ภรรยาสาวน้อย บทที่ 1
“ตาปรีดิ์”
เสียงเรียกที่ดังขึ้นด้านหลัง ทำให้คนที่กำลังย่องๆ จะออกจากบ้านสะดุ้ง แต่ก็ทำหูทวนลมไม่ได้ยิน ผิวปากหวือแล้วเดินยืดตัวตรง ก้าวยาวลิ่วๆ แต่ก็มีเสียงดังขึ้นอีกหน
“หมอปรีดิ์ แม่เรียกน่ะ ไม่ได้ยินหรือไงเล่า มานี่เดี๋ยวนี้นะ”
หนนี้จะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ก็ไม่ได้เสียแล้ว เพราะท่านเรียกดังขนาดนี้ ปรีดิ์จำต้องชะงักเท้า แล้วหันหลังกลับ เดินไปหาคนต้นเสียงที่นั่งหน้าตึงอยู่ในห้องรับประทานอาหาร
บ้านใหญ่โตขนาดนี้ ท่านได้ยินเสียงเขาได้ยังไงกันนะ อุตส่าห์เดินย่องเงียบๆ แล้วแท้ๆ ชายหนุ่มคิดในใจ แล้วเดินยิ้มๆ เข้าไปหาท่าน ที่พอเห็นหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวน สิ่งแรกที่คุณหญิงรุจีทำคือค้อนเขา
“ยังไงยะเราน่ะ”
“เอ...ยังไงนี่อะไรหรือครับแม่” เขาก้มมองนาฬิกาแล้วย่นจมูกน้อยๆ นัยน์ตาหลังกรอบแว่นสีทองของเขาเต้นระริกอย่างอารมณ์ดี
“ว้า...จะสายแล้ว”
“อย่ามาทำเป็นสายนะตาปรีดิ์ นี่แม่ดูตารางเวรเราแล้ว เราเข้าเวรบ่ายนะวันนี้”
“แม่นี่ถึงกับแอบดูตารางงานผมเลยหรือครับ?”
เขาหัวเราะขำ แล้วจำต้องทรุดลงนั่งตรงหน้าท่าน ตาเหลือบมองคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆ มารดา ที่ทำหน้าที่ของตนเองทันทีเมื่อเขาทรุดลงนั่งประจำที่
สาวน้อยตัวเล็ก...หล่อนอายุเท่าไหร่แล้วนะ ปรีดิ์มองหน้าใสๆ นั่นอย่างจะทบทวน ‘ยัยแมวมอม’ คือฉายาที่เขาตั้งให้หล่อน หล่อนเดินมาตักข้าวต้มให้เขา ไม่มองสบตา ก้มหน้า เม้มปากน้อยๆ แก้มป่องหน่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว ยามตั้งใจใช้ทัพพีตักข้าวต้มใส่ชามให้เขา ตาคมมองไล่ไปยังวงหน้าเนียนใส ตาของหล่อนโต...แป๋วแหวว คือสิ่งที่เด่นสุดบนใบหน้านั่น จุดสะดุดตาเขาตั้งแต่แรกเห็น หล่อนตาสวย โตแป๋วเฉียงขึ้นเล็กน้อย เหมือนตาแมว ผมของหล่อนรวบไว้เป็นหางม้า ผมดำยาวหยักศกลอนใหญ่มีน้ำหนัก สวยแบบที่ร้านทำผมไหนก็คงจะทำไม่ได้
“แมวมอม ตักกุ้งให้อีกหน่อยสิ งกกุ้งไว้ให้แม่หรือยังไงเราน่ะ”
เขาแสร้งเอ่ยเสียงดุๆ เจ้าหล่อนเงยมองหน้าเขา ทำหน้าเลิ่กลั่ก เอ่ยขอโทษเขา แล้วรีบตักกุ้งในชามข้าวต้มเพิ่มให้เขาอีก จนเขาต้องหัวเราะขำยิ่งได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆ หล่อนก็ยิ่งมือสั่น ตักจนพูนชาม ส่วนมารดามองค้อน แล้วทำเสียงอ่อน...
“เหมียวไม่ต้องแล้วจ้ะ ตาปรีดิ์หยอกน้องอีกล่ะ เอ๊อ...กินให้หมดนะ ถ้าแกเหลือกุ้งแม้แต่ตัวเดียว ฉันจะเอาทัพพีเพ่นหัวแก”
“โธ่...แม่ครับ ทีกับลูกพูดเสียงดุจัง ทีกับเด็กของแม่พูดหวานมาก น้อยใจ เสียใจ ไปดีกว่า”
“ตาปรีดิ์! นั่งลงเดี๋ยวนี้นะ อย่ามาทำไก๋” ท่านแว้ดใส่ เลยจำต้องทรุดลงนั่ง พลางหัวเราะหึๆ ไปด้วย เขาเหลือบตามอง ‘เด็กของมารดา’ เจ้าหล่อนยืนทำตัวลีบอยู่ข้างแม่ของเขา ยัยแมวมอม...ตอนนี้ยังไม่มอม แต่สักพักหล่อนก็น่าจะมอม เพราะคงจะไปขลุกกับสวนของมารดาตามเคย
“มาคุยกันก่อน เมื่อวันก่อน แกหายไปไหนหืม? ตอนที่นัดกับแม่แล้วดิบดี ว่าจะไปบ้านคุณหญิงมินตราด้วยกันน่ะ”
“คือ...”
“อย่ามาอ้างว่าติดงานนะ วันนั้นวันหยุดแก แม่เช็คกับหมออาตม์แล้ว”
“ไม่ถามไอ้หมอเลยล่ะครับว่าผมไปไหน”
ปรีดิ์ว่า นึกอยากจะเขกหัวเพื่อนรักนัก ที่รายงานหมดจดว่าเขาอยู่อะไรตรงไหน เฮ้อ...
“ก็ไม่ยอมบอกแม่น่ะสิ แม่ถึงต้องมาถาม ว่าตกลงแกหายไปไหน แล้วข่าวที่ปูดออกมาว่าแกไปเป็นแฟนของยัยไฮโซนั่นจริงหรือเปล่า ถ้าจริงนะ แม่ไม่ชอบ แม่ไม่โอเค กับแม่คนนั้น ขยันฉาวมาก หนก่อนก็นมหกออกสื่อ หกยัน...” คุณหญิงรุจีสั่นหน้า แล้วถอนใจเฮือก
“โอ๊ยตายๆ ทำไมคนเราเดี๋ยวนี้ขยันอยากดังในทางไม่ดีจัง”
“แม่...ผมก็แค่...”
หมอหนุ่มยักไหล่ เขากับวรางคณาสาวไฮโซสุดเปรี้ยว ตกลงกันว่าอยู่ในฐานะอะไร หล่อนสวย เฉี่ยว ถึงอกถึงใจ แถมยังเจ้าชู้...ก็ตกลงกันแต่แรกแล้วว่า อยู่กันแต่บนเตียง บางทีอาจจะไประเบียงบ้าง แต่ไม่ได้จริงจังอะไร ก็หล่อนออกจะรักสนุกปานนั้น เขาก็สนุกกับลิมิตของหล่อน โดยไม่ได้ให้ใจไปเกี่ยวข้อง เอาจริงๆ แล้วเขาเคยมีแฟนจริงจังแค่สอง เอ... หรือสาม...เอ...หรือห้า หมอปรีดิ์ชักจะสับสน แต่ล่ะนางก็เลิกรากันไป โดยมีตราติดเขามาว่าเขานั่นเจ้าชู้ ดูแลทุกคนเกินไป เฮ้อ...
เขาไม่ได้เจ้าชู้
แค่...
แค่ดอกไม้สวยๆ มันก็ช่างมากมายเหลือเกินบนโลกนี้ แล้วก็ยังไม่อยากศึกษาใครจริงจัง เขากลัว...อืม...ก็อาจจะกลัวความเจ็บปวดจากความรัก ก็ดูเพื่อนเขาเป็นตัวอย่างสิ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ขนาดต้องลาพักร้อนกันเลยทีเดียวเพื่อไปรักษาแผลใจ
ความจริงจังมากสุดก็คือสมัยเรียนมัธยมปลายสินะ แล้วตั้งแต่นั้น หมอปรีดิ์ก็ยังไม่เคยจริงจังกับใครอีกเลย เขายังสนุก มีความสุขกับชีวิตโสด แต่มารดาก็ดูเหมือนจะอยากให้เขาเป็นฝั่งเป็นฝา นัดคนโน้น นัดคนนี้ เขาทำไมจะไม่รู้ ว่าทำไมท่านถึงอยากให้เขาติดสอยห้อยตามไปนักหนา
“หนหน้าอย่าผิดนัดแม่อีกนะ” ท่านว่า แล้วค้อนให้อีกที
“กินให้หมดนะตาปรีดิ์ ไม่หมดล่ะแม่จะเอาทัพพีตีหัวแก”
“น้องแมวมอมตักให้ทั้งทีต้องกินให้หมดสิครับ”
เขาว่า แล้วหันไปยักคิ้วให้กับเด็กของมารดา หล่อนทำตาปริบๆ ก่อนจะหน้าแดง เอ่อ...เขาเห็นว่าหล่อนเผลอทำแก้มป่อง ก่อนจะก้มหน้าหลบตาเขา มือนั้นสั่นนิดๆ คุณหญิงรุจีขึงตาใส่บุตรชาย ก่อนจะกระแอม
“ตาปรีดิ์ ห้ามยุ่งกับเด็กแม่นะ”
“ไม่กล้าหรอกครับแม่” เขาหัวเราะแล้วเอ่ยเสียงดังอย่างจงใจให้ ‘เด็ก’ ของท่านได้ยิน
“ยังขี้มูกกรังจมูก ขี้หูขี้ตาเลอะอยู่เลย ผมไม่นิยมเสพเด็กครับ ไม่อยากติดคุก”
แม่ตัวเล็กยิ่งได้ยินเขาว่าก็ทำตาปริบๆ เขาเห็นว่าหล่อนแอบเหลือบมองเงาสะท้อนจากแจกันทองเหลืองใบเขื่องที่มีหางนกยูงประดับไว้ของมารดา แล้วแอบเช็ดจมูก ก็อมยิ้ม ส่วนมารดาเห็นพ่อตัวแสบทำแบบนั้น ก็เอื้อมมือมาหยิกจนเขาร้องโอ๊ย
“น้องไม่ได้ขี้หูขี้ตาเกรอะแบบนั้นสักหน่อย แหมๆ ยัยเหมียวสวยน่ารักจะตาย นี่คุณหญิงสมรยังมาขอแม่ให้ไปประกวดมีสทีนอะไรสักเวที แต่แม่ไม่ให้แม่หวงของแม่”
“หวงไว้ให้ใครหรือครับ” พ่อตัวดีเอ่ยกลั้วหัวเราะ พลางชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “ให้ผม?”
“เหอะ! ฉันไม่มีทางส่งลูกกวางน้อยให้เสือสางอย่างแกหรอกนะ ตาปรีดิ์ แม่จะส่งให้ยัยเหมียวเรียนสูงๆ แล้วก็มีอนาคตดีๆ ต่างหาก หึ! ถ้าน้องทำตัวดีน่ารัก แม่จะยกกิจการอาหารสุขภาพของแม่ แถมด้วยสัมปทานรังนกของพ่อแกที่เกาะแถวทางใต้ให้หมดเลย ระวังเหอะตาปรีดิ์”
“โอย...ผมลูกแท้ๆ นะครับแม่”
หมอหนุ่มแกล้งโอด เลยโดนคุณหญิงทำท่าจะหยิกเอาอีกที การเย้าแหย่ของมารดาและบุตรชาย รวมถึงการพูดจาของเขาและท่าน อยู่ในสายตากลมแป๋วนั่นตลอด
หล่อนเม้มปากนิดๆ
ทำแก้มป่องอย่างลืมตัวอีกแล้ว
คนที่แอบลอบมองหล่อนพลอยอมยิ้มอย่างอดไม่อยู่
เขาอดเย้าแหย่หล่อนไม่ได้หรอก เพราะอาการเลิ่กลั่ก น่าเอ็นดูของเจ้าหล่อนมักจะทำให้เขาขำ
สมบัติส่วนตัวของมารดา เด็กที่ท่านได้มาจากการไปออกทริปทำบุญที่ไหนสักที่ วันหนึ่งท่านก็หอบหิ้วเจ้าหล่อนเข้ามาในบ้าน และจัดการขัดล้างชุบเนื้อตัวใหม่ให้กับสาวน้อยบ้านไพร ที่บิดามารดาเสียชีวิตหมด และตอนแม่เขาไปหล่อนก็เสียยายที่พึ่งสุดท้าย แม่ตัวเล็กนั่งร้องไห้อยู่กับศพยาย ในบ้านเก่าโกโรโกโส ท่านเลยสงสารจนต้องเอากลับมาอยู่ด้วย ท่านว่าเอ็นดูเหลือเกิน สงสารเด็กตาดำๆ ตั้งชื่อให้เจ้าหล่อนใหม่ว่า ขวัญเจ้าเอย
หล่อนมีชื่อเล่นว่าเหมียว แต่เขาชอบเรียกแม่สาวน้อยว่าแมวมอม ก็หล่อนชอบไปคลุกอยู่กับแปลงสารพัดพันธุ์ไม้ของมารดา จนบางทีก็เนื้อตัวหน้าตามอมแมม ถ้านอกเหนือจากเวลาที่ท่านเรียกใช้หรือเลิกเรียน ท่านดูจะรักและเอ็นดูแม่แมวมอมนี้มาก เพราะอยากจะมีลูกสาวมานาน แต่ก็มีลูกชายคนเดียวอย่างเขาเสีย
หล่อนไม่ค่อยพูดจากับเขานักหรอก บางทีก็วิ่งหนีเขาเตลิดด้วยซ้ำ ไม่รู้กลัวอะไรนักหนา
แต่หมอปรีดิ์บางทีก็เอ็นดูหล่อน บางทีก็หมั่นไส้หล่อนนิดๆ ค่าที่มารดารักเหลือเกิน แถมหลังๆ นี้ขู่เขาว่าจะยกทุกอย่างให้แม่เด็กเก็บได้คนนี้แทนลูกชายคนเดียวเสียด้วย
ตาคมมองสบกับนัยน์ตากลมโตแจ๋วแหววนั่น เจ้าหล่อนหน้าแดงนิดๆ แล้วก้มหน้าหลบ ส่วนเขาแอบอมยิ้ม ยิ่งหล่อนทำแบบนี้ก็ยิ่ง...น่าแกล้ง
หมอหนุ่มคิดอย่างหมั่นเขี้ยวน้อง...