1
Chapter 1
บทนำ
มณีรัตน์กระแทกก้นลงบนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้าหงิกงอ จนคนเป็นสามีต้องหันไปมองหน้าลูกชายทั้งสองตาปริบๆ รู้เลยว่าภรรยาต้องไปหงุดหงิดใจอะไรมาอย่างแน่นอน
“คุณแม่เป็นอะไรครับ” อธิปไตย วสุธิกุล ลูกชายคนเล็กวัยสามสิบเอ่ยถามมารดาเสียงนุ่ม
“หมั่นไส้ยายกำไลนัก เวลาแม่ไปซื้ออะไร มันชอบมาซื้อตัดหน้าแม่อยู่เรื่อย” กำไลที่มณีรัตน์เอ่ยถึงคือกชกร อดีตเพื่อนรักของเธอนั่นเอง
ในอดีตนั้นเธอกับกชกรรักกันมาก แต่มาผิดใจกันเรื่องผู้ชาย ก็อธิวัฒน์สามีคนปัจจุบันของเธอเองนี่แหละ เขากับเธอรักกัน แต่กชกรแอบรักอธิวัฒน์ด้วย แต่ผู้ชายไม่เล่นด้วย เขาเลือกเธอ กชกรเลยโกรธ หาว่าเธอแย่งผู้ชายที่แอบชอบไปครองต่อหน้าต่อตา หลังจากนั้นหล่อนก็ไปแต่งงานกับนภดล เพื่อนของอธิวัฒน์แทน เวลาเจอกันก็จะชอบพูดจาแดกดันหาเรื่องประชดประชันอยู่เรื่อย แรกๆ เธอก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอหลายปีเข้าชักจะหนักข้อขึ้น ทุกวัน ที่ร้ายไปกว่านั้นเจ้าลูกชายคนโตของเธอดันไปชอบ เขียนฟ้า ลูกสาวคนเดียวของกชกรเสียอีก
“คุณแม่ก็ชอบไปมีเรื่องกับน้ากำไล” อธิราชส่ายหน้าไปมา เลยได้ดวงตาเขียวปั้ดจากมารดาตอบกลับมาในทันที
อธิราช วสุธิกุล วัยสามสิบห้าปีเป็นลูกชายคนโตของคุณมณีรัตน์และคุณอธิวัฒน์ ครอบครัวนี้ทำสวนทำไร่เพราะมีที่ดินมากเป็นพันไร่
ส่วนครอบครัวของกชกรกับนภดลนั้นค้าขาย ฐานะทางบ้านมีฐานะร่ำรวยไม่ต่างกัน
“เจ้าแซน แกไปชอบลูกสาวนังกำไลได้ยังไงกัน ผู้หญิงสวยออกเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ทำไมแกเลือกเอาสักคน ฉันละหนักใจกับแกจริงๆ เลย”
มณีรัตน์พูดด้วยความหงุดหงิดใจ โบกพัดในมือไปมาให้หายจากความร้อนรุ่มในอก
“ความรักมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะครับคุณแม่”
“ห้ามได้สิ ฉันไม่อยากไปดองหรือนับญาติกับมัน”
“แต่ถ้าคุณแม่ไม่ไปขอเขียนฟ้าให้เฮีย รับรองเลยว่าคุณแม่จะโดนนินทา หาว่าจน ไม่มีปัญญาไปสู่ขอลูกสาวเขานะครับ ป้ากำไลพูดไปทั่วตลาดว่าคุณแม่ประกาศไปแล้วว่าสินสอดลูกชายสองคนถึงไหนถึงกัน” อธิปไตยพูด แล้วกลั้นขำ บางทีพวกผู้ใหญ่ก็ทะเลาะกันเรื่องไร้สาระ
“เจ้าโซ่ แกก็เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องตลกไปหมด แกเถอะ สามสิบแล้ว ชาตินี้จะมีเมียไหม จะมีผู้หญิงโชคร้ายคนไหนได้แกเป็นผัว ห้ะ!”
“โอ๊ย! แรงอะคุณแม่ ผมไม่ได้ชั่วช้าสารเลวขนาดนั้น พูดซะผมไม่มีอะไรดีเลย”
“น้อยไปสิไม่ว่า”
“คุณแม่ก็หาให้ผมสิครับ หาให้แต่เฮีย ผมก็รอให้คุณแม่หาผู้หญิงดีๆ ให้ผมเหมือนกัน”
“โอ๊ย! ฉันไม่อยากเอาหนังหน้าไปรับประกันอะไรให้แกหรอก เกิดแกไปทำลูกสาวเขาน้ำตาเช็ดหัวเข่าขึ้นมา ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“ไว้บนบ่าเหมือนเดิมไงครับ”
“เพื่อนเล่นแกรึ”
“ขอโทษครับ”
“ฉันล่ะอ่อนใจกับแกเหลือเกิน”
“โหย... คุณแม่พูดซะผมนี่ชั่วเลยนะครับ แล้วเฮียแซนดูเป็นเทวดาขึ้นมาเลย” อธิปไตยแกล้งโอดครวญ
“แกน่าจะสำนึกบ้างนะ” มณีรัตน์จิกกัดลูกชาย ในขณะที่อธิราชนั่งฟังน้องชายกับมารดาเถียงกันไปมา ส่วนบิดานั้นไม่ต้องพูดถึง เป็นผู้ฟังที่ดีตลอดปีตลอดชาติ
“ผมไปข้างนอกดีกว่าครับ”
“แกจะไปไหนเจ้าแซน”
“ไม่บอกครับ”
“ไอ้ๆๆ ไอ้เจ้าลูกคนนี้นี่” มณีรัตน์ชี้นิ้วสั่นระริก มองตามลูกชายคนโตไปอย่างหงุดหงิดใจ
“เฮียคงไปหาว่าที่เมียแหละครับ”
“รู้ดี แกตามไปดูหน่อยสิ”
“ไม่ครับ ผมไม่ว่าง เฮียแซนโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว ปล่อยไปเถอะครับ”
“ไม่รู้ว่าจะไปรักไปชอบอะไรนักหนากับลูกนังกำไลมัน ไม่เห็นจะสวย สักนิด”
“ถ้าเขียนฟ้าไม่สวย ผู้หญิงทุกคนบนโลกคงขี้เหร่กันหมดแล้วละครับ คุณแม่”
“ขาวซีดขนาดนั้นมันสวยยังไง ผอมอย่างกับกุ้งแห้ง พี่ชายแกไม่รู้จักผู้หญิงที่มีน้ำมีนวลหรือไง”
“อ้วนๆ น่ะเฮียไม่เอาหรอกคุณแม่ เฮียชอบผู้หญิงแขนเล็ก ขาเล็ก นมใหญ่ เอวคอด สะโพกสะบึม”
“ผู้หญิงแบบนั้นเอามาทำไม มานั่งชี้นิ้วเป็นคุณนายน่ะรึ บ้านเราทำไร่ไม่ใช่เปิดห้างสรรพสินค้า”
“แล้วแม่จะให้เมียเฮียมาทำไร่ไถนาหรือไง เฮียโตแล้วแม่ ปล่อยเฮียไปบ้างเถอะ ไม่กลัวเฮียมีปัญหาชีวิตหรือไง”
“ปัญหาชีวิตบ้าบอคอแตกอะไรของแก พูดซะฉันเป็นพวกเผด็จการ”
“คุณแม่ลองถามคุณพ่อดูสิครับ ว่าคุณแม่เผด็จการรึเปล่า”
“อ้าว... เกี่ยวอะไรกับพ่อ” อธิวัฒน์ใบหน้าเหลอหลาเมื่อลูกชายคนเล็กโยนถ่านร้อนๆ มาให้
“อ้าว... คุณพ่อพูดได้ด้วยเหรอครับ ผมนึกว่าคุณแม่แย่งพูดไปหมดจนคุณพ่อ...”
“พอเลย แกจะไปไหนก็ไปเถอะ” อธิปไตยยังพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนมารดาเบรกเอาไว้เสียก่อน
“ขอรับกระผม” อธิปไตยยืนตัวตรงยืดอกกว้าง ยกมือตะเบ๊ะให้มารดาอย่างล้อเลียน เลยได้ค้อนจากมารดามาหนึ่งที
อธิราชขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งมาถึงร้านขายปุ๋ยชื่อดังในตัวจังหวัด เป้าหมายของเขาคือแฟนสาว เขียนฟ้า อมรวัฒนานนท์ ลูกสาวคนเดียวของกชกรและนภดลที่รวยไม่แพ้ใครในจังหวัดทางภาคอีสานแห่งนี้
“ดอกไม้สำหรับคนพิเศษครับ” อธิราชยื่นดอกกุหลาบสีแดงให้แฟนสาว เธอยิ้มรับ ก่อนจะเชิญเขาเข้าไปในร้าน
กชกรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นว่าที่ลูกเขยมาหาลูกสาวของตนถึงบ้าน นางจึงต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ให้สาวใช้ยกเครื่องดื่มและของว่างมารับรองไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
“สะใจจริงๆ เลย” กชกรพูดกับบุตรสาวเมื่ออธิราชกลับไปแล้ว
“สะใจอะไรเหรอคะคุณแม่”
“ลูกของนังรัตน์น่ะสิ มาติดพันลูกสาวคนสวยของแม่ คอยดูนะจ๊ะ แม่จะเรียกสินสอดสักสิบล้าน คอยดูว่ามันจะมีปัญญาไหม หนูนี่อภิชาตบุตรจริงๆ เลยจ้ะ” กรกชกุมใบหน้าของบุตรสาวเอาไว้ ก่อนจะพิศมองชื่นชมในความงามนั้น
“ลูกสาวคนสวยของแม่ หนูนี่มีรูปเป็นทรัพย์จริงๆ เลย”
“สิบล้านเลยเหรอคะคุณแม่ พี่แซนจะมีปัญญาเหรอคะ”
“ไม่มีปัญญาก็อายน่ะสิ แม่ตาแซนขี้โม้อวดรวยจะตายไป เชอะ! เราเองก็ไม่ได้น้อยหน้าใคร จะแต่งงานทั้งทีถ้าไม่สมน้ำสมเนื้อก็อย่าแต่งมันเลยลูก”จริงๆ ที่บ้านกำลังมีปัญหาด้านการเงิน แต่นางไม่อยากพูดให้ลูกฟัง
“จริงๆ พี่แซนก็น่าเบื่อนะคะคุณแม่” เขียนฟ้าเบ้หน้าน้อยๆ เมื่อนึกถึงแฟนหนุ่ม
“น่าเบื่อยังไงเหรอ แม่ก็เห็นว่าเขาดูแลเอาใจใส่ลูกสาวแม่ดีนี่จ๊ะ”
“พี่แซนน่ะ เวลาจะทำอะไรก็ต้องขอแม่ เงินอยู่ในกำมือของแม่ บ้านช่องอะไรก็อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ไม่เป็นส่วนตัวเลย ผู้ชายคนอื่นที่มาจีบหนูมีบ้านช่องเป็นของตัวเอง แต่พี่แซนยังเป็นลูกแหง่อาศัยพ่อแม่อยู่เลย”
“แม่ก็ไม่ได้ให้ลูกจริงจังกับพ่อแซนหรอกนะ ลูกเจ้าของร้านทองในเมือง พ่ออาทิตย์น่ะก็รวยใช่ย่อยนะ” คนเป็นแม่พูดแล้วอมยิ้ม เขียนฟ้ายิ้มอย่างรู้ทันมารดา
“แต่พ่อเลี้ยงอรัญเขาก็ดูดีกว่านะคะคุณแม่”
“จะใครก็ได้ลูก แต่ไม่ใช่ลูกนังมณีรัตน์ แม่นี่แหละจะทำให้มันหน้าแตก คุยโวว่าสินสอดเท่าไหร่เท่ากัน สำหรับลูกชาย แม่จะดูน้ำหน้ามันซิว่าจะทำได้ดังปากพูดไหม”
มณีรัตน์เดินมาซื้อของที่ตลาดเช่นเคย ก่อนที่นางจะชะงักเมื่อเห็นว่าอดีตเพื่อนรักกำลังด่าทอเด็กในบ้านอยู่หน้าตลาด
นางยอมรับว่าตัวเองเป็นคนปากร้าย แต่ไม่เคยใจร้ายกับใคร แค่ขี้บ่น ไปตามประสา แต่เห็นกชกรด่าทอทุบตีเด็กสาวในบ้านนามว่ามิ่งขวัญแล้วนึกเห็นใจไม่น้อย
“โง่จริงๆ เลยแก ให้ซื้อของแค่นี้ยังทำไม่ได้” กชกรจิกตามองเด็กในบ้านอย่างโมโห ของที่บุตรสาวอยากได้ แต่มิ่งขวัญกลับไปซื้อไม่ทัน ถูกคนอื่นแย่งซื้อไปจนหมด