3
Chapter 3
และเป็นจริงตามที่เคยคิดไว้ เขารอวันนี้มานาน แต่การรอก็ได้รับผลตอบรับอันแสนหวาน เขารักจริงและต้องทำให้เธอเป็นของเขาให้ได้ ทั้งตัวและหัวใจ
“พี่ตรัยสั่งอาหารที่พราวชอบทั้งนั้นเลย” พราวมุกยิ้มขอบคุณเมื่อเห็นเขาสั่งอาหารหลายอย่าง ล้วนแล้วเป็นอาหารที่เธอชอบแทบทั้งสิ้น
“พี่ใส่ใจ เลยจำได้ว่าพราวชอบกินอะไร” เขามองตาแล้วยิ้ม พราวมุกรู้สึกแปลกๆ เมื่อสบตาของตรัย เขาไม่เคยมองเธอแบบนี้มาก่อน สองครั้งแล้วนะที่เธอรู้สึกใจสั่น หรือเธอจะคิดมากไปเอง พอกะพริบตา แววตาวาวหวานคู่นั้นก็หายไป เหลือแค่แววตาอบอุ่นอ่อนโยน
“กินเยอะๆ นะครับ พี่ว่าพราวผอมไปนะครับ” เขามองสำรวจร่างกายของเธออย่างเงียบเชียบก่อนเอ่ยบอกอย่างห่วงใย
“ไม่อยากอ้วนค่ะ พราวกินเยอะไม่ได้น้ำหนักขึ้นทุกทีเลย” เธอเป็นห่วงเรื่องรูปร่างเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ นั่นแหละ
“สำหรับพี่ ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่พี่รัก ถึงจะอ้วนขนาดไหนพี่ก็รัก” เขาหยอดคำหวาน คนฟังถึงกับหน้าแดง คล้ายเขาบอกเป็นนัยว่าเธออ้วนแค่ไหน เขาก็รัก
“พี่ตรัย...” พราวมุกครางเมื่อสบตากับตรัย ทำไมหัวใจของเธอมันถึงรู้สึกจั๊กจี้แบบนี้นะ
“พราวนอนคนเดียวได้จริงๆ นะครับ” ตรัยเอ่ยถามน้องสาวเพื่อนที่มีรั้วบ้านติดกันอย่างห่วงใย
“นอนได้สบายมากค่ะพี่ตรัย พราวโตแล้วนะคะ ไม่ใช่เด็กๆ” พราวมุกตอบให้พี่ชายข้างบ้านสบายใจ
“พี่แจ๋วกลับไปดูแลแม่ที่ป่วยนานไหมครับ” ตรัยเอ่ยถามอย่างใส่ใจไม่คิดว่าทุกอย่างจะเข้าทางเขาไปเสียหมดแบบนี้ เหมือนฟ้าบันดาลให้เขาสมหวังในสิ่งที่ต้องการ
“พี่แจ๋วบอกว่าจะรีบกลับมาค่ะ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่พราวบอกพี่แจ๋วไปว่าไม่ต้องรีบกลับมาก็ได้ค่ะ ดูแลแม่ให้หายเป็นปกติดีเสียก่อน เพราะแม่เป็นคนสำคัญที่สุดของเรา จะมัวแต่ทำงานงกๆ ไม่ได้ดูแลผู้มีพระคุณ พอท่านไม่อยู่แล้ว จะมานึกเสียใจทีหลัง ตอนนั้นก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว พราวจึงบอกพี่แจ๋วไปว่าไม่ต้องห่วงทางนี้ค่ะ” พราวมุกเป็นคนจิตใจดีแถมยังอ่อนไหวง่าย พอแจ๋วบอกว่าแม่ป่วย เธอก็รีบให้เงินและให้แจ๋วกลับบ้านไปดูแลแม่ที่ป่วยทันที
“จริงด้วยครับ งั้นพี่ส่งแค่นี้นะครับ รู้สึกเหนียวตัวอยากอาบน้ำเหมือนกัน” ตรัยส่งหญิงสาวที่หน้าประตูบ้าน ก่อนจะกำชับให้เธอปิดประตูเสียให้เรียบร้อย
พราวมุกขึ้นห้องอาบน้ำอาบท่า ทำท่าจะเข้านอน เธอได้ยินเสียงบางอย่างก็เริ่มหันซ้ายแลขวาด้วยความหวาดระแวงเพราะอยู่คนเดียว
“ว้าย! กลัวแล้วๆ จริงๆ นะ หมาจะมาหอนอะไรตอนนี้ คนยิ่งกลัวๆ อยู่” หญิงสาวกระโดดขึ้นเตียง เอาผ้าห่มคลุมโปงด้วยความกลัว ยิ่งตอนเย็นตรัยเล่าให้ฟังว่ามีคนโดนฆ่าตายตรงทางเข้าหมู่บ้านด้วยแล้ว ทำให้เธอยิ่งนึกจินตนาการไปต่างๆ นาๆ
“พี่ตรัยไม่น่ามาเล่าให้ฟังเลย คนยิ่งกลัวๆ อยู่ด้วย” พราวมุกนอนคลุมโปงไม่กล้าโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม เธอตัวสั่นก่อนจะสวดมนต์เมื่อเสียงหมาหอนดังขึ้นติดๆ กัน แถมยังไม่ยอมหยุดเสียอีก
“ว้าย!!!” เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่บนหัวเตียงทำให้พราวมุกกรีดร้องสะดุ้งผวาสุดตัว ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อมันเป็นแค่เสียงโทรศัพท์ เธอรีบหยิบโทรศัพท์มาถือเอาไว้
“ใครโทร. มานะ เบอร์แปลก” พราวมุกชั่งใจว่าจะกดรับดีหรือไม่ แต่ในที่สุดก็กดรับ
“สวัสดีค่ะ พราวมุกพูดค่ะ นั่นใครคะ” พราวมุกกรอกเสียงเข้าไปในโทรศัพท์ แต่เสียงที่ตอบกลับมาเป็นเสียงซ่าๆ แล้วก็เสียงอะไรสักอย่างที่น่ากลัว ชวนขนหัวลุก
“ว้าย!” พราวมุกทิ้งโทรศัพท์ลงไปบนที่นอน ก่อนจะกดวางสายด้วยอาการขวัญผวา
“ทำไมมันวังเวงดูน่ากลัวแบบนี้นะ หมาก็ยังหอนไม่หยุด จะทำไงดีนี่ แบบนี้นอนไม่หลับแน่ๆ เลย นะโมตัสสะ ภควโต...” พราวมุกสวดมนต์ต่อ หวังเอาธรรมะเข้าพึ่งพึง
พอได้ยินเสียงข้อความ เธอก็สะดุ้ง ก่อนจะกดไปดูโทรศัพท์อีกรอบ อาการกล้าๆ กลัวๆ เริ่มหายไป รีบคว้าโทรศัพท์มาอ่าน Line ของตรัย เขาส่งสติ๊กเกอร์มาบอกนอนหลับฝันดี
พราวมุกชั่งใจอยู่เป็นนานว่าจะโทร. กลับไปหาเขาดีไหม แต่บางทีการได้คุยกับเขา อาจจะทำให้เธอสบายใจขึ้นกว่าคิดว่าตัวเองอยู่ตัวคนเดียว เผลอๆ อาจจะหลับไปเหมือนเวลาที่คุยกับเพื่อน
หญิงสาวรอโทรศัพท์อยู่อีกครู่ ก่อนที่เสียงทุ้มปลายสายจะตอบกลับมา ทำให้เธอทิ้งตัวลงนอน บางทีการได้พูดคุยกับตรัย อาจจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นก็ได้
“สวัสดีค่ะพี่ตรัย พราวรบกวนหรือเปล่าคะ” เอ่ยถามอย่างเกรงใจอยู่มาก
“ไม่รบกวนเลยครับ เรายังไม่นอนเหรอ พี่คิดว่านอนแล้วเสียอีก เลยส่งสติ๊กเกอร์ไปราตรีสวัสดิ์” เขายืนยิ้มอยู่ที่ริมหน้าต่างห้องนอน เห็นอยู่ว่าเธอยังเปิดไฟสว่างอยู่ แต่เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้
“เปล่าค่ะ คือพราวได้ยินเสียงหมาหอนน่ะค่ะพี่ตรัย” พราวมุกพูดออกไปตรงๆ เป็นเชิงให้เขารู้ว่าเธอกลัวจนนอนไม่หลับ
ตรัยอมยิ้มเมื่อได้ยินปลายสายพูดมาแบบนั้น พราวมุกเป็นคนกลัวผีเขารู้ดี วิธีนี้เลยได้ผลยิ่งกว่าอะไร วันนี้ได้คุยกับแจ๋วซึ่งเป็นสาวใช้ของพราวมุก เขายื่นข้อเสนอเป็นเงินให้อีกฝ่ายกลับต่างจังหวัดไปชั่วคราว
การให้แจ๋วออกไปจากบ้านของพราวมุกสักเดือนสองเดือนมันทำให้เขาทำอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ประจวบเหมาะกับที่แม่ของแจ๋วป่วยจริงๆ ไม่ใช่เรื่องโกหกที่จะเอามาพูดเล่นๆ แช่งบุพการี จึงเป็นโอกาสดีของเขา เรียกว่าทุกอย่างเข้าทางไปเสียหมด ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลมารดาของแจ๋ว เขาเป็นคนออกให้ทั้งหมด ถ้าหายดีแล้วก็ให้พักฟื้นดูแลกันไปก่อน ไม่ต้องรีบกลับมาให้เสียแผน
ส่วนพายัพนั้น แม้จะงานยุ่งจริงๆ แต่ก็กลับมาได้ เขาจึงส่งลูกน้องไปจัดการให้งานยุ่งยิ่งกว่าเก่าไม่สามารถปลีกตัวกลับมาได้ ให้มันรู้ไปว่าจะไม่สำเร็จ เขารู้นิสัยของพายัพดีว่าเป็นคนเอางานเอาการขนาดไหน ถ้างานไม่เรียบร้อยไม่มีวันทิ้งงานเด็ดขาด
“พี่ก็ได้ยินครับ อย่างที่พี่เล่านั่นแหละ วันก่อนเค้าฆ่ากันตาย ทิ้งศพเอาไว้ทางเข้าหมู่บ้าน” เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง แต่คนตายนั้นไม่ได้โดนฆ่าตายที่หมู่บ้าน กลับโดนฆ่าตายที่อื่น ก่อนจะถูกนำศพมาทิ้งเอาไว้ตรงทางเข้าหมู่บ้าน เรื่องนี้ทางตำรวจกำลังตามสืบหาตัวคนร้ายอยู่ และญาติก็นำศพของคนตายไปบำเพ็ญกุศลเรียบร้อยแล้ว หลังจากชันสูตรศพว่าถูกฆาตกรรม
“พี่ตรัยอย่าเล่าสิคะ พราวกลัว” พราวมุกรีบห้ามปากคอสั่น วันก่อนเธอออกไปข้างนอก ตอนเค้าพบศพกันนั้นเธอไม่อยู่บ้าน และพอกลับมาเค้าก็จัดการนำศพไปพิสูจน์กันแล้ว ทำให้เธอไม่ต้องมาเห็นภาพน่ากลัวของศพ
“ขอโทษครับ แล้วพราวนอนไม่หลับเหรอ” ตรัยเอ่ยถาม นึกเป็นห่วงสาวน้อยข้างบ้านอยู่มากโข
“ใช่ค่ะพี่ตรัย พราวกลัวมากๆ เลยนะคะ” พราวมุกยอมรับเสียงอ่อย
“ให้พี่ไปอยู่เป็นเพื่อนไหม” ตรัยรีบอาสา
“จะดีเหรอคะ พราวเกรงใจ” เธอรีบพูดอย่างเกรงใจ ทั้งๆ ที่อยากให้เขามาอยู่เป็นเพื่อนใจแทบขาด
“พราวไม่ไว้ใจพี่หรือครับ” ตรัยคิดไปว่าเธอไม่ไว้ใจเขา
“เปล่าๆ นะคะ พราวแค่เกรงใจ นี่มันก็ดึกแล้ว” เธอคิดแบบนั้นจริงๆ เรื่องไว้ใจน่ะ เธอไว้ใจเขาเหมือนไว้ใจพี่ชายนั่นแหละ เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก
“บ้านเราอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง เอาเป็นว่า พราวลงมาเปิดประตูเลยนะ เดี๋ยวพี่ไปอยู่เป็นเพื่อน” ตรัยพูดตัดบทก่อนจะตัดสายทิ้ง โดยไม่ฟังคำห้ามปรามของหญิงสาวอีก
พราวมุกรีบดีดตัวขึ้นจากเตียงนอนกว้างทันทีเมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้าน เธอกุลีกุจอลงไปเปิดประตูรั้วบ้านให้พี่ชายข้างบ้านอย่างไม่รีรอ ไม่นานตรัยก็เข้ามายืนอยู่ในห้องโถงของตัวบ้านในชุดนอนและเสื้อคลุมตัวหนาแสนอบอุ่นของเขา
“ขอบคุณนะคะพี่ตรัยที่อุตส่าห์มาอยู่เป็นเพื่อนพราว” เธอยกแก้วโกโก้ร้อนมาเสิร์ฟให้เขา เพราะจำได้ว่าเขาชอบดื่มเหมือนๆ กับเธอ