บท
ตั้งค่า

บทที่ 11 เงินทุนก้อนแรก

เป็นแค่หญิงรับใช้แต่กลับกล้าเอ่ยปากสั่งสอนตนเอง เสิ่นปี้ฉือก้มหน้า แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง น้ำตาก็เอ่อล้นอยู่เต็มดวงตา : “เพราะข้าไม่ดีเอง พูดจาไม่เข้าหูจึงทำให้เจ้าพี่สะใภ้โมโห” จากนั้นจึงพยายามออกแรงลุกยืนขึ้นมา แต่ทว่า ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บจนลุกขึ้นไม่ไหว

ซวงหวนและชุ่ยหวนรีบเข้าไปประคองเสิ่นปี้ฉือขึ้นมา : “คุณหนู ท่านได้รับบาดเจ็บใช่ไหมเจ้าคะ”

“แค่เท้าแพลงนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมากหรอก” เสิ่นปี้ฉือแสดงท่าทีฝืนทนต่อความเจ็บปวด

ไป๋เชินมองดูเสิ่นปี้ฉือที่แสดงสีหย้าเจ็บปวด แล้วหันกลับไปมองพระชายาที่สีหน้าไร้ความรู้สึก ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที การต่อสู้กันระหว่างผู้หญิงในลานด้านหลัง ผู้ติดตามเช่นเขาคงไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรได้ ทำให้เขารู้สึกลำบากใจเสียจริง ๆ

หมิงโร่เองก็ไม่มีอารมณ์ที่จะมานั่งดูหญิงสาวที่หน้าซื่อใจคดร้องไห้ จึงหันไปกวักมือเรียกสาวใช้ที่ถือกล่องอาหารอยู่ไม่ไกล : “เจ้าน่ะ เดินมานี่ซิ”

สาวใช้คนนั้นเดินเข้ามาด้วยความประหม่า : “หม่อมฉันเฉ่าเอ๋อร์ ถวายพระพรพระชายาเพคะ”

“ลุกขึ้นเถอะ” หมิงโร่สังเกตเห็นนางตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เพราะนาง แต่เป็นเพราะกล่องอาหารที่นางถืออยู่ต่างหาก ที่ส่งกลิ่นหอมลอยฟุ้งออกมา “เจ้าบอกมาซิว่าเจ้าผู้พี่ล้มลงได้อย่างไร”

มารดาของเฉ่าเอ๋อร์เป็นแม่ครัวอยู่ในห้องครัวใหญ่ ที่ลานของซื่อจื่อน้อยต้องการเค้กพุทรา เมื่อขนมนึ่งเสร็จเรียบร้อย ก็ให้นางเป็นคนนำมาส่ง ซื่อจื่อกินแล้วรู้สึกอร่อย จึงให้นางนำมาส่งให้ท่านอ๋องหนึ่งจาน เพิ่งจะเดินมาถึงด้านนอกกำแพงเรือนเหมย ก็เห็นเจ้าผู้พี่และพระชายาพบหน้ากันพอดี “หม่อมฉันเห็นพระชายากำลังพูดคุยกับเจ้าผู้พี่ แต่ดูเหมือนเจ้าผู้พี่จะไม่ระวัง จึงล้มลงไปเองเพคะ”

“ต่อไปเจ้าผู้พี่ต้องเดินระวังหน่อยนะ อย่าเดินหกล้มอีกล่ะ” หมิงโร่พาจือซูเดินจากไป ขณะที่เดินผ่านเสิ่นปี้ฉือ เธอก็ดีดนิ้วในขณะที่ไม่มีใครทันจะสังเกตเห็น

หึ ๆ ทายาทจากตระกูลขุนนางแพทย์เสวียนอันสูงศักดิ์อย่างเธอ จะติดกับได้ง่าย ๆ ขนาดนี้หรือ ?

“ในเมื่อเท้าของเจ้าผู้พี่บาดเจ็บ ก็รีบกลับไปพักเถอะ แล้วให้หมอหลวงไปตรวจดูอาการ” ไป๋เชินรู้สึกว่าหมอหลวงที่ฮ่องเต้ส่งมามีเวลาว่างมากเกินไป ในที่สุดวันนี้ก็ทำตัวมีประโยชน์เสียที

“อาการบาดเจ็บยังพอทนได้ ข้าอยากจะนำโสมที่ตุ๋นกับมือไปให้ท่านพี่ดื่มเสียก่อน” เสิ่นปี้ฉือแสดงออกว่าไม่มีสิ่งใดจะสำคัญไปกว่าท่านพี่

“น้ำแกงนี้ข้าน้อยจะเป็นคนนำเข้าไปเอง เจ้าผู้พี่กลับไปก่อนเถอะ ท่านอ๋องกำลังนอนพักรักษาตัวไม่ต้องการพบใครทั้งสิ้น” เป็นเพราะท่านอ๋องเห็นแก่หน้าของไท่เฟย จึงยอมให้เจ้าผู้พี่พักอยู่ที่จวนเป็นการชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นน้ำแกง ขนม หรืออาหารที่นำมาส่งก่อนหน้านี้ มีครั้งไหนบ้างที่ท่านอ๋องยอมพบหน้านาง นางไปเอาความมั่นใจเช่นนี้มาจากไหนกัน ว่าท่านอ๋องจะอนุญาตให้นางเหยียบเข้าไปในเรือนเหมยได้

“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณพี่ไป๋มาก” เสิ่นปี้ฉือแอบด่าไป๋เชินอยู่ในใจไปหลายตลบ ที่เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ แต่ใบหน้ากลับแสดงออกถึงความเขินอายและแสดงความขอบคุณ จากนั้นจึงส่งสัญญาณให้สาวใช้ยื่นกล่องอาหารให้กับไป๋เชิน และเดินกะเผลกกลับไป โดยมีซวงหวนคอยประคองอยู่

ไป๋เชินมองดูเสิ่นปี้ฉือที่เดินจากไปแล้วส่ายหัว ดูเหมือนเขาจะประเมินเจ้าผู้พี่คนนี้ต่ำไปจริง ๆ----เมื่อครู่เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านางได้รับบาดเจ็บที่เท้าซ้ายไม่อาจใช้แรงได้ แต่เมื่อเดินไปเพียงสิบกว่าก้าว กลับเปลี่ยนเป็นเท้าขวา ดูเหมือนว่าเรื่องหกล้มข้อเท้าแพลง ล้วนเป็นการแสดงทั้งสิ้น

เมื่อเสิ่นปี้ฉือกลับถึงเรือนเบญจมาศ ก็ไม่อาจฝืนแสดงท่าทีอ่อนโยนและสง่างามได้อีกต่อไป นางหยิบถ้วยชาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วขว้างลงบนพื้นอย่างแรง : “ท่านอ๋องไม่พบแขก ! ท่านอ๋องไม่พบแขก ! หากข้าเป็นแขก......แล้วหมิงโร่คนนั้นเป็นอะไร !”

เมื่อชุ่ยหวนได้ยินสิ่งที่คุณหนูพูดก็รู้สึกใจสั่นขึ้นมา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นคือนายหญิงตัวจริงของจวนแห่งนี้ ต่อให้ภายหน้าคุณหนูจะได้เป็นพระชายารอง ก็ไม่อาจมีอำนาจเหนือกว่าพระชายาได้อยู่ดี อีกทั้งต่อให้จะไม่มีตำแหน่งพระชายา นางก็ยังเป็นองค์หญิงของแคว้นอยู่ดี เมื่อชุ่ยหวนเห็นท่าทางของคุณหนูที่ต้องการจะด่าว่าทุบตีเพื่อระบายอารมณ์ ก็รีบขับไล่บรรดาสาวใช้เด็กออกไป แล้วปิดประตูให้สนิท

เมื่อหมิงโร่กลับถึงเรือนไผ่ก็รู้สึกเจ็บขา จวนแห่งนี้กว้างใหญ่จริง ๆ จากเรือนเหมยถึงเรือนไผ่ ต้องใช้เวลาเดินกว่ายี่สิบนาที สงสารร่างกายองค์หญิงที่บอบบางของร่างเดิมเสียจริง ๆ เธอแอบตัดสินใจว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจะต้องออกกำลังกาย หากร่างกายไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นศัลยแพทย์ได้

“ไปยกอาหารมื้อเย็นมาเถอะ ข้าหิวแล้ว” หมิงโร่มองดูสีของท้องฟ้า ถึงแม้จะดูเร็วเกินไปสำหรับมื้อเย็น แต่เธอยังไม่ได้มื้อเที่ยงเลยด้วยซ้ำ

“หม่อมฉันจะสั่งให้คนไปยกมาเดี๋ยวนี้เพคะ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เกรงว่าที่ห้องครัวใหญ่คงไม่อาจทำให้อย่างกะทันหันได้เพคะ” จือซูคิดถึงเรื่องที่พระชายายังไม่ได้เสวยมื้อเที่ยง จึงสั่งให้สาวใช้ที่ทำหน้าที่ยกอาหาร ไปยกขนมมาสักเล็กน้อยก่อน

หมิงโร่กินเค้กพุทราเข้าไปสองชิ้น มื้อเย็นของนางก็ถูกยกเข้ามา มีเนื้อสัตว์หกอย่าง ผักสองอย่าง และน้ำแกงอีกหนึ่งอย่าง ถูกจัดวางอยู่เต็มโต๊ะอีกครั้ง คงเป็นธรรมเนียมการกินของตงเหิง ส่วนใหญ่จะเป็นสตู หมิงโร่ตรวจสอบความทรงจำของร่างเดิมอย่างละเอียด อาหารส่วนใหญ่ของหนานหรงคืออาหารจานผัด ไม่แตกต่างกับยุคปัจจุบันมากนัก หมิงโร่ไม่ชอบสตู จึงกินไปเพียงเล็กน้อย แล้วกลับเข้าห้องไป

หมิงโร่เอนกายลงบนเบาะนิ่มบนตั่งไม้ และเริ่มพิจารณาชีวิต หลังจากนี้เป็นต้นไปจะใช้ชีวิตอย่างไร ? หรือจะต้องติดอยู่ในจวนแห่งนี้ไปตลอดชีวิต ?

เธอถอนหายใจ ต่อให้เธอเต็มใจที่จะใช้ชีวิตที่นี่ต่อไป แต่เมื่อได้พบกับน้องสาวที่หน้าซื่อใจคดของหยุนชิงอ๋อง ก็รู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมา หากใช้ชีวิตอยู่ในจวน ต่อไปเรื่องเช่นนี้คงเกินขึ้นไม่หยุดหย่อน ที่นี่ไม่ใช่สังคมที่สามีจะมีภรรยาคนเดียว ต่อไปลานด้านหลังของจวน หากจัดการไม่ดี คงมีสนมเพิ่มขึ้นเต็มไปหมด

ฐานะที่หมิงโร่มอบให้ตนเองคือหมอรับเชิญ แต่เธอก็มีตำแหน่งพระชายาค้ำคออยู่ ซึ่งเปรียบเสมือนธงแดงที่ขวางหูขวางตา หากธงหลากสีคิดจะขึ้นมาแทนที่ ก็ต้องทำลายเธอลงเสียก่อน

เธอเป็นเพียงแค่องค์หญิงต่างแคว้น ไม่มีที่พึ่งพิงในตงเหิง ตอนนี้ชีวิตน้อย ๆ ของหยุนชินอ๋องอยู่ในกำมือของเธอ เมื่อพบกับปัญหา เขาก็ควรที่จะปกป้องเธอ แต่ถ้าหากอาการของเขาหายดีแล้ว ก็คงไม่ได้รับการป้องกันเช่นนี้อีก

หมิงโร่ไม่มีทางฝากชีวิตไว้ในมือของคนอื่น เธอถอนหายใจออกมา แล้วเริ่มวางแผน

ตอนนี้มีเรื่องสำคัญสองเรื่องที่ต้องทำ : เรื่องแรก รักษาซือห้าวเฉินให้หายดี เรื่องที่สองก็คือหาเงิน เมื่ออาการของซือห้าวเฉินหายดีแล้ว เธอก็จะไปจากจวน โลกกว้างใหญ่เช่นนี้ เธอต้องการออกไปสำรวจดู และถือโอกาสค้นหาหุบเขาที่อากาศเย็นสบาย ทำแปลงปลูกพืชสมุนไพร ตั้งตัวเป็นหมอลึกลับ ที่มีฝีมือยอดเยี่ยมและมีนิสัยที่แปลกประหลาด คิด ๆ ดูแล้วก็รู้สึกเท่ห์ไม่เบา

ในเมื่อตัดสินใจอย่างมีความสุขเช่นนี้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะต้องเริ่มหาเงินทุนก้อนแรกแล้ว

“พระชายาเพคะ มุ้งหลังใหม่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วเพคะ ลองดูสิเพคะว่าชอบไหม หากทรงพอพระทัย หม่อมฉันก็จะแขวนให้” จือซูอุ้มมุ้งเดินเข้ามา

“ใช้ได้เลย แขวนเถอะ” มุ้งหลังนี้เป็นสีเหลืองอ่อน ด้านบนมีลวดลายดอกกล้วยไม้ปักอยู่ ดูแล้วสบายตาและสง่างามอย่างยิ่ง เมื่อเข้าไปใกล้ ยังได้กลิ่นธูปหอมจาง ๆ อีก หมิงโร่ทนกับกลิ่นหอมของควันธูปเช่นนี้ไม่ไหว “ต่อไปเสื้อผ้าของข้าไม่ต้องอบกลิ่นธูปหอมนะ”

“หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”

“ข้าจะไปปรุงยาที่ห้องหนังสือ ห้ามให้ใครไปรบกวนข้า” จู่ ๆ หมิงโร่ก็คิดออกว่า เงินทุนก้อนแรกของเธอจะมาจากที่ไหน

หมิงโร่ง่วนอยู่กับงานจนมืดค่ำ จึงจะกลับไปพักผ่อนที่ห้องนอน ในช่วงกลางดึกที่มืดมิด มีเงาดำแอบเข้าไปในห้องหนังสือ ใช้ห่อผ้ากวาดยาสมุนไพรในห้องหนังสือไปจนเกลี้ยง แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปสักพัก เงาดำนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องนอนของซือห้าวเฉิน แล้วยื่นถุงผ้าใบใหญ่ที่บรรจุสมุนไพรให้กับหมอสวี จากนั้นจึงหันไปรายงานซือห้าวเฉิน : “พระชายาทรงปรุงยาด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ประตูและหน้าต่างทุกบานถูกปิดสนิท บริเวณโดยรอบไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้ หม่อมฉันจึงไม่อาจสืบอะไรได้เลย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel