แสนจะเฟี้ยวจนน่าหมั่นไส้ มีอย่างที่ไหนส่งรูปท่าทางที่ใช้สำหรับการร่วมรักให้ได้ลูกสาวมาให้ลูกชายที่ผ่านผู้หญิงมาอย่างโชกโชนเช่นเขา
“ป๊า! ผมบอกแล้วไง ว่าเลิกหวังลมๆ แล้งๆ ได้แล้ว ทำไมป๊าต้องอยากให้ลูกผมเกิดจากยัยทอมนั่นด้วย” คราวนี้ชายหนุ่มเอ่ยอย่างหัวเสียระคนอ่อนใจ
“ก็ป๊าอยากได้นี่หว่า ถึงหนูปี่จะมีบุคลิกห้าวๆ แต่หนูปี่ก็รักเด็ก อ่อนโยนกับเด็ก ถ้าได้หนูปี่เป็นแม่หลานป๊าคงไม่ขาดความอบอุ่น อีกอย่างน้องกัปตันก็อยากมีแม่ เมื่อไหร่แกจะยอมให้ลูกเจอกับแม่เขาวะ”
“ป๊าก็รู้ว่าแม่ของกัปตันตายแล้ว”
จอมพลเอ่ยเสียงเครียด แววตาเศร้าสลดอย่างเห็นได้ชัด วาจาที่หลุดออกมาจากปากของผู้เป็นพ่อทำให้เขากระหวัดคิดไปถึงลูกชายตัวน้อยที่มักจะรบเร้าขอพบแม่เสมอ ทั้งที่เขาบอกว่าแม่อยู่บนสวรรค์ไอ้เด็กแสบนั่นก็ไม่เชื่อ และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพ่อของเขาคงเล่าอะไรบางอย่างให้ลูกชายเขาฟังแน่ๆ
“แต่แกก็รู้นี่นาว่าในทางกฎหมายมันไม่ใช่อย่างนั้น”
“ถ้าป๊าจะพูดเรื่องนี้ ผมขอตัวนะครับ” ทนฟังไม่ไหวเจ้าของร่างผึ่งผายก็เอ่ยตัดบทเสียดื้อๆ ขณะผุดลุกขึ้นเต็มความสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตร
“จะไปไหนก็ไปเถอะว่ะ ที่จริงป๊าก็รู้แหละว่าแกรีบไปปราบพยศเมีย แต่หมั่นไส้ไง ก็เลยชวนแกคุยเพื่อเป็นการถ่วงเวลาให้หนูปี่หนีไปไกลๆ”
น้ำคำที่ได้รับฟังทำให้ชายหนุ่มเกือบหลุดอ้าปากค้าง ก่อนจะปรับสีหน้าให้ราบเรียบ แล้วเอ่ยอย่างฉะฉาน
“ผมไม่ได้รีบไปหายัยนั่นเสียหน่อย”
“เออ…จะยังไงก็ช่าง แต่สุขสันต์วันเมียหนีนะไอ้ลูกชาย”
เจ้าสัวทรงพลไหวไหล่ ยกแขนขึ้นกอดอก ตวัดขาไขว่ห้างด้วยท่าทีสบายๆ ขณะเอ่ยอย่างยิ้มๆ ครั้นเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตึงแล้วผลุนผลันจากไปก็หลุดหัวเราะออกมา
หลังจากแจ้นออกมาจากห้องพักปิยฉัตรก็เรียกรถของทางรีสอร์ตให้ไปส่งในตัวเมือง ระหว่างทางคุณหมอสาวนั่งพักสายตานิดหน่อย ก่อนจะลืมตาขึ้น แล้วทำหน้างงๆ เมื่อเห็นทัศนียภาพสองข้างทาง
“นี่ไม่ใช่ทางเข้าไปในเมืองนี่นา คุณจะพาฉันไปไหน!” เธอเอ่ยถามด้วยท่าทางตื่นๆ เพราะไม่รู้ว่าคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถเป็นคนดีหรือคนร้ายกันแน่
และที่สำคัญคือไม่รู้ว่าภายใต้การออกนอกเส้นทางเป็นแผนของสองพ่อลูกนั่นหรือเปล่า ว่าลูกชายแสบแล้ว ตาเฒ่านั่นยิ่งร้ายลึกเป็นทวีคูณ
“นายใหญ่เกรงว่านายหญิงจะหนีไม่พ้นมือนายหัว เลยให้ผมพานายหญิงไปหลบที่บ้านพักริมทะเลอีกหลังครับ” วาจาที่หลุดออกมาจากปากคนขับรถทำให้ปิยฉัตรอ้าปากค้าง
นั่นไง! เธอคิดผิดเสียที่ไหน หนึ่งในสองพ่อลูกนั่นมีเอี่ยวจริงๆ
“นายใหญ่กับนายหัวของคุณไม่ได้กำลังเล่นตลกกับฉันใช่ไหม”
“ไม่ครับ”
“แน่ใจนะ”
เธอหรี่ตามองคนที่กำลังบังคับพวงมาลัยให้รถเคลื่อนไปข้างหน้า ขณะเอ่ยถามเป็นเชิงย้ำ เพราะในถิ่นของสองพ่อลูกจอมวายร้ายนั่น บอกตรงๆ ว่าเธอไม่ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น
“แน่ใจครับ”
“แล้วบ้านพักริมทะเลที่ว่าอยู่ไกลจากรีสอร์ตมากไหม” คุณหมอสาวเริ่มซักไซ้ลงลึกไปถึงรายละเอียด เพราะยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ฟังจากปากอีกฝ่ายจะเป็นความจริง
“พอสมควรครับ นายหญิงจะนอนก็ได้นะครับ ถ้าถึงแล้วผมจะปลุกครับ”
วาจาที่ได้รับฟังมิอาจทำให้ปิยฉัตรคลายใจได้ หากทว่าคนที่ตั้งใจจะนั่งดูเหตุการณ์ไปจนถึงจุดหมายกลับอ้าปากหาวหวอดๆ ในไม่กี่นาทีถัดมา มิหนำซ้ำเธอยังรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้เสียอย่างนั้น
“ถ้าฉันนอน คุณจะไม่พาฉันไปฆ่าหมกป่าใช่ไหม”
หลังจากทนความเพลียและความง่วงต่อไปไม่ไหวคนที่ตากำลังจะปิดอยู่รอมร่อก็เอ่ยเสียงเนือยๆ ขณะยกมือขึ้นกอดอก เมื่อรู้สึกว่าไอเย็นจากแอร์ในรถยนต์ทำให้เธอหนาวผิดปกติ
“ไม่แน่นอนครับ นายหญิงสบายใจได้ครับ”
“โอเค ถ้าถึงแล้วปลุกด้วยแล้วกัน”
ที่สุดปิยฉัตรก็ยอมจำนนต่อความง่วงงุน เสียงเนือยๆ ติดจะหาวเอ่ยคล้ายกำชับในท้ายประโยค แล้วหลับตาลงในวินาทีที่อีกฝ่ายขานรับ ส่วนในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าเจ้าสัวทรงพลจะไม่หักหลังเธอ
ปิยฉัตรหลับด้วยความเพลียจัด จนกระทั่งถึงที่หมายคนขับรถถึงได้เอ่ยเรียกเบาๆ หญิงสาวก้าวขาลงจากรถอย่างงงๆ ครั้นจะเอ่ยถามอะไรอีกฝ่ายก็สตาร์ตเครื่องยนต์จากไปเสียแล้ว ไม่นานก็มีหญิงวัยกลางคนเดินมายกมือไหว้ด้วยท่าทางนอบน้อม และแนะนำตัวว่าเป็นแม่บ้าน ก่อนจะเชิญเธอเข้าบ้าน
ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปในบ้านหรูติดริมทะเลปิยฉัตรก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงสบถถ้อยคำหยาบคายของใครบางคน ครั้นเงี่ยหูฟังก็ชักจะรู้สึกว่าเสียงนั้นมันช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน
“ไอ้พวกเวร! ปล่อยกูนะโว้ย! พวกมึงมามัดกูไว้หาพ่อมึงเหรอ!”
“นายใหญ่สั่งครับ พวกผมขัดนายใหญ่ไม่ได้ ขอโทษจริงๆ ครับนายหัว”
ยุทธนาซึ่งอาวุโสสุดในบรรดาชายฉกรรจ์ทั้งสี่ที่เอาตัวจอมพลมาที่นี่เอ่ยเสียงสั่นๆ ขณะยกมือไหว้เจ้านายปลกๆ อย่างขอลุแก่โทษ ด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายโหด ดิบ เถื่อน และบ้าเลือดมากแค่ไหน
“ถ้าหลุดไปได้ กูจะกระทืบพวกมึงให้ไส้แตกเรียงตัว” วาจาเอาเรื่องในท้ายประโยคทำให้ลูกน้องต่างหน้าซีดตัวสั่น แต่กระนั้นก็ยังไม่วายทำใจดีสู้เสือ
“งั้นนายหัวก็ดื่มน้ำก่อนนะครับจะได้ใจเย็นๆ”
แทนที่จะปล่อยเจ้านายหนุ่มซึ่งกำลังคลุ้มคลั่งประหนึ่งพายุร้าย ยุทธนากลับเอาแก้วน้ำมาจ่อตรงปากบางเฉียบ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกสุดตัว เมื่อโดนคนที่ถูกมัดมือทั้งสองข้างติดกับเก้าอี้ มัดเท้าติดกัน ตวาดเข้าให้
“กูไม่ดื่มโว้ย!”
“งั้นพวกผมขออนุญาตนะครับ”
ขาดคำชายอีกสามคนที่เหลือก็ต่างกรูเข้ามาช่วยกันจับจอมพลไม่ให้ดิ้นรนฟึดฟัด แล้วกลอกน้ำในแก้วใส่ปากเจ้าพ่อมาเฟียที่กำลังอาละวาดด้วยความฉุนจัด
“ถ้ากูหลุดไปได้ พวกมึงเตรียมตัวตายได้เลย” น้ำเสียงขุ่นคลั่กถูกเค้นออกมาจากลำคอแกร่ง ขณะกวาดสายตาอำมหิตมองชายทั้งสี่อย่างเอาเรื่อง
“เมตตาพวกผมด้วยเถอะครับ พวกผมเลี่ยงคำสั่งของนายใหญ่ไม่ได้จริงๆ”
“เออ! กูจะเมตตาพวกมึงก็ได้”
“ขอบคุณครับนาย” สี่หนุ่มต่างพากันละล่ำละลักด้วยความยินดีว่าตัวเองจะรอดตายแล้ว แต่ไม่นานก็ต้องพากันอ้าปากค้างและเหงื่อตกเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“เดี๋ยวกูจองศาลาให้”
“โธ่…นายครับ”