5
Chapter 5
ตรัยรู้ดีว่าพราวมุกชอบอะไรบ้าง ทุกสิ่งที่เธอชอบเขาจดบันทึกเอาไว้ในสมองของตัวเอง เธอชอบรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ขนม ช็อกโกแลต เขาเลือกทำสลัดผักผลไม้ ซุปข้าวโพด เพราะจะได้กินคล่องคอ และน้ำส้มคั้นแสนอร่อยเป็นการตบท้าย
ไม่นานอาหารกลิ่นหอมกรุ่นก็ลอยตลบอบอวลไปทั่วห้องครัวกว้างเขาจัดจานเรียบร้อยก็เดินขึ้นไปบนห้องนอนของหญิงสาวอีกครั้ง เธอยังนอนหลับปุ๋ยอย่างมีความสุข จนเขาต้องอมยิ้มมุมปาก ตรัยยืนมองคนขี้เซาอยู่แบบนั้น คล้ายจะเก็บภาพน่ารักๆ ของเธอบันทึกเอาไว้ในสมอง
“พราวครับ พราว... พราวครับ” ยืนมองจนอิ่มแล้วจึงค่อยๆ ปลุกคนขี้เซาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“อือ... พี่พาย พราวจะนอน ขออีกสิบนาทีนะคะ เดี๋ยวจะรีบตื่น” พราวมุกพลิกตัวไปอีกด้าน ซุกหน้ากับหมอนอย่างคนขี้เซา
ตรัยหัวเราะขำ ก่อนจะเดินไปอีกด้าน มองหน้าคนที่เอาแต่ซุกหมอน เธอคงโดนพี่ชายปลุกบ่อยๆ ตั้งแต่สมัยไปโรงเรียนจนเข้ามหาลัย นึกถึงความผูกพันของสองพี่น้องแล้วอมยิ้มอีกรอบ เขาสะกิดเธอใหม่
“ตื่นได้แล้วครับพราว ไม่ตื่นพี่จับกินเป็นอาหารเช้านะ” ตรัยพูดติดตลก เขายื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มนวลฟอดใหญ่อย่างหักห้ามใจไม่ไหว
“อื้อ... พี่พายแอบหอมแก้มพราวอีกแล้วนะคะ” พราวมุกค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง เธอคิดว่าคนที่ปลุกเธอเป็นพี่ชาย เพราะความเคยชินที่พายัพจะปลุกเธอไปโรงเรียนตั้งแต่เด็กๆ แล้วต้องสะดุ้งเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าไม่ใช่พี่ชายของเธอ แต่เป็นตรัย
“พี่ตรัย!!!” เธอกำลังลำดับเหตุการณ์ ตรัยมาอยู่ในห้องของเธอได้ยังไงกัน เธอเอ่ยถามตัวเอง
ตรัยล้อเธอเรื่องน้ำลายติดหมอน เธอเลยหันไปสนใจประโยคของเขาแทน
“ครับพี่เอง ตื่นได้แล้วครับ น้ำลายบูดเต็มหมอนแล้วเห็นไหม” ตรัยเอ่ยแซวเมื่อเห็นคนน่ารักบนเตียงทำตาโตตกใจที่เห็นเขา แทนที่จะเป็นพี่ชายของเธอเหมือนเคย
“จริงเหรอคะ” พราวมุกรีบยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเอง แล้วก้มลงมองหมอนที่หนุนนอนเขม็ง เพื่อสำรวจว่ามีน้ำลายติดอยู่เป็นคราบหรือเปล่า ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังลั่น ท่าทางของคนบนเตียงทำให้ตรัยกลั้นไม่ไหว เขาระเบิดหัวเราะออกมาเต็มๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“พี่ล้อเล่น” พอได้ยินแบบนั้นเธอก็หน้างอเล็กน้อย
“พี่ตรัยน่ะ พราวก็คิดว่า ไม่น่าจะมีสักหน่อย ไม่เคยนอนน้ำลายบูดย้อยติดหมอนสักครั้ง แล้วพี่ตรัยมาอยู่ในบ้านของพราวได้ยังไงกันคะ” เธอเอ่ยถามอย่างงุนงง สีหน้าเหมือนเด็กช่างสงสัย กะพริบตาปริบๆ อยู่บนเตียงกว้างของตัวเอง ความคิดที่หยุดชะงักในคราแรก เริ่มปะติดปะต่ออีกครั้ง เธอนึกทบทวนเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
“จำไม่ได้จริงๆ เหรอ ใครกลัวเสียงหมาหอนกันครับ” ตรัยบอกเสียงนุ่ม มองคนน่ารักบนเตียงไม่วางตา พราวมุกยามตื่นนอนน่ามองนัก ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อยแต่กลับทำให้เธอดูเซ็กซี่ ริมฝีปากระเรื่อนั้นก็น่าจุมพิต ใบหน้าสะอาดหมดจดไร้เครื่องสำอาง ทำให้เธอดูอ่อนเยาว์ลงไปอีกหลายปี
“จริงด้วย... แล้วพราวขึ้นมานอนบนเตียงได้ยังไงคะพี่ตรัย” เธอคงไม่ได้ละเมอขึ้นมาหรอกนะ หรือว่าเขาจะอุ้มเธอขึ้นมาบนนี้ พอนึกว่าเขาอุ้มขึ้นมาก็รู้สึกหน้าร้อนเห่อแดงอย่างปัจจุบันทันด่วน
“พี่อุ้มขึ้นมาครับ เราหลับคอพับคออ่อนอยู่บนโซฟาด้านล่าง” เขาเฉลย ยิ่งเห็นแก้มขาวนวลแดงระเรื่อขึ้นมา ยิ่งรู้สึกเอ็นดู
“พี่ตรัยอุ้มพราวขึ่นมาเหรอคะ” เธอถามย้ำอย่างขวยเขิน รู้สึกอายที่ต้องให้เขาอุ้มขึ้นมานอน
“ครับ ไปล้างหน้าแปรงฟันเร็วเข้า พี่ทำอาหารให้เราด้วยนะ” เขาดึงมือเล็กๆ ให้ลุกจากเตียง พราวมุกยังมีท่าทีอิดออด คงเพราะยังง่วงอยู่ไม่น้อย
“ทำอาหารด้วยเหรอคะ” พราวมุกมองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึงก่อนจะหน้าแดง เมื่อคืนเธอทำอะไรน่าอายไปรึเปล่านะ แต่ถึงขนาดให้เขาอุ้มขึ้นมานอนบนห้อง มันก็ตลกมากพอแล้ว
“พี่ทำอาหารเช้ารอแล้วครับ ของโปรดของน้องพราวทั้งนั้น” พราวมุกก้มมองเสื้อผ้าของตัวเองคล้ายสำรวจ มันยังเรียบร้อยอยู่ ร่างกายของเธอไม่มีสิ่งใดผิดปกติ จึงรู้สึกโล่งใจ
“ไปเร็วเลยครับสาวน้อย เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะ” ตรัยดันแผ่นหลังหญิงสาวเข้าไปในห้องน้ำ พราวมุกไม่มีโอกาสได้ถามอะไรอีก ประตูห้องน้ำถูกปิดลงเสียก่อน ตรัยกอดอกมองประตูแล้วอมยิ้ม ถ้าทุกๆ วันเขาต้องปลุกเธอแบบนี้คงจะดีไม่น้อย
ชายหนุ่มคิดไปไกลถึงตอนเข้านอน แล้วได้นอนมองหน้ากันแบบนี้ทุกวันคงจะดี เห็นอาการของเธอเมื่อครู่เขาก็นึกขำ ถึงแม้จะชอบเธอมากเพียงใด แต่เขาก็ไม่นิยมลักหลับหรือลวนลามผู้หญิงที่ไม่รู้สึกตัวอย่างแน่นอน
จะยิ่งดีกว่านี้อีกถ้าเธอกับเขามีทายาทตัวน้อยๆ มาวิ่งเล่นเต็มบ้านถ้าเธอเป็นภรรรยาของเขา เธอก็ยังคงได้อยู่ใกล้ๆ กับพี่ชายเพราะรั้วบ้านติดกัน
อนาคตข้างหน้าพายัพเองก็ต้องมีภรรยา สองครอบครัวจะอบอุ่นเช่นเดิม พราวมุกมองร่างสูงสง่าของพี่ชายข้างบ้านแล้วอมยิ้ม ตรัยคงกลับไปอาบน้ำอาบท่าที่บ้านของเขาเพื่อมารับประทานอาหารเช้ากับเธอ พอเห็นอาหารเช้าบนโต๊ะ เธอถึงกับยิ้มกว้างด้วยดวงตาเป็นประกาย ไม่ว่าจะเป็นพี่ชายของเธอหรือตรัย พวกเขาชอบทำอาหารด้วยกันทั้งคู่ ใครได้ไปเป็นพ่อของลูกนับว่าโชคดี พอคิดมาถึงตรงนี้เธอก็ต้องกัดริมฝีปากเบาๆ รับรู้ได้ว่าหน้ามันเห่อแดงแปลกๆ หัวใจเต้นแรงอีกด้วย
ตรัยกับพายัพมีส่วนต่างกันในอุปนิสัยใจคอเท่านั้น แต่ความมีน้ำใจนั้นถือว่าไม่เป็นสองรองใคร ตรัยทำอาหารได้หลายแนว แต่พายัพเน้นอาหารง่ายๆ รวมไปถึงอาหารเผ็ดจัด รสชาติจัดจ้าน ส่วนตรัยนั้นไม่กินเผ็ดเหมือนพี่ชายของเธอ
“น้องพราวเป็นอะไรครับ ไม่สบายหรือเปล่า หน้าถึงได้แดงแบบนี้” ตรัยเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเอ่ยถาม เมื่อเห็นคนตรงหน้าแก้มขึ้นสีแดงเรื่อ
“ปะ... เปล่าค่ะพี่ตรัย อาหารน่ากินน่ะค่ะ” พราวมุกเปลี่ยนเรื่อง รีบหันไปสนใจอาหารทันที จะบอกเขาได้ยังไงว่าเธอคิดอะไรอยู่ อายตายเลย
“พราวใส่ชุดนี้ดูน่ารักจังเลยครับ” พราวมุกเป็นคนรูปร่างบอบบางกลมกลึง แต่ไม่ใช่ผอมแห้งเหมือนสาวๆ หลายคน เธอใส่ชุดทำงานออฟฟิศจึงมีสัดส่วนน่ามอง ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแต่ก็น่ารักสมวัย ผสมผสานกันอย่างลงตัว ผู้หญิงที่ชอบยิ้มและอัธยาศัยดีแบบพราวมุก ถือว่ามีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามและคนที่พบเห็น เพราะเธอไม่เหย่อหยิ่งถือตัว
“ชมกันแบบนี้ พราวก็เขินแย่สิคะ” เธอยิ้มสดใสให้เขา ชุดทำงานเรียบหรูดูดีชุดนี้จำได้ว่าตรัยเป็นคนพาเธอไปเลือกซื้อ ก่อนที่จะมาทำงานกับเขาเสียอีก ไม่นึกว่าเอาเข้าจริงๆ เธอต้องมาทำงานกับคนที่ซื้อชุดให้
“แล้ววันหลังพี่จะพาไปเลือกซื้อชุดเพิ่มนะครับ”
“ขอบคุณมากๆ นะคะ ชุดที่พี่ตรัยเลือกให้สวยๆ แล้วก็น่ารักทั้งนั้นเลยค่ะ”
“พราวใส่ชุดอะไรก็สวยครับ”
“ชมกันแบบนี้ พราวก็เขินแย่สิคะ”
“พี่ชมจากใจจริงนะครับ พราวน่ารัก...” ท้ายประโยคน้ำเสียงของเขาเจือแววหวานหยด
“พอแล้วค่ะพี่ตรัย ชมกันแบบนี้เดี๋ยวพราวลอยนะคะ” เธอทั้งเขินทั้งรู้สึกแปลกๆ กับสายตาของตรัย เขาคงไม่คิดจะจีบเธออีกหรอกนะ ทั้งๆ ที่เขาเหมือนจะเลิกสนใจเรื่องที่ให้พี่ชายมาคุยกับเธอไปแล้วแต่ทำไมตอนนี้เขากลับมาทำให้เธอหวั่นไหวอีก
“กินเถอะครับ พี่ทำสุดฝีมือเลยนะ” ตรัยชี้ชวนให้รับประทานอาหาร แค่รู้ว่าเธอกำลังขัดเขิน ก็ทำให้รู้สึกดีแล้ว เพราะนั่นเท่ากับว่าเธอเองก็มีความรู้สึกพิเศษกับเขาเกินคำว่าพี่น้องเช่นกัน
“ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับอาหารเช้า อืม... อร่อยมากๆ ค่ะ ผักก็สด ผลไม้ก็กรอบอร่อย ชักอยากจะให้พี่ตรัยมาทำอาหารให้กินทุกวันแล้วสิคะ”