บ่อเกิดแห่งความแค้น (100%)
พอได้เอกสารเกี่ยวกับตัวต้นเรื่องมา เบอนันเดสก็รีบกวาดสายตาอ่านรายละเอียดทั้งหมดอย่างตั้งอกตั้งใจ ทำให้ชายหนุ่มได้รู้ว่า ตั้งแต่ช่วงหกเดือนที่แล้ว ก่อนที่น้องชายของเขาจะจบชีวิตลงอย่างน่าเวทนา เฟรดเดอริคเริ่มรู้จักกับสาวไทยคนหนึ่งนามว่าลัยลา บวรเกียรติกัมปนาท หล่อนเป็นคนสวย เซ็กซี่และเป็นดาวเด่นในชั้นปี ลัยลาเข้ามาตีสนิทกับเฟรดเดอริคก่อน แล้วจากนั้นไม่นานทั้งสองก็เริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น เริ่มออกเดตและตกลงคบหาเป็นแฟนกัน โดยที่น้องชายไม่เคยเล่าให้เขาฟังเลยว่าตนมีแฟนแล้ว
ลัยลาใช้มารยาหญิงหลอกล่อให้เฟรดเดอริคหลงจนโงหัวไม่ขึ้น แต่ที่ลัยลาทำไปทั้งหมดหาได้พิศวาสในตัวเฟรดเดอริคอย่างที่แสดงออกไม่ หล่อนทำเช่นนี้เพียงเพราะต้องการให้คนเก่งอย่างเขาช่วยในเรื่องการทำวิทยานิพนธ์ก่อนจบเท่านั้น สุดท้ายวิทยานิพนธ์ของหล่อนก็ผ่านไปได้อย่างสวยงาม เมื่องานของหล่อนบรรลุเป้าหมายหล่อนก็จัดการสลัดเขาทิ้งอย่างไม่ไยดี ทำราวกับคนที่ไม่เคยรู้จักกัน เฟรดเดอริคพยายามเฝ้างอนง้อและถามไถ่ว่าตนทำอะไรผิด หล่อนก็ไม่แยแสไล่ตะเพิดเขาอย่างไม่ไว้หน้า ซ้ำร้ายยังควงลูกชายท่านรัฐมนตรีมาเย้ยอย่างไม่แคร์ความรู้สึก
“แกแน่ใจนะว่ายัยหน้าจืดนี่เป็นสาเหตุให้น้องชายฉันตาย” เบอนันเดสถามย้ำให้ชัวร์ คิ้วหนาเลิกขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้ ว่ารูปที่เขากำลังดูอยู่คือผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดจริงหรือ ยิ่งมองหน้าผู้หญิงในรูปเขายิ่งไม่คิดว่าน้องชายของตนจะหลงหล่อนจนโงหัวไม่ขึ้น ในสายตาเขาหล่อนไม่มีเค้าของความสวยเซ็กซี่เลย แถมหน้าตายังบ้านๆ ซะด้วยซ้ำ มองยังไงก็ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ
“ครับนาย เพราะคนชื่อลัยลา บวรเกียรติกัมปนาท มีแค่คนเดียวแน่นอนครับ” เดรคตอบผู้เป็นนายด้วยความมั่นใจว่าคราวนี้ตนทำงานไม่พลาดแน่ เพราะเขาสืบแล้วสืบอีก
ตอนแรกเดรคก็ไม่ค่อยไม่แน่ใจในประวัติของหญิงสาวเท่าที่ควร ก็เลยจ้างนักสืบมือดีมาช่วยอีกแรง แต่ผลก็ออกมาเหมือนกันคือผู้หญิงที่ชื่อและนามสกุลนี้มีเพียงคนเดียวในประเทศไทย แต่เดรคหารู้ไม่ว่าบิดาของหญิงสาวทั้งสองจงใจที่จะปกปิดประวัติของลูกสาวคนเล็ก ทำราวกับเธอไม่มีตัวตนมาตั้งแต่เกิด ส่วนรูปที่เขาได้มามันมาจากเว็ปไซต์แนะนำร้านขนมไทยแห่งหนึ่ง จึงทำให้ข้อมูลที่ได้มาผิดพลาดไปซะหมดทุกอย่าง
“งั้นแกให้คนของเราไปจับตัวหล่อนมาให้ฉัน ด่วนที่สุด” เบอนันเดสออกคำสั่งด้วยเสียงเหี้ยมโหด เขาจะไม่ทนรออะไรอีกแล้ว ความแค้นทั้งหมดจะต้องได้รับการสะสางในเร็ววัน
“ครับ” เลขาหนุ่มค้อมหัวรับคำ แล้วก้าวออกไปจากห้องทันที
“หึ…ยัยปีศาจ แล้วเธอจะได้รู้ว่านรกบนดินมันเป็นยังไง” เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะมองหน้าหญิงสาวที่ปรากฏในรูปถ่ายด้วยสายตาอาฆาตแค้น ก่อนจะกำกระดาษใบนั้นจนยับยู่ยี่แทบเป็นผุยผงในอุ้งมือใหญ่
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
บริษัทนี้เป็นบริษัทที่สามแล้วที่โรฮันนาตัดสินใจมาสมัครงานในวันนี้ เดินย่ำต๊อกหาสมัครงานจนส้นรองเท้าสึกไปสองคู่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้งานทำซักที งานสมัยนี้มันหายากเหลือเกิน มันเป็นเพราะวุฒิการศึกษาของเธอต่ำหรือเป็นเพราะอะไรกันแน่ หญิงสาวได้แต่นั่งทอดถอนใจและแอบครุ่นคิดอยู่คนเดียวเงียบๆ
‘กรอกใบสมัครทิ้งไว้ แล้วทางเราจะติดต่อกลับไปนะคะ’
นี่คือคำตอบที่เธอได้รับจากห้าบริษัทเป็นอย่างน้อยในรอบสามวันที่ตระเวนไปหางานทำ
วันนี้เป็นวันที่สี่แล้วที่โรฮันนาออกมาเดินย่ำเท้าหาสมัครงาน ร่อนใบสมัครไปหลายที่แต่ผลก็คือ บริษัทที่เธอไปสมัครไว้ไม่มีใครโทรมาเรียกสาวน้อยผู้อาภัพไปสัมภาษณ์งานเลยแม้แต่ที่เดียว ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ยังไม่ถอดใจ ไปกรอกใบสมัครไว้ทุกที่ที่มีการประกาศรับพนักงานวุฒิปริญญาตรี
ไม่ว่าจะได้งานในตำแหน่งอะไรโรฮันนาก็พร้อมที่จะทำมันอย่างตั้งใจ ขอเพียงแค่บริษัทเหล่านั้นให้โอกาสเธอได้เข้าไปทำงาน การโดนปฏิเสธทำให้หญิงสาวถึงกับเดินคอตกน้ำตาซึมออกมา น้อยใจในโชคชะตาของตัวเองเหลือเกิน เธอก็แค่หวังว่าจะออกมาหางานทำ เพื่อจะได้มีเงินเก็บไว้เลี้ยงตัวเองในอนาคต ลำพังเงินจากร้านขนมไทยอย่างเดียวคงจะไม่พอใช้จ่าย เพราะไหนจะต้องเจียดเงินที่ได้มาในแต่ละวันให้ลูกจ้างที่เธอจ้างมาช่วยงานอีก
ครั้นร่างอ้อนแอ้นเดินลงจารถเมล์ กำลังจะไปเรียกวินมอเตอร์ไซค์ที่หน้าปากซอยให้เข้าไปส่งที่บ้าน ก็มีใครคนหนึ่งยื่นวัตถุสีดำมาจี้ที่เอวบางซะก่อน
“อ๊ะ!” หญิงสาวอุทานเสียงดัง สะดุ้งโหยงสุดตัว อยากจะร้องไห้ออกมาให้ก้องโลกนัก ทำไมชีวิตเธอมันถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างนี้ ทำไมมันถึงมีแต่เรื่องร้ายๆ ถาโถมเข้ามาไม่รู้จักจบจักสิ้น เธอทำผิดอะไรนักหนา ไยสวรรค์ถึงได้ลงโทษไม่หยุดหย่อนเช่นนี้
“ถ้าไม่อยากถูกยิงไส้แตกก็อย่ากระโตกกระตากไปคุณผู้หญิง” คนร้ายเอาเจ้ามัจจุราจกระบอกดำจ่อเข้าที่เอวบาง แล้วกระซิบขู่ น้ำเสียงของมันเหี้ยมเกรียมจนหญิงสาวขนลุกซู่
“ยะ…อย่าทำอะไรฉันเลย นายอยากได้อะไรก็เอาไป ฉันยอมแล้ว” เจ้าของใบหน้าซีดเผือด ตัวสั่นงันงก รีบบอกชายร่างยักษ์ที่ยังไม่เห็นหน้าด้วยท่าทางหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ
“หึหึ เงินน่ะเรามีเยอะแล้ว ไม่ต้องการ” มันพูดเสียงกลั้วหัวเราะข้างหูราวกับขบขันเสียเต็มประดา
“แล้วพะ…พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉัน” โรฮันนารวบรวมสติ แล้วถามกลับไปอย่างหวาดๆ
“อย่าถามมาก ไปกับเราซะดีๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” ไอ้วายร้ายตวาดเบาๆ แล้วรุนหลังให้หญิงสาวเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“ไม่นะ! ปล่อยฉัน! ชะ…ช่วยด้วย” เธอพยายามขืนตัวออกจากการคุกคาม ดิ้นขลุกขลักยื้อยุดจะวิ่งหนีออกจากรัศมีอันตราย ลนลานที่จะหาทางให้คนช่วย
“บอกให้หยุดแหกปากไงล่ะ!” มันตวาดลั่นด้วยความโมโห มือแข็งล็อกตัวเธอไว้จนกระดูกแทบหัก
“ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย! ฉันถูกลักพาตัว!”
โรฮันนายังคงตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างคนใกล้ชะตาขาดซะเลย เพราะไม่มีใครให้ความสนใจเสียงเรียกแม้แต่คนเดียว ต่างคนต่างแย่งกันเบียดเสียดขึ้นรถเมล์ที่มาถึงพอดี
“จัดการ” หัวหน้าใหญ่บุ้ยปากให้ลูกน้องโปะยาสลบลงบนจมูกน้อย
“ช่วยด้วย อุ๊บ!” ร่างบางดิ้นพล่านขัดขืน ก่อนที่จะอ่อนระทวยสิ้นฤทธิ์ลง
จากนั้นชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ก็นำร่างไร้สติของเชลยสาวมุ่งตรงไปขึ้นเครื่อง เพื่อนำไปส่งให้ถึงอุ้งมือของผู้เป็นนายตามบัญชาการ
ก่อนที่นกเหล็กลำใหญ่จะทะยานขึ้นฟ้าบินถลาไปสู่จุดหมาย หนึ่งในชายฉกรรจ์หน้าโหดก็กดโทรศัพท์ต่อสายไปรายงานผู้เป็นนาย
ตี๊ดๆๆๆ…
เบอนันเดสกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานที่บ้านด้วยสีหน้าเครียดเขม็ง เพราะภายในจิตใจมีแต่เรื่องราวการตายของน้องชายคอยวนเวียนเข้ามารบกวน สมาธิที่ควรจะจดจ่ออยู่กับงานจึงเหมือนขาดๆ หายๆ เมื่อเห็นสายเรียกเข้าเป็นสายจากลูกน้องที่เขาสั่งให้ไปทำงานสำคัญก็รีบกดรับสายทันที
“เออ…ว่าไง” เสียงถามห้วนจัด
“นายครับได้ตัวเธอมาแล้วครับ” ลูกน้องรายงานผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงแข็งขัน
“ดีมาก” ชายหนุ่มยิ้มด้วยความพอใจ
“นายจะให้พวกผมเอาเธอไปส่งที่ฟาร์มเลยหรือเปล่าครับ” ชายร่างยักษ์ถามไถ่ถึงความประสงค์ เพื่อที่พวกเขาจะได้จัดการให้ถูกใจเจ้านายจอมเนี๊ยบ
“ใช่ เอาเธอไปขังไว้ที่แอฟริกา แล้วอย่าให้หนีไปได้ล่ะ”
เบอนันเดสสั่งเสียงเข้มพร้อมเผยอยิ้มเหี้ยมที่มุมปาก ในที่สุดผู้หญิงสารเลวคนนั้นก็มาอยู่ในกำมือเขาจนได้ ทีนี้แหละเธอจะได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม เขาไม่เอาเธอมาสบายที่สวิตเซอร์แลนด์หรอก คนอย่างเธอมันต้องอยู่ที่ทุรกันดารและดิบเถื่อนไร้ทางหนีเช่นแอฟริกาถึงจะเหมาะ
“ครับนาย” ลูกน้องรับคำนายแข็งขัน แล้วรีบหันไปสั่งนักบินทันทีว่าจุดหมายปลายทางของทั้งหมดคือที่ใด
เมื่อจบบทสนทนากับลูกน้องที่เขามอบหมายให้ไปจับตัวผู้หญิงแพศยาคนนั้นมาสำเร็จโทษ เบอนันเดสก็รีบก้าวยาวๆ เดินออกจากห้องทำงานมาสั่งเลขา
“ไอ้เดรค บอกกัปตันให้เตรียมเอาเครื่องออก” คนฟังถึงกับงงกับคำสั่งของผู้เป็นนาย ทั้งที่ในตารางงานไม่น่าจะต้องใช้เครื่องในวันนี้
“นายจะไปไหนครับ ไม่มีในกำหนดการนี่นา” เดรคอดที่จะถามด้วยความสงสัยไม่ได้ แต่ท้ายประโยคเหมือนจะพูดกับตัวเองซะมากกว่า
“ไปแอฟริกา” เบอนันเดสตอบด้วยเสียงห้วนๆ เขาตั้งใจจะเอาเธอไปขังไว้ที่ฟาร์มอันทุรกันดาร ที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากความเจริญ รายล้อมไปด้วยอันตรายรอบด้านและสรรพสัตว์นาๆ ชนิด หากเธอคิดจะหนีสิ่งที่จะพาเธอเล็ดลอดไปได้คือวิญญาณเท่านั้น
“ไปทำไมครับ?” เลขาหนุ่มเลิกคิ้วถามอีกหน ฟังคำตอบแล้วยิ่งมึนเข้าไปอีก เพราะช่วงนี้นายมีประชุมแทบทุกวัน แล้วทำไมต้องบินไปฟาร์มแบบปัจจุบันทันด่วนเช่นนี้ด้วย
“จะไปดูหน้านังเชลยซะหน่อย”
“แต่พรุ่งนี้นายมีประชุมกับผู้ถือหุ้นนะครับ” เดรคเตือนความจำของผู้เป็นนายเสียงแผ่ว เพราะเกรงว่าจะโดนตวาดที่กล้าไปขัดใจคนอารมณ์ร้าย
“ฉันรู้แล้วน่าไอ้เดรค พรุ่งนี้เช้ากลับมาก็ยังทัน” เบอนันเดสตวัดตาคมใส่คนถามนั่นถามนี่ด้วยแววตำหนิ ไม่ค่อยพอใจที่เลขาของตนเอาแต่ซักไซ้อยู่ได้ มันจะสงสัยอะไรนักหนา