EP 5
เจ้าของส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบ จ้องมองกระโปรงทรงสอบสีเทา ยาวระดับเข่า มีเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนๆ สวมด้านบนไว้ ตรงชายสอดเข้าไปในขอบกระโปรง เข็มขัดหนังสีขาวคาดเอวคอดเอาไว้
เผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบเรียบ ผมดกดำยาวไปถึงกลางหลัง ช่วงปลายดัดเป็นคลื่นเล็กน้อย ถูกรวบมัดหลวมๆ ไว้ เพราะต้องผจญภัยบนสองแถว รถไฟฟ้า แล้วเดินเท้าไปอีกหลายร้อยเมตร ก่อนจะถึงที่ทำงาน
เมื่อสำรวจตัวเองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าพบว่าเรียบร้อยแล้ว ‘มัทรี ทรัพท์สมบูรณ์’ ก็สะพายกระเป๋าหนังสีขาว เดินออกจากห้องนอนเล็กๆ ไปคว้าเอากล่องพลาสติกใสใบย่อมบนโต๊ะกินข้าว ใส่ลงในกระเป๋าใบใหญ่ แล้วรีบคว้ารองเท้าคัทชูส้นเตี้ย ออกประตูบ้านไป
“จะไปแล้วเหรอมัท”
ยายบุญมีที่ตักบาตรพระเสร็จนานแล้ว แต่ยังยืนรดน้ำผักสวนครัวหน้าบ้าน ควบคู่กับการคุยกับเพื่อนบ้านใกล้กัน หันมาหาหลานสาวด้วยความเคยชิน
“จ้ะยาย มัทไปนะจ๊ะ สวัสดีจ้ะยาย สวัสดีจ้ะน้าเป้ย”
มัทรีไหว้ยายแล้ว ก็เลยไหว้เป้ย เพื่อนบ้านที่รู้จักกันมานานด้วย แล้วรีบเดินไปยืนรอรถสองแถวตรงหน้าปากทาง ห่างจากบ้านราวสามร้อยเมตร จากนั้นก็ขึ้นรถไฟฟ้า มีผู้คนไม่หนาตามาก
เพราะเพิ่งจะหกโมงนิดๆ แล้วลงตรงสถานีสุดท้าย ต่อด้วยการเดินเท้าไปบริษัทแทนการนั่งมอเตอร์ไซคล์รับจ้าง แม้ระยะทางจะไกลถึงห้าร้อยเมตร แต่ยามเช้าๆ อย่างนี้ เดินดูอะไรไปด้วยก็เพลินดี
ราวสิบห้านาที ก็ถึงหน้าประตู ‘เอส เอส ที พีวีซี บริษัทมหาชน จำกัด’1 แล้ว ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายท่อพีวีซีครบวงจร ตลอดจนนำเข้าและจำหน่ายวัตถุดิบอื่นๆ เกี่ยวกับการผลิตท่อพีวีซีที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย
แถมหุ้นยังมีราคาสูงในตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย ส่วนพนักงานนั้นมีหลักพันขึ้นไป ทั้งในไทยและต่างประเทศ
มัทรีกระชับสายกระเป๋าเข้ากับบ่า แล้วรีบเดินผ่านป้อม รปภ. ไป แบบไม่มองคนด้านใน เพราะรู้ว่าตัวเองมักจะกลายเป็นเป้าสายตาบ่อยครั้ง มีพนักงานหญิงชายกลุ่มหนึ่งเดินนำอยู่ก่อนแล้ว
กำลังคุยกันถึงเรื่องละครหลังข่าวเสียงดัง อย่างไม่กลัวใครจะได้ยิน นั่นแปลว่าตัวเองก็ไม่ใช่คนมาเช้าสุดในอาคารนี้ แต่ก็ยังโชคดี ที่ไม่ต้องคอยแย่งโดยสารลิฟต์กับใครมากมายนัก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงออกบ้านเช้า และกลับช้ากว่าคนอื่น
สองเท้าก้าวเข้าไปในอาคารสูงสามสิบห้าชั้นอย่างมั่นคง แล้วไปยืนรวมกับพนักงานบริษัทอื่น ที่เช่าอาคารแห่งนี้เป็นออฟฟิศไว้ ไม่นานก็ได้เข้าไปในกล่องสี่เหลี่ยม แล้วพาเคลื่อนไปยังชั้นยี่สิบเอ็ด เพราะตั้งแต่ชั้นนี้ไปจนถึงชั้นบนสุด เป็นอาณาบริเวณของบริษัททั้งหมด ส่วนชั้นหนึ่งถึงยี่สิบ เป็นส่วนของผู้มาเช่าหลายเจ้า
ทุกเช้าก่อนเข้าออฟฟิศ หญิงสาวมักจะยืนมองชาร์ตขององค์กร ที่แปะอยู่ผนังด้านหน้าห้องเสมอ เป้าหมายของสายตานั้น จับจ้องอยู่กับรูปเล็กๆ ของกรรมการ ผู้จัดการบริษัท ใบหน้าขาว มีแว่นใสแจ๋วครอบดวงตาดำเอาไว้นั้น ชวนให้หลงใหลได้ไม่ยาก ผมรองทรงกับสูทสีเข้ม ช่วยส่งให้เขาน่าเกรงขามเสมอมา
นับตั้งแต่เรียนปีหนึ่งกระทั่งถึงตอนนี้ รวมเป็นระยะเวลาถึงแปดปีแล้ว ที่หัวใจอันใสบริสุทธิ์ดวงนี้ ถูกผู้บริหารหนุ่มผู้หล่อเหลา และเป็นขวัญใจของสาวๆ เข้ามาสิงสถิตอยู่ มัทรีไม่เคยรู้รสชาติของความรักมาก่อน กระทั่งวินาทีที่ได้เห็นเจ้าของรูปร่างกำยำล่ำสัน ส่วนสูงร้อยแปดสิบแปด ในสูทสีเทาลายทาง เดินไปมาในบริษัท
ส่วนตัวเองยังอยู่ในสถานะภาพเด็กฝึกงานเท่านั้น จำได้ว่าตอนที่เห็นเขานั้น มันรู้สึกเหมือนมีก้อนมหึมาพุ่งชนอย่างจัง จนกายแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งเพื่อนมาตบไหล่เรียก สติถึงได้คืนกลับเข้าตัว หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็ได้เห็นเขาใกล้ๆ และได้ตอบรับเขาแค่คำว่า ‘ค่ะ’ เมื่อเขาเอ่ยถามว่า
“เป็นเด็กฝึกงานเหรอครับ”
น้ำเสียงของเขาช่างเพราะพริ้งยิ่งกว่าบทเพลงใดๆ ใบหน้าของเขานั้น ช่างขาวหมดจด จนผู้หญิงในตึกนี้หลายคนต้องอาย ไม่ว่าจะอยู่ในเครื่องแต่งกายสีไหน หรือแบบใด ก็มักจะกลายเป็นเป้าสายตาให้สาวๆ มองตามได้เสมอ รวมทั้งเธอและผองเพื่อนด้วย
ดีที่ยายสอนมาตั้งแต่จำความได้ ว่าให้ทำตัวเป็นกุลสตรี ถึงเก็บงำอาการปลื้มเขาเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน แต่เพื่อนๆ นี่สิกลับเก็บไม่อยู่ เพราะต่างออกอาการปลื้มเกินหน้าเกินตา จนถูกดุไปตามๆ กัน
จากเด็กฝึกงานคนนั้น จนมาเป็นพนักงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝึกอบรมคนนี้ ยังไม่เคยสลัดผู้บริหารหนุ่มหล่อและสูงส่งออกไปจากใจได้เลย และนี่ก็เป็นเหตุผลหลัก ที่หญิงสาวมักจะขอมาฝึกงานในบริษัทนี้ทุกเทอม
พอเรียนจบ ก็สมัครทำงานในแผนกที่มาฝึกงานทุกปีต่อเลย และถือเป็นความโชคดี ที่หัวหน้างานอย่างชูชาติเองก็ปลื้ม เพราะเธอเป็นเด็กดี ฉลาด ขยัน กิริยามารยาทก็เรียบร้อย เลยได้งานมาแบบไม่ต้องแข่งกับใครมาก
หลังจากยืนชื่นชมชายในฝันของตัวเอง และของสาวๆ ทั้งออฟฟิศ หรือทั้งตึก หรืออาจจะทั้งเมืองแล้ว มัทรีก็เปิดประตูออฟฟิศด้วยกุญแจในกระเป๋า เพราะส่วนใหญ่จะมาถึงเป็นคนแรกในฝ่ายทรัพยากรบุคคล
แต่โต๊ะทำงานนั้น ดันอยู่ลึกสุดจนติดผนังห้อง มีพาร์ทิชันสูงท่วมหัวกั้นเอาไว้เป็นคอกๆ ด้านขวามือคือห้องทำงานของผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือคนที่เธอมักจะเรียกจนติดปากว่า ‘พี่ชาติ’
เมื่อมาถึงก่อนใคร หน้าที่เสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อนกับเติมน้ำจนเต็ม จึงเป็นของหญิงสาวไปโดยปริยาย จากนั้นก็รีบนั่งสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองหน้ากระจกเล็กๆ ที่มีไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน พอเสร็จก็จะนั่งกินมื้อเช้า