ตอนที่ 1
“ดอกไม้”
ในมืออสูร
เล่ม 1
นวนิยายสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น
ผู้เขียน
กาสะลอง
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอก
เนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ เว้นแต่ได้รับอนุญาต
จากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
“วันมะรืนพยัคฆ์จะกลับมาแล้ว... ”
เจ้าสัวธนาเอ่ยกับภรรยาทั้งสองที่กำลังนั่งร่วมโต๊อาหารเช้าภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ ด้านขวาคือ ‘ชุลี’ ซึ่งตอนนี้ยึดตำแหน่งเมียหลวง ทางซ้ายคือ ‘วิไล’ เป็นภรรยารอง
“เฮียเสือจะกลับมาแล้วหรือครับป๋า”
‘วายุ’ ลูกชายที่เกิดจากวิไลเอ่ยถามผู้เป็นบิดาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อรู้ว่าพี่ชายต่างมารดากำลังจะเดินทางกลับมาอยู่เมืองไทยหลังจากเรียนจบปริญญาโทมาจากประเทศอังกฤษหมาดๆ
“ใช่... แกจะไปรับไอ้เสือกับป๋ามั้ยล่ะ”
เจ้าสัววางช้อนกับส้อมลงในจานกระเบื้องสีขาวตรงหน้า
“คงไม่ได้ครับ... มะรืนผมติดเรียนครับป๋า”
วายุกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่สามในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของเมืองไทย
“แล้วแกล่ะไอ้พีร์”
เจ้าสัวหันมาถาม ‘พีรพงษ์’ ลูกชายอีกคนที่เกิดจากชุลี พีรพงษ์มีอายุใกล้เคียงกับวายุ ทั้งสองคลอดห่างกันเพียงไม่กี่วัน วายุจึงเรียกพีรพงษ์ว่าพี่ แต่พยัคฆ์คือพี่ใหญ่ในบรรดาสามหนุ่ม เพราะเป็นลูกที่เกิดจากเมียคนแรกของท่านเจ้าสัวธนา
“ผมมีนัดแล้วครับป๋า... ใจจริงก็อยากไปรับเฮียเสือด้วย แต่ไม่ว่างจริงๆ ครับ”
พีรพงษ์กล่าว ปกติคนในบ้านเรียกพยัคฆ์ด้วยชื่อเล่นสั้นๆ ว่า ‘เสือ’
“ติดสาวก็บอกมาเถอะวะพี่พีร์”
วายุรู้ทัน พีรพงษ์หลิ่วตาให้น้องชายต่างมารดา
“อันที่จริงคุณพี่ไม่ต้องไปรับเองก็ได้มั้งคะ... ให้คนขับรถไปรับก็ได้”
ชุลีกล่าวพลางยกแก้วน้ำขึ้นจิบ หล่อนไม่พอในนักที่เห็นเจ้าสัวรักพยัคฆ์ซึ่งเป็นลูกชายที่เกิดกับเมียคนแรกจนออกนอกหน้า
พยัคฆ์เป็นลูกครึ่ง เพราะว่ามารดาเป็นชาวอเมริกา อาศัยอยู่ในแถบละตินอเมริกา เจ้าสัวธนาพบรักกับโซเฟียซึ่งเป็นมารดาของพยัคฆ์ในระหว่างไปใช้ชีวิตที่อเมริกา ทั้งสองอยู่ด้วยกันโดยไม่ได้แต่งงานแต่อย่างใด แต่ก็รักกันมากจนมีลูกด้วยกันซึ่งก็คือพยัคฆ์
หลังจากมารดาของพยัคฆ์เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจ้าสัวตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย ตอนนั้นพยัคฆ์เพิ่งมีอายุเพียงสิบขวบ
“วิไลว่าเจ้าสัวไปรับคุณพยัคฆ์ด้วยตัวเองก็ดีนะคะ เพราะว่านานๆ จะเจอกันที... นี่ก็สี่ปีแล้วนะ... ที่คุณพยัคฆ์ไม่ได้กลับเมืองไทย”
วิไลขัดขึ้นบ้าง ดูเหมือนว่าความสุขอย่างหนึ่งของหล่อนก็คือการได้ขัดคอชุลีซึ่งยึดตำแหน่งเมียเอกไปแล้ว ทั้งที่จริงตำแหน่งนี้ควรจะเป็นของมารดาพยัคฆ์ ทว่าหลังจากโซเฟียเสียชีวิตลง ชุลีก็ตั้งตนเป็นเอกภรรยาไปโดยปริยาย
“ไม่ขัดฉันสักเรื่องจะได้ไหมคะคุณวิไล”
ชุลีกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะ บอกให้รู้ว่าหล่อนไม่พอใจ
“ก็ดิฉันพูดจริงนี่คะคุณพี่”
วิไลไหวไหล่ เถียงไม่ลดละ แม้จะโดนชุลีจัดอันดับให้เป็นเมียรอง แต่ใช่ว่าหล่อนจะยอมรับ เพราะวิไลถือว่าอันที่จริงชุลีก็คือ ‘เมียน้อย’ ของเจ้าสัวไม่ต่างจากหล่อน
“พวกเธอหยุดทะเลาะกันสักวันได้ไหม”
เจ้าสัวธนารีบยกมือห้ามศึก ด้วยรู้ว่าภรรยาสองคนนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาแต่ไหนแต่ไร วิไลแอบเบะปาก ลอยหน้าลอยตาทำปากยื่นใส่ชุลี ดูแล้วไม่ได้มีทีท่าเกรงกลัวกันเลยสักนิด
“คุณชุลีคะ... คนใช้มารอสัมภาษณ์แล้วค่ะ”
ป้าชื่นซึ่งเป็นคนรับใช้เก่าแก่ของบ้านเข้ามารายงายกับผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“งั้นชุลีขอตัวนะคะคุณพี่... ”
หันไปบอกเจ้าสัว ว่าพลางหยัดร่างขึ้นจากเก้าอี้ ตวัดสายตามองวิไลเหมือนจะบอกให้รู้ว่าอยู่ไปก็เหม็นหน้ากันเปล่าๆ
หลังจากชุลีขอตัวไปทำธุระ หล่อนเพิ่งประกาศรับสมัครคนใช้และคนขับรถได้เพียงไม่กี่วันก็มีคนสนใจเข้ามาสมัครงาน ทำให้ต้องคอยสัมภาษณ์เป็นระยะ ครั้นเมื่อวิไลได้โอกาสอยู่กับผัวสองต่อสองจึงรีบออดอ้อนท่านเจ้าสัวทันที
“เจ้าสัวขา... ไม่รีบไปทำงานใช่ไหมคะวันนี้”