2 ผู้ชายเถื่อน 1
แก้วหญิงวัย 50 ปี อ้าแขนออกเมื่อร่างบางของมาริสาโผเข้าหา ซบใบหน้าลงกับอกแล้วร้องไห้อย่างสุดกลั้น หญิงสาวสะอื้นดังๆ ด้วยความเสียใจกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต
“น้าแก้วขา ริสาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอย่างนี้ได้อย่างไร ทำไมรถของคุณพ่อถึงเกิดอุบัติเหตุได้ ทั้งที่ท่านเป็นคนขับรถระวังมาก”
หญิงสาวถามแม่บ้านเก่าแก่ด้วยเสียงสั่นปนสะอื้น แก้วได้ยินดังนั้นหลับตาลง พร้อมกับส่ายหน้าที่เหนื่อยล้าไปมา
“น้าก็ไม่ทราบค่ะคุณริสาว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ ตอนเช้าคุณมานพบอกกับน้าว่าจะไปรับสินค้าที่ดอนเมือง คุณเพียงนภาก็ขอตามไปด้วย แต่คุณกฤษณายังไม่ออกบ้าน น้าได้ยินว่าจะตามไปทีหลัง ไม่อย่างนั้นเราจะสูญเสียมากกว่านี้นะคะ”
กฤษณาที่แม่บ้านพูดถึงคือน้องสาวต่างมารดาของมานพ ซึ่งเป็นพนักงานคนหนึ่งของบริษัท มานพให้น้องสาวกับสามี และหลานชายสามีอาศัยอยู่ในบ้านด้วยกัน
“รถคุณพ่อเกิดอุบัติเหตุที่ไหนคะ”
“บนถนนมอเตอร์เวย์ค่ะ ตำรวจบอกว่ารถเสียหลัก ตกถนนแล้วพลิกคว่ำ รถพังทั้งคัน ท่านทั้งสองก็จากไปทันทีเลยค่ะ”
“โธ่ คุณพ่อ คุณแม่”
หญิงสาวร้องไห้เสียใจต่อการจากไปของผู้ให้กำเนิดทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทนำเข้าอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน ขณะที่หญิงสาวซบหน้ากับอกแม่บ้านอยู่นั้น เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังใกล้เข้ามา แล้วหยุดลงใกล้ๆ
“ยายริสา อย่ามัวเสียใจอยู่เลย ไปดูหน้าพ่อแม่เธอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัด”
มาริสาสะดุ้ง ผละออกจากอ้อมกอดของแม่บ้าน แล้วมองสาวใหญ่รูปร่างดี แม้ว่าสวมเสื้อผ้าสีดำ แต่แต่งหน้าจัด ชุดหรูเตะตา เหมือนนางแบบเดินอยู่บนแคทวอล์ก
กฤษณาควงคู่มากับคมเวทย์ซึ่งเป็นสามีที่แต่งตัวคล้ายเพลย์บอย แม้จะเป็นชุดดำก็ตาม สายตาที่มองมาริสานั้นกรุ้มกริ่มเหมือนเคย
“อาณา ขอโทษค่ะ ริสายังทำใจไม่ได้ที่ท่านจากไปอย่างกะทันทัน”
น้ำตาหญิงสาวไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ร่างบางสั่นน้อยๆ คมเวทย์ไม่รอช้าเข้าไปโอบกอด ทำเหมือนเห็นใจ แต่แท้จริงแล้วกำลังลวนลาม ปลายนิ้วไล้ลงไปจากเอว แล้วขยับไปมาที่สะโพกงาม เธอสะดุ้งด้วยความกลัวเพราะอาเขยมักจะหาโอกาสค้ากำไรกับเธอเสมอ ซึ่งพฤติกรรมเหมือนเคนนี่หลานชายของเขา เข้าใกล้ทีไรเป็นต้องจับมือถือแขน
กฤษณาจ้องสามีเขม็ง ทำไมจะไม่รู้ว่าเขากำลังลวนลามหลานสาว จึงกระแอมกระไอแล้วชวนทุกคนไปที่ห้องดับจิต
“เอ่อ เราไปที่ห้องดับจิตกันเถอะ อาแจ้งกับหมอแล้วนะว่าเราจะไปดูศพ ป่านนี้เจ้าหน้าที่คงเปิดห้องรอเราแล้วละ”
“ค่ะ อาณา”
หญิงสาวดันอกกว้างของชายวัย 46 ออกโดยเร็ว แก้วรีบเข้ามาโอบไหล่พาเดินตามหลังสองสามีภรรยาด้วยความเป็นห่วง เธอรู้ว่าคมเวทย์กับเคนนี่ พยายามที่จะลวนลามคุณหนูของบ้านทุกครั้งที่เจอ ซึ่งเธอมีหน้าที่เพิ่มจากเดิม คือคอยขวางไม่ให้สองอาหลานไม่ให้เข้าใกล้มาริสา
“ไม่ได้เลยนะคุณเนี่ย นิดๆ หน่อยๆ ก็เอา”
กฤษณาดุคมเวทย์ด้วยความไม่พอใจ ทำตาเขียวใส่ แต่หนุ่มใหญ่เจ้าเล่ห์แกล้งตีหน้าซื่อได้อย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด
“อะไรครับ คุณชอบพูดกำกวมอยู่เรื่อยเลย”
“ก็กอด จับ ลูบก้นยัยริสาไง ไม่ต้องมาทำหน้าเหรอหราอย่างนี้เลยนะ คุณมันก็ไอ้จิ้งจอกคิ้วขาว แก่จะตายอยู่แล้ว ยังไม่รู้จักปลง”
“คุณก็พูดไปเรื่อย ผมเนี่ยนะแก่ แข็งแรงยังกับหนุ่มสิบเจ็ด ไม่เชื่อคืนนี้ลองดูปะ”
เขาทำตาเจ้าชู้ใส่ บีบมือเธอแน่น เบียดตัวเขาหาจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆ กระชั้นถี่ กฤษณาร้อนวาบไปทั้งตัว
“บ้าเหรอ เราอยู่ในโรงพยาบาลนะ คุณยังจะมาหื่นอีก พี่ฉันตายทั้งคนต้องสลดหน่อยสิ”
“สองคนนั่นตายก็เป็นผลดีกับคุณไม่ใช่เหรอจะได้ฮุบทุกอย่างของเขา รวมทั้งบริษัทนั่นด้วย คราวนี้ล่ะรวยไม่รู้เรื่อง”
“นี่คุณ เบาๆ หน่อย เดี๋ยวใครได้ยินเข้า โดยเฉพาะไอ้ทนายเทพตัวแสบนั่น มันทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง ดูแลสมบัติของพี่มานพ ขนาดฉันเป็นน้องสาวของเขาแท้ๆ ยังไม่มีอำนาจอะไรในบริษัท หุ้นก็ไม่มี นอกจากเงินเดือนนิดเดียว”
กฤษณาโกรธพี่ชายผู้ล่วงลับที่ไม่ยอมให้ตำแหน่งใดๆ ในบริษัท นอกจากเงินเดือนในฐานะพนักงานคนหนึ่งเท่านั้น
“เงินเดือนนิดเดียวอะไรตั้งแสนกว่า ถ้าคุณไม่ติดหรูก็อยู่ได้ ทุกวันนี้นอนบ้านฟรี กินข้าวฟรี เลี้ยงแค่ผัวกับหลานผัวเท่านั้น”
“อย่ามาโทษฉันฝ่ายเดียวสิ ถ้าคุณกับหลานไม่ผลาญฉันก็เหลือย่ะ”
“อ้าว มาลงที่ผมกับไอ้เคนนี่อีกแล้ว”
คมเวทย์พูดเสียงอ่อยเพราะไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอะไรมาก กลัวจะอดเงินใช้ ทุกวันนี้เขาอยู่ดีมีความสุขก็เพราะไถเงินจากกฤษณาเท่านั้น
“แล้วมันจริงไหมล่ะ”
“ครับ คุณมีรายได้เยอะนี่นา ส่วนผมกับหลานยังไม่มีงานทำ เอาน่าทนๆ หน่อย ตอนนี้ทางเปิดแล้ว พาผมกับหลานเข้าไปทำงานที่บริษัทด้วยนะ”
กฤษณาค้อนสามีอย่างไม่ชอบใจเท่าใดนัก ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าเดินเร็วๆ ไปยังห้องดับจิตเพื่อดูศพพี่ชายกับพี่สะใภ้ ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายไปบำเพ็ญกุศลที่วัด