ซ่อนรัก EP.3 คำพูดที่มีอิทธิพล
ปัจจุบัน
"พี่นธี เนยขอติดรถไปข้างนอกด้วยได้มั้ย" ฉันมองเขาด้วยแววตาแห่งการร้องขอ ซึ่งเขาอาจจะไม่เข้าใจว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น
"อือ" พูดจบเขาก็หันไปทางไอ้พี่วีแล้วบอกเสียงเรียบ "กูไปก่อน"
"เดี๋ยวพี่ไปส่งก็ได้น้องเนย ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นหรอก" ไอ้สารเลวนั่นพูดแล้วยิ้มออกมา หากเป็นคนอื่นคงไม่รู้สึกอะไรและมองเป็นพี่ชายต่างสายเลือดที่แสนดี แต่ฉันมองรอยยิ้มนั้นแล้วรับรู้ได้ถึงการหมายจะคุกคามอยู่ตลอดเวลาของมัน
"ไม่ต้อง...ค่ะ" ฉันพูดเสียงเรียบแล้วรีบเดินลงจากบันไดโดยมีพี่นธีเดินตามมาเงียบๆ
พอมาถึงรถของเขาบ่อน้ำตาของฉันมันก็แตกทันที ฉันนั่งลงกอดเข่าตัวเองและซุกหน้าลงปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมาช้าๆ
มันตกใจจนตั้งตัวไม่ทันเลย
ทั้งที่คิดว่าการหนีสิ่งเลวร้ายมาอยู่ที่นี่มันจะทำให้ชีวิตฉันดีขึ้น แต่มัจจุราชที่แฝงมาในรูปแบบพี่ชายคนนั้นกลับตามฉันมาถึงที่
ฉันไม่คิดจะหาคำตอบว่ามันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แต่ฉันควรหาทางไปจากมันให้ได้ดีกว่า
"..."ได้ยินเสียงฝีเท้าของพี่นธีเดินมาหยุดอยู่ข้างตัวฉัน เขาไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว เขาไม่คิดจะถามหรือสงสัยอะไรนั่นอาจเป็นเพราะเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว
"ขอบคุณนะคะที่เอามือถือมาคืน..." ฉันเงยหน้าขึ้นจากเข่าแล้วพูดออกมาโดยที่ไม่ได้แหงนมองว่าตอนนี้เขาทำหน้าแบบไหนและมองฉันยังไง
การที่เขายืนอยู่ข้างๆตอนนี้กลับทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด แต่จะให้รบกวนเขามากกว่านี้มันคงจะเกินไป
"เนยไม่รบกวนพี่แล้วค่ะ เดี๋ยวเดินไปเอง" ฉันปาดน้ำตาออกจากแก้มแบบลวกๆแล้วเดินหันหลังออกมา
"ขึ้นรถ" คำพูดสั้นๆที่เหมือนคำสั่งทำให้ฉันหยุดชะงักแล้วหันไปมองเขา "จะไปส่ง"
"..." ฉันเม้มปากแน่นพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งบนรถเขาอีกรอบ
แล้วพี่นธีก็ออกรถขับพาฉันมาร้านสะดวกซื้ออย่างที่ขอ เขาไม่พูดอะไรเลยเหมือนใช้ความคิดอยู่คนเดียวจนฉันเองก็ไม่กล้าส่งเสียงใดๆรบกวน
"ขอบคุณนะคะ" เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องกล่าวขอบคุณเขาในเวลาไม่กี่นาที
"..."
ฉันรีบลงจากรถก่อนจะเดินไปหย่อนตัวลงตรงม้านั่งที่อยู่หน้าเซเว่น เวลานี้ยังมีคนเดินเข้าออกเพราะอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยและนักศึกษาหลายคนเพิ่งจะกลับจากการไปท่องราตรี
ตรงนี้คือจุดที่ไม่ยอมหลับไหลและมันคงเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับฉัน
ฉันนั่งอยู่ตรงนี้เกือบยี่สิบนาที รถของพี่นธีก็ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนจึงต้องลุกขึ้นไปหาเขาอีกรอบเพราะความสงสัย
ฉันเคาะกระจกเบาๆสองสามทีเขาก็เลื่อนมันลงมองฉันพร้อมกับขมวดคิ้ว
"พี่ไม่กลับเหรอ"
"แล้วไม่กลับ?" เขาถามย้อนคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
"ไม่ค่ะ เนยว่าจะอยู่นี่ ยังไม่อยากกลับ" ฉันตอบแล้วหลุบตาต่ำลง
"..." ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆก่อนจะพูดออกมา "ขึ้นมา"
"คะ?" ยิ่งคุยด้วยฉันยิ่งไม่เข้าใจเขาขึ้นเรื่อยๆ พูดให้มันยาวๆกว่านี้ไม่ได้เหรอ "จะไปส่งเนยเหรอคะ ไม่เป็นไร พี่กลับเลย"
"ขึ้นมา" เขาย้ำคำนั้นอีกครั้งน้ำเสียงที่ดุกว่าเดิม
"..." ฉันชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็ขึ้นไปนั่งบนรถเขาอีกรอบ "จะไปไหน ถ้าจะไปส่งหอเนยไม่ไปค่ะ"
"กลับคอนโด"
"คอนโดพี่เหรอคะ?!" จะว่าไปแล้วถ้าเป็นคอนโดพี่นธีรู้สึกว่าจะมีห้องรับรองด้านล่างซึ่งสามารถไปนั่งพักผ่อนตรงนั้นได้ ฉันเคยไปส่งญานินหลายครั้ง "เนยไปนั่งเล่นที่ห้องรับรองแขกก็ได้"
ฉันพูดแล้วยิ้มออกมา เขาก็เงียบเหมือนเดิมแล้วขับรถออกไปจนถึงคอนโด
"เขาไม่ให้เข้า" พี่นธีบอกแล้วหันไปมองห้องรับรองที่ถูกล็อกเอาไว้
"เนยนั่งอยู่แถวนี้ก็ได้ค่ะ" ที่จริงฉันอยากจะไปขอความช่วยเหลือจากญานิน แต่ก็ไม่อยากให้ใครรับรู้ชีวิตที่น่าอับอายแบบนี้เลย
ฉันไม่อยากเอาความทุกข์ใจของตัวเองไปทำให้เพื่อนรู้สึกสงสารหรือลำบากใจ
"ขึ้นไปบนห้อง" คำพูดสั้นๆแต่กลับมีอิทธิพลกับฉันอยู่ตลอด
"ไม่เป็นไรค่ะเนยไม่อยากรบกวนแล้ว" พอฉันพูดจบเขาก็ตวัดสายตาคมเข้มนั้นมามองฉัน เหมือนกับจะบอกว่าที่ฉันทำมานี้มันเกินคำว่ารบกวนไปแล้วและถ้าไม่ลุกไปด้วยเขาคงเริ่มหงุดหงิดกับฉันอย่างแน่นอน
อย่างน้อยๆเขาก็คงจะดีกับฉันในฐานะเพื่อนของน้องสาวตัวเอง จะทิ้งเอาไว้แบบนี้ก็คงจะดูใจร้ายเกินไปล่ะมั้ง
สุดท้ายก็ต้องยอมลุกขึ้นและตามเขาขึ้นไปบนห้อง
เขาคงจะไม่ทำอะไรฉันหรอก แววตาคู่นั้นที่มองมาออกจะเย็นชาด้วยซ้ำไป ต่างจากไอ้หมอนั่นที่สายตาของมันแทบจะกินฉันไปทั้งตัวจนน่ารังเกียจ
"เนยขอนอนตรงนี้นะคะ" ฉันชี้ไปที่โซฟาตัวยาวแล้วยิ้มออกมาแต่คนที่มองอยู่กลับทำหน้านิ่งเหมือนเคยแล้วเดินไปทางอื่นเหมือนไม่ใส่ใจ
ฉันจึงถือว่าเขาอนุญาตแล้วและเดินไปจับจองพื้นที่สำหรับพักกายในคืนนี้ทันที ถ้าให้กลับไปที่หอคืนนี้ฉันคิดว่าคงไม่ปลอดภัยแน่
เมื่อไหร่จะหลุดพ้นซักที
พี่นธีเข้าไปอาบน้ำและออกมาในชุดลำลองเป็นกางเกงวอมสีขาวกับเสื้อยืดสีดำ ที่จริงก็อยากจะอาบบ้างแต่ถ้าขออีกก็เกรงใจเหมือนกัน
"ผ้าเช็ดตัวอยู่ในตู้" เขาบอกแค่นั้นเหมือนรู้ทันความคิดฉัน แล้วเดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียงเหมือนง่วงเต็มทนแล้วก็เงียบไปในที่สุด
พอชะเง้อคอมองก็เห็นเขานอนคว่ำหลับตาพริ้มกับหมอนใบใหญ่
ฉันจึงค่อยๆ ย่องไปเปิดตู้อย่างเบามือหยิบเอาผ้าเช็ดตัวที่เหมือนยังไม่ถูกใช้งานออกมา
"ขอยืมเสื้อกับกางเกงได้มั้ยคะ"
"..." เขาครางตอบรับในลำคอเบาๆ นึกว่าหลับสนิทไปแล้วซะอีกแค่แกล้งถามดูเท่านั้นเอง
พอออกมาก็เห็นพี่นธีนอนท่าเดิมตอนนี้พี่นธีคงหลับสนิทไปแล้วเพราะเขานอนนิ่งมากราวกับหยุดหายใจไปแล้ว
กว่าจะได้นอนก็เป็นเวลาตีสองกว่า โชคดีที่โซฟาตัวนี้กว้างและนุ่มกว่าเตียงที่หอพักราคาพันกว่าของฉันอีก จึงค่อนข้างหลับสบายพอสมควร
วันต่อมา
ฉันตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่รู้สึกหลับเต็มอิ่มกว่าคืนไหนๆ ผ้าห่มปริศนาอยู่บนตัวฉันโดยไม่รู้ที่มา มันสร้างความอบอุ่นจนทำให้หลับยันเช้าจากตอนแรกที่หนาวเหน็บเพราะความเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูของพี่นธีที่อยู่ในชุดเมื่อคืนดังขึ้น เขาเข้ามาพร้อมกับข้าวสองกล่องจากนั้นก็เอามันไปวางบนโต๊ะกินข้าว
"ข้าวผัดหมู คงกินได้" เขาพูดแค่นั้นแล้วนั่งแกะกล่องข้าวกินเงียบๆ
"เนยรบกวนเยอะเกินไปแล้ว"
"..." เขาไม่ตอบแต่นั่งกินข้าวเงียบๆ ฉันเคยเห็นตอนเขาพูดเยอะกว่านี้นะ แต่กับเพื่อนสนิทอย่างพี่ทศกัณฐ์หรือไม่ก็กับน้องสาวอย่างญานินเท่านั้น
ฉันลุกขึ้นมานั่งตรงข้ามเขาแล้วดึงเอาข้าวอีกกล่องมาทานเงียบๆ
"พี่นธีชอบแมวมั้ย" ชวนคุยเพื่อคลายความอึดอัด
"ทำไม"
"ตอนเข้ามาเนยเห็นแมวน้อยตัวนึงน่าสงสารมากๆ อยู่แถวๆ ข้างบันได"
"แล้ว?" เขามองมาแบบนิ่งๆแต่ก็เต็มไปด้วยคำถาม
"พี่ไม่อยากเลี้ยงมันเหรอ มันน่าสงสาร เหมือนมันจะอดอยาก"
"เลี้ยงไม่เป็น" เขาตอบแล้วตักข้าวเข้าปากคำโตและเคี้ยวมันเงียบๆ
"เนยช่วยเลี้ยง" ฉันยิ้มกว้างแล้วส่งไปให้เขาแต่พี่นธีกลับมองฉันแค่แว่บเดียวแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อเหมือนไม่ใส่ใจ
"..."