ซ่อนรัก EP.5 ตามติด
"จ่ายค่าเช่าที่แม่บ้านชื่อพร" พี่นธีบอกสั้นๆแล้ววางกระเป๋าของฉันลงก่อนจะยื่นคีย์การ์ดมาให้ พร้อมกับบอกรหัสปลดล็อกประตู
พันกว่าจริงๆเหรอ...
ฉันมองดูห้องที่คล้ายห้องพี่นธีทุกอย่าง ข้าวของเครื่องใช้มีครบ ในครัวมีอุปกรณ์ทำอาหารซึ่งห้องของพี่นธีไม่มี
"แม่บ้านเหรอคะ" ฉันขมวดคิ้วถามอีกครั้งแต่ไม่ได้รับคำตอบกลับมา เพราะเขาบอกว่าไม่ชอบพูดซ้ำ ถ้าพูดซ้ำนั่นแปลว่ากำลังหงุดหงิดแล้ว อันนี้ฉันเดาว่าน่าจะเป็นแบบนั้น
แล้วพี่นธีก็เดินกลับไปห้องของตัวเอง
โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดฉันจึงไม่ต้องไปเรียนและไม่มีกิจกรรมรับน้องในวันนี้เพราะรุ่นพี่แจกภารกิจให้และต้องทำให้เสร็จภายในห้าวัน
ภารกิจที่ฉันได้รับค่อนข้างจะง่ายถ้าเทียบกับเพื่อนคนอื่นเพราะรุ่นพี่แค่ให้ฉันบอกความหมายที่แท้จริงของคำว่า 'รุ่น' เท่านั้น
ฉันจัดของตัวเองที่มีเพียงไม่กี่อย่างให้เข้าที่ก่อนจะเดินไปดูโซนครัวขนาดกระทัดรัดแต่มีของใช้เกือบทุกอย่างด้วยความตื่นเต้น
ที่ชอบห้องครัวและทำอาหารเพราะมันทำให้รู้สึกเหมือนมีแม่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันโตมากับการมองดูท่านทำกับข้าวในแต่ละวันและเรียนรู้ทุกอย่างกับแม่ คนที่จากฉันไปเมื่อสองปีก่อนและไม่มีวันกลับมา
ฉันยิ้มออกมากับตัวเองและมองดูพื้นที่ตรงนั้นเงียบๆ ก่อนไปทำงานต้องทำกับข้าวเลี้ยงพี่นธีซักมื้อเพื่อเป็นการขอบคุณแล้วล่ะ
ก๊อกๆ
ฉันเคาะห้องเขาไปสองสามทีไม่นานเจ้าของห้องก็เปิดออกมาพร้อมกับสภาพเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองตัวใหม่แล้วแต่ก็แนวเดิม นั่นคือกางเกงวอร์มแบรนด์แท้ราคาแพงกับเสื้อกีฬาสีแดงเลือดหมู(เสื้อคณะ)
"..." สายตาคมเข้มมองมาด้วยคำถามเหมือนรำคาญ ฉันคงรบกวนเวลานอนของเขาอีกแล้ว
อย่างหนึ่งที่รู้เกี่ยวกับตัวเขาตอนนี้คือชอบนอนอยู่ตลอดเวลาขี้เซาเป็นที่สุด
"เย็นนี้เนยจะทำกับข้าวเลี้ยงพี่นธีไม่ต้องออกไปซื้อนะ"
"..." เขามองนิ่งก่อนจะพยักหน้านิดๆตาแทบปิดเข้าหากัน
"พี่อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ"
"อะไรก็ได้" เขาตอบเสียงงัวเงียก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน "ฉันเกลียดการถูกวุ่นวายเวลานอน"
"ขอโทษค่ะ เนยไม่รบกวนแล้ว" ฉันบอกแล้วดึงประตูปิดให้เสร็จสรรพ
จากนั้นก็ลงไปซื้อของมาทำกับข้าว โชคดีที่มีร้านขายของสดพวกผัก เนื้อ ของทะเลอยู่ไม่ไกลมากแค่เดินไปราวๆสามร้อยเมตรก็ถึง
หลายชั่วโมงต่อมา
ก๊อกๆ
ฉันคิดว่าอาจตะโดนไล่ออกจากที่นี่ซักวันเพราะพี่นธีจะรำคาญนี่แหละ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาคงไม่ชวนฉันอยู่ห้องนี้แน่
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบทุ่มฉันทำกับข้าวเสร็จแล้วและเตรียมตัวออกไปทำงาน
"..."
"เนยรบกวนมั้ย" ฉันรีบถามคำถามนี้เป็นอันดับแรกเพราะกลัวจะรวบกวนเขาอีก
"..." พี่นธีไม่ตอบแต่มองดูฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าเพราะตอนนี้ฉันใส่เดรสรัดรูปยูนิฟอร์มของร้านแต่สวมทับด้วยกางเกงยีนส์ขาสั้นเอวสูงเอาไว้
"เนยจะไปทำงานค่ะแต่ชวนพี่กินข้าวด้วยกันก่อนเดี๋ยวยกมาให้" ฉันบอกแล้วยิ้มให้เขาพี่นธีก็ไม่ตอบนิ่งต่อไปแล้วเดินเข้าห้องโดยไม่ปิดประตู ฉันจึงหันหลังเข้าห้องตัวเองเพื่อเอากับข้าวมาทานที่ห้องเขา
เราทานข้าวกันเงียบๆเพราะคนตรงหน้าไม่ยอมพูดเลยซักคำฉันจึงไม่กล้าส่งเสียงใดรบกวนเขา
"แมวตัวนั้น" อยู่ๆเขาก็พูดขึ้นมา แถมยังพูดถึงแมวเนี่ยนะ "เอามันขึ้นมาให้หน่อย"
"คะ?" ฉันลืมตัวถามย้ำเพราะไม่ค่อยเข้าใจความคิดของเขา ก่อนจะรีบแก้คำ "พี่หมายถึงให้เอาแมวตัวนั้นขึ้นมาที่ห้องเหรอ"
"อืม"
"ได้ค่ะเดี๋ยวพรุ่งนี้เนยไปดูมันนะ เราต้องเอามันไปตรวจร่างกายก่อน" ฉันบอกแล้วยิ้มให้เขาด้วยความดีใจ เห็นนิ่งๆใจจริงก็รักสัตว์เหมือนกันนะเนี่ย
"วันนี้ล่ะ" เขาถามแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาฉัน
"วันนี้เนยต้องไปทำงานแล้ว"
"..." เขาเงียบแล้วก็กินข้าวต่ออีกคำ "จ้างเอาแมวไปหาหมอ"
"หา! ไม่ได้จริงๆค่ะ ถ้าทำแบบนั้นเขาไล่เนยออกแน่" ฉันบอกปัดแต่ก็แอบหวั่นใจที่เป็นฝ่ายปฏิเสธเขา ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกกลัวที่จะบอกปฏิเสธกับเขาก็ไม่รู้ หรือเพราะเขาทำดีกับฉันหลายอย่าง
"อืม" พี่นธีตอบสั้นๆแล้วจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆทิ้งให้ฉันนั่งสับสนอยู่คนเดียว
คนอะไรเดาใจอยากจัง
แล้วฉันก็เรียกรถมาทำงานตามปกติ ไม่ได้เจอพี่นธีอีกหลังจากที่เขาออกจากห้องไป เลยไม่รู้ว่าเขาไปไหนหรือโกรธอะไรฉันอยู่หรือเปล่า
"นิเนยวันนี้กลับดึกหน่อยนะ เพราะแขกวีไอพีมา" พี่ปายบอกฉันที่กำลังเตรียมตัวทำงาน
"ค่ะ" ฉันตอบแล้วส่งยิ้มให้เธอ จะทำยังไงได้ล่ะนอกจากตอบรับไปแบบนั้นเพราะขืนมีปัญหาก็จะไม่ได้ทำงานที่นี่
ร้านนี้เป็นร้านที่ใบเฟิร์นแนะนำให้มาทำเพราะรู้จักกับพี่เบส แต่ฉันกำชับมันแล้วว่าห้ามให้ใครรู้แม้กระทั่งญานิน เพราะฉันรู้จักนิสัยของญานินดี
ถ้ายัยนินรู้ว่าฉันลำบากแบบนี้จะต้องช่วยฉันแม้กระทั่งเรื่องเงิน ซึ่งฉันไม่อยากรบกวนมันเกินไป แล้วอีกอย่างฉันไม่อยากให้ใครมารับรู้เรื่องครอบครัวของตัวเองด้วยเรื่องน่าอับอายแบบนั้นคงไม่ควรจะพูดให้ใครฟัง
"น้องเนยคนเมื่อวันวานมาอีกแล้ว จะเอาเหล้าเขาไปให้มั้ย" พี่พนักงานผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาถามฉันเธอหมายถึงพี่นธีเหรอ
ฉันรีบสอดส่องสายตามองไปบริเวณที่ลูกค้ากำลังนั่งกันอยู่ก่อนจะเห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่คุ้นตา
เขามาจริงๆด้วย
"เดี๋ยวเนยบริการโต๊ะนั้นเองค่ะ" ฉันยิ้มให้เธอก่อนจะเดินไปหยิบเหล้าราคาแพงที่เขาทิ้งเอาไว้เมื่อวาน ทั้งที่มันพร่องไปเพียงนิด
ฉันเลยแอบเก็บไว้เผื่อเขาจะกลับมาอีก จะเอากลับไปให้เขาข้างนอกก็อายสายตาพนักงาน
"ชอบเราหรือเปล่าเนี่ย ดูรวยนะพี่เชียร์" พี่ฝนพนักงานคนเดิมพูดขึ้น
"ไม่ใช่ค่ะ เขาเป็นพี่ชายของเพื่อน" ฉันรีบบอกไปเพื่อไม่ให้ใครเข้าใจผิด
"อ๋อ จ้าๆ"
แล้วฉันก็เดินไปหยิบเหล้าขวดนั้นที่เก็บไว้ในห้องสินค้าออกมา เดินไปหาพี่นธีที่นั่งอยู่คนเดียวเช่นเดิม
"พี่ชอบมาร้านนี้เหรอ เนยไม่ค่อยเห็นเลย" ฉันยื่นหน้าเข้าไปถามจากทางด้านหลัง จนเจ้าตัวเผลอตกใจทางแววตาเล็กน้อย "อันนี้เหล้าพี่ เนยเสียดายเลยแอบเก็บไว้ให้ค่ะ"
ฉันบอกแล้ววางมันลงบนโต๊ะ
"..." เขาไม่ตอบ มองฉันแค่ไม่กี่วินาทีก่อนจะเบือนหน้าหนีไปมองจอโปรเจ็คเตอร์ขนาดใหญ่ที่กำลังถ่ายทอดสดฟุตบอลอยู่
"มาดูบอลเหรอคะ"
"อืม" เขาตอบแค่นั้นและไม่มองฉันเลยแม้แต่นิดเดียว
"พรุ่งนี้เนยมีเรียนเช้า วันนี้ก็ต้องเลิกดึกด้วย ตอนบ่ายเนยจะรีบกลับมาพาน้องแมวไปหาหมอแล้วเอามันมาห้องนะ" ฉันยิ้มแล้วชงเครื่องดื่มให้คนที่สายตายังคงดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลอยู่
"อยู่ห้องแล้ว" เขาบอกแล้วเอื้อมมือมาขยับเครื่องดื่มไปตรงหน้าก่อนจะยกขึ้นจิบ
"หา! แต่มันไม่ได้ตรวจร่างกายนะคะ"
"..." พี่นธีเบือนหน้ามามองฉันเหมือนรำคาญแล้วพูดเสียงเรียบ "คิดว่ามันจะอยู่รอเธอพรุ่งนี้?"
"..." ฉันกัดปากด้านในด้วยความรู้สึกผิดอยู่เต็มอก แปลว่าที่เขาหายไปตอนเย็นน่าจะไปหาน้องแมวแน่ๆ "งั้นพรุ่งนี้เนยไปเล่นกับมันนะ"
"..." พี่นธีไม่พูดอะไรเขาหันไปสนใจบอลต่อฉันจึงค่อยๆถอยออกมาเงียบๆ
"น้องเนย ดูแขกโต๊ะวีไอพีหน่อย" เสียงของพี่ปายเรียกฉันจึงรีบหันหลังกลับไปและเดินไปยังโต๊ะวีไอพี่ที่ว่านั้น
ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มผู้ใหญ่อายุราวๆห้าสิบกว่ากันแล้ว การแต่งตัวมีภูมิฐานและดูมีฐานะ
ฉันเดินเข้าไปสอบถามสิ่งที่ลูกค้าต้องการสั่งก่อนจะเดินออกมาและเตรียมของไปยังโต๊ะนี้พร้อมกับเพื่อนผู้หญิงอีกคน
"..." ฉันหันไปมองพี่นธีเขาก็มองมาพอดีฉันจึงส่งยิ้มให้เขาแล้วรีบเดินไปที่โต๊ะของวีไอพี จัดแจงวางเครื่องดื่มและชงให้พวกเขา
"นิเนยเธอรอบริการตรงนี้นะ"
ฉันพยักหน้าตอบรับแล้วเพื่อนอีกคนก็เดินจากไป
โต๊ะวีไอพีจะต่างจากโต๊ะอื่นคือที่นั่งเป็นโซฟาและถูกกั้นด้วยกระจกใจ จะต้องมีพรักงานยืนรอเพื่อยริการแขกอย่างน้อยหนึ่งคนเพื่อไม่ให้แขกระดับวีไอพีรอนาน
"อายุเท่าไหร่หนู ดูเด็กอยู่เลย" เสียงเข้มของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยทักแล้วมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า
สายตาแทะโลมของเขาทำให้ฉันรู้สึกใจไม่ดีและไม่ชอบเอาซะเลย ถึงแม้จะทำงานที่นี่มาเกือบเดือนต้องเจอคนมองแบบนี้แต่มันก็ไม่ชินนักหรอก
หรืออาจเป็นเพราะฉันฝังใจกับเรื่องแบบนี้ก็ว่าได้ แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกสำหรับงานในช่วงรับน้องแบบนี้เลย