2| ตามหา
สาธารณรัฐประชาชนจีน
"ได้เรื่องบ้างมั้ย"
"ยังเลยครับ ค้นจากประวัติที่คุณไคล์ให้มาไม่พบประวัติของผู้หญิงที่ชื่ออิงฟ้าเลยครับ ที่อยู่ ชื่อและนามสกุลก็ไม่ปรากฏในทะเบียนราษฎร์เลยครับ" ผมถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเรียกนักสืบมาถามความคืบหน้าการตามหาเพื่อนสนิทที่มีเพียงคนเดียว สองปีกว่าแล้วที่ผมไม่ได้รับข่าวและการติดต่อจากเพื่อนคนนี้อีกเลย
เพราะอะไรวะอิง ทำไมถึงหายไปจนทำให้ใจหายแบบนี้
"ตามหาต่อไป ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานการเสียชีวิต ผมเชื่อว่าเธอยังมีชีวิตอยู่" นักสืบเอกชนหลายต่อหลายบริษัทที่ผมว่าจ้างทำงานไม่ได้เรื่องเลยสักบริษัท จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาผู้ใหญ่คนหนึ่งแนะนำบริษัทนี้มา ผ่านไปสองอาทิตย์ก็ยังไร้วี่แวว
"เป็นไปได้มั้ยครับว่าเธอจะเปลี่ยนชื่อ" ผมชะงักแล้วหันไปมองหน้านักสืบ ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่อิงจะเปลี่ยนชื่อ
"อิงจะเปลี่ยนชื่อเพื่ออะไร"
"หนีคุณไงครับ"
"หนีผม" ผมชี้ตัวเองอย่างงงๆ เป็นไปไม่ได้หรอก เราสองคนไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย ก่อนบินอิงก็มาส่งผมที่สนามบิน ช่วงต้นปีแรกเราก็ยังคุยกันปกติ แล้วหลังจากนั้นผมก็ติดต่ออิงไม่ได้อีกเลยไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
"เป็นไปได้ครับ ทุกอย่างในตอนนี้เป็นไปได้หมดทุกอย่าง" ผมเริ่มคิดตาม อิงหนีผมทำไม มีเหตุผลอะไรต้องทำถึงขนาดนั้น เปลี่ยนชื่อแม้กระทั่งนามสกุลด้วยเหรอ มีอะไรไม่พอใจก็ควรบอกผมสิไม่ใช่หายไปเฉยๆ แบบนี้
"ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้เอาไว้เลย ไม่เคยอยู่ในหัวเลยต่างหาก เธอจะหนีผมทำไมกัน ถ้าเปลี่ยนชื่อก็ต้องขึ้นในทะเบียนราษฎร์สิ" ในหัวตอนนี้เริ่มคิด นักสืบพูดออกมาแบบนี้ผมเริ่มกังวล อิงหนีผมทำไมหรือว่า ... เธอมีครอบครัวแล้วก็เลยหายไป ไม่ได้หรอกนะผมไม่ยอมหรอก อย่างน้อยก็ควรจะบอกกันสักหน่อย ไม่ใช่หนีหายไปแบบนี้คิดจะไม่บอกกันเลยหรือไง ผมก็เพื่อนสนิทนะให้เกียรติผมบ้างสิ
"ผมขอเวลาอีกสักพัก" ผมหันไปมองหน้านักสืบแล้วพยักหน้า รอมาเกือบสองปีแล้วทำไมจะรออีกไม่ได้ เธอเก่งมากนะ ทำให้นักสืบเอกชนหลายบริษัทตามหาไม่เจอ
"ได้สิ อีกสองเดือนผมต้องบินไปทำงานที่ไทย โปรเจ็กต์ใหญ่ด้วยอาจต้องอยู่หลายเดือน"
"เร็วๆ นี้อาจจะได้รับข่าวดีครับ" ยังไงก็ได้ขอให้ได้รู้ว่าอิงยังอยู่ ป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย หรือว่ามีครอบครัวแล้วมีเจ้าตัวเล็กวิ่งรอบตัว เฮ้อ คิดเยอะไปหมด
เรื่องความสัมพันธ์ในคืนนั้นผมเองก็ยังโทษตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้ คิดว่าความเป็นเพื่อนมันจะแตกหัก แต่ไม่เลยอิงให้อภัยผมและยังมองผมเป็นเพื่อนเหมือนเดิม รู้สึกผิดมากนะรู้มั้ย อยากขอโทษอีกครั้ง อยากรับผิดชอบมากกว่าพูดคำว่าขอโทษด้วยซ้ำ แต่ทำไงได้สุดท้ายเราก็แค่เพื่อนกัน
สามปีที่มาทำงานที่จีนเป็นช่วงพีคของผมมาก กอบโกยเงินได้มากพอจนอยากวางมือจากการเป็นซุปตาร์ไปเป็นคนธรรมดาที่บ้านเกิด ผมเบื่อ มันเกินฝันของตัวเองมากอยากกลับไปทำธุรกิจเล็กๆ ที่ไทย อยากใช้ชีวิตธรรมดามากกว่าเป็นคนดังไปไหนมาไหนก็ลำบากแบบนี้ น่าเบื่อมากกว่าที่คิด
"ไคล์ เฮ้ ทำไมถึงแคนเซิลงานซีรี่ย์ รู้มั้ยว่าเรื่องนั้นได้ประกบกับหนูหลินเชียวนะ" ผู้จัดจอมจุ้นเดินเข้ามาพร้อมกับอาการหัวเสีย คงรู้เรื่องจากพี่แคทผู้จัดการส่วนตัวของผมแล้ว ผมมีผู้จัดการสองคน คนแรกคือพี่แคทเป็นคนไทย ส่วนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับทำท่าทางจะกินหัวผมอยู่เนี่ยเป็นคนจีน
"ผมมีสิทธิ์"
"เหอะ มีสิทธิ์ อย่าลืมสิว่าดังได้เพราะใครป้อนงานให้"
"ผมไม่ลืมใครทั้งนั้น อย่าลืมว่าผมก็มีสิทธิ์เลือกรับงาน โปรเจ็กต์ที่ไทยกับซีรีย์ที่พี่ว่าเนี่ย งานไหนที่ค่าตัวสูงกว่ากัน เลิกหวังกระแสคู่จิ้นบ้าบอได้แล้ว"
"คู่จิ้นอะไร"
"พี่แคทบอกผมหมดแล้ว ออ สัญญาที่กำลังจะหมดผมไม่ต่อแล้วนะ"
"อะไรของเธอเนี่ยไคล์ แล้วนี่จะไปไหน เดี๋ยวก่อน"
"ผมจะเลิกเป็นซุปตาร์แล้วไปหาเมียสักคน ผมเบื่อ"
"แกบ้าไปแล้วหรือไงไคล์ กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ" เบื่อจะตายอยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่ามันจะวุ่นวายขนาดนี้ อดทนอีกหน่อยสัญญาใกล้หมดแล้ว อยากกลับไทยจะแย่ เสร็จโปรเจ็กต์ที่ไทยเมื่อไหร่ก็พอดีแหละ ผมจะทิ้งชื่อเสียงแล้วกลับไปใช้เงินที่หามาได้ท่ามกลางธรรมชาติและความเรียบง่ายที่ตัวเองซุ่มเตรียมพร้อมเอาไว้
--------------